แม้งานนี้จะหมดช่วงฤดูกาลไปแล้วกับปรากฏการณ์ยอดขายทะลุเป้า 2 หมื่นคันก่อนวันสุดท้ายเพียงแค่ 2 วันท้าทายการเมืองที่ร้อนระอุองศาเดือด ณ ใจกลางเมือง แม้ว่าจะร้อนแรงเพียงใดก็ไม่อาจจะลดความร้อนแรงของงาน Bangkok Motorshow 2010 ไปได้ ถือว่าเป็นงาน Event หนึ่งงานที่ประสบความสำเร็จในสถานการณ์แบบนี้

 
 

เริ่มจากคันแรกในบูธของ Mercedes-Benz จัดเป็นบูธไฮไลต์ที่เด่นสะดุดดึงดูดคนให้แวะมาเยี่ยมชมได้ไม่ขาดสายแม้จะไม่ใช่รถที่ขายได้จำนวนมากที่สุดแต่ก็เป็นรถที่ใครหลาย ๆ คนเฝ้าถวิลหามันมากที่สุดเช่นกันกับค่าตัวของมันที่แพงระยับพับผ้า 1 หลาก็ยังไม่อาจจะสรรหาความเลอค่าของมันได้

SLS AMG Gullwing  สีแดงเพลิงคันนี้จอดเด่นสะดุดทุกสายตาเกือบทุกคู่ (แม้จะมี S-Class มาบังก็ตาม) เป็นต้องมนต์ให้มาย่างกลายใกล้ ๆ กับรถคันนี้ มนต์เสน่ห์ของมันเกิดจากการถ่ายทอดความคลาสสิคที่งดงามจาก 300 SL Gullwing กำเนิดในยุคปี 1950 คงเอกลักษณ์สำคัญด้วยประตูแบบปีกนกที่หายากมาก ๆ ในรถสปอร์ตยุคปัจจุบัน แน่นอนการกลับมาของ SLS AMG Gullwing ทำให้ SLR ต้องอันตรธานหายไปอย่างช่วยไม่ได้เพราะมันจะไปทับไลน์กันเอง

จุดเด่นของมันอยู่ที่สมรรถนะที่สมกับเป็นรถซูเปอร์คาร์ด้วยเครื่องยนต์ V8 ความจุ 6.3 ลิตร ผลิตกำลังได้ 571 แรงม้าที่ 6,800 รอบต่อนาที แรงบิด 680 นิวตันเมตรหรือ 68.68 กิโลกรัมเมตรที่ 4,750 รอบต่อนาที ประกอบกับการใช้วัสดุตัวถังและโครงสร้างตัวถังที่ทำจากอลูมิเนียมจนมีน้ำหนักตัวเพียง 1,620 กิโลกรัมเท่านั้น

ผลน่ะหรือมันก็มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงเพียงแค่ 3.8 วินาทีเท่านั้นและความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 317 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เศรษฐีและเศรษฐินีท่านใดที่เงินถึงและใจก็ถึงด้วยกรุณาเซ็นเชคหรือเบิกเงินสดมูลค่า 24.9 ล้านบาทเท่านั้นเอง !! แล้วคุณจะได้รถสุดยอดยนตรกรรมให้ผู้อื่นอิจฉาเล่นครับ

รถคันต่อมาแม้คุณจะเป็นถึงมหาเศรษฐีมีเงินถุงถังมากมายแต่หากคุณชักช้าคุณก็อดครอบครองมัน เพราะมันถูกผลิตขึ้นมาจำนวนจำกัดเพียงแค่ 500 คันในโลกเท่านั้น

รถที่เรากำลังจะพูดถึงต่อไปนี้คือ Lexus LF-A รถเอ็กโซติคคาร์ที่ Lexus ตั้งใจรังสรรค์อย่างมากแค่รูปลักษณ์ภายนอกก็กินขาดไม่น้อยแล้วยังพกพาเครื่องยนต์สุดล้ำ V10 ความจุ 4.8 ลิตร น้ำหนักเบา วัสดุทำจากอลูมิเนียมอัลลอย แมกนีเซียมอัลลอย และไทเทเนียมอัลลอยทำให้มีขนาดเล็กเท่ากับเครื่องยนต์ V8 เลยทีเดียว

วัสดุตัวถังใช้ Carbon Fiber Reinforced Plastic (CFRP) เพิ่มความแข็งแกร่งให้โครงสร้างตัวถัง และยังมีน้ำหนักเบา โดยโครงสร้างตัวถังชนิดนี้จะมีน้ำหนักเบากว่าตัวถังแบบอลูมิเนียมถึง 100 กิโลกรัม และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ CFPR เข้ากับโลหะ นับเป็นความก้าวล้ำที่พัฒนาขึ้นโดย Lexus

Lexus LF-A สร้างความสมดุลด้วยการจัดวางตำแหน่งของชิ้นส่วนหลัก เช่น การวางตำแหน่งเครื่องยนต์และชุดส่งกำลังให้อยู่ระหว่างฐานล้อหน้า-หลัง การใช้ระบบหล่อลื่นแบบ Dry Sump Lubrication(1) การติดตั้งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง เช่น ปั๊มน้ำมันเครื่อง ปั๊มน้ำหล่อเย็น ไว้ด้านหลังของเครื่องยนต์ ทั้งหมดเพื่อให้เกิดจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถที่ต่ำ และยิ่งไปกว่านั้น การจัดวางชุดส่งกำลังและถังน้ำมันเชื้อเพลิงไว้ที่ด้านหน้าของเพลาหลัง ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ดีที่สุดในการกระจายน้ำหนักลงสู่ศูนย์กลางของตัวรถ จะทำให้การถ่ายเทน้ำหนักลดลงในขณะเข้าโค้ง ส่งผลให้รถมีประสิทธิภาพการทรงตัวที่ดีเยี่ยม นอกจากนี้ชิ้นส่วนที่มีน้ำหนักเบา อาทิเช่น หม้อน้ำ และพัดลมไฟฟ้าระบายร้อน ได้ถูกนำไปติดตั้งหลังเพลาขับหลัง สำหรับการจัดวางเครื่องยนต์ด้านหน้าและขับเคลื่อนล้อหลัง ประกอบกับตัวถังที่สั้น กว้าง และต่ำ จะทำให้ LFA สามารถกระจายน้ำหนักสู่ล้อหน้าและหลัง ได้อย่างสมดุล ด้วยอัตราส่วน 48 : 52

 

          การจัดวางตำแหน่งคนขับ
          การจัดวางตำแหน่งที่นั่งของผู้ขับที่ใกล้กับจุดศูนย์ถ่วง โดยมีตำแหน่งใกล้กับจุดกึ่งกลางของตัวรถมากที่สุด จากการจัดวางเพลาขับหลัง ชุดส่งแรงบิด และท่อไอเสีย อย่างเหมาะสมซึ่งช่วยลดขนาดความกว้างของอุโมงค์กลางลงได้ โดยจะทำให้ตำแหน่งผู้ขับสามารถสัมผัสความรู้สึกจากการขับขี่ได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการขับขี่ แบบสปอร์ต หรือ การขับขี่ที่มีแรงดึงและแรงเหวี่ยงสูงๆ จากการขับขี่ที่ใช้ความเร็วสูง

สนนราคาชนิดที่ว่าใครไม่รวยจริงอย่าซื้อ Lexus เคาะราคาอยู่ที่ราว  40 กว่าล้านบาท แพงระดับนี้ก็มีคนจองไปแล้วนะครับ