ปีใหม่ 2010 หรือ พ.ศ. 2553 เริ่มต้นไปได้  2 เดือนครึ่ง แล้ว
อันที่จริง กะเก็งไว้ว่า J!MMY’s TALK ในคราวนี้ น่าจะคลอดออกมา
ให้ได้อ่านกันตั้งแต่ ปลายเดือนมกราคม

แต่เอาเข้าจริง ก็ตัดสินใจต้องลากยาวออกไป ด้วยเหตุแห่งความ
วุ่นวาย และยุ่งเหยิงเป็นการส่วนบุคคล และอีกเหตุผล ก็เพราะว่า
ท่อนล่างสุดของบทความชิ้นนี้ มันคาบเกี่ยวกับไทม์มิง บางอย่าง
ซึ่งอ่านดูก็จะรู้เอง

Headlightmag.com เราหยุดไม่ได้ ข่าวสารในวงการรถยนต์นี่ เรียกว่าหยุดกันไม่ได้ราวกับ
ฉีกซอง ขนมอบกรอบคาราเมลยี่ห้อ ปาร์ตี้ กันเลยทีเดียว ปกติ ปีใหม่ นั้น ชาวบ้านชาวช่อง
เขาก็ไปเที่ยว พักผ่อน สังสรรค์กัน ทว่า สำหรับผม 7 ปีมาแล้วละ ที่ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน
ในช่วงปีใหม่กับใครเขาเลย

ทุกปีใหม่ที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนี้ และปีนี้ก็เช่นกัน ยังไม่ทันที่จะได้หยุดพักกัน ข่าวคราวจาก
ต่างประเทศ ก็ไหลเข้ามา ทั้งที่เป็นค่ำคืนวันที่ 31 ธันวาคม 2009 จน HOMY DEMIO น้องในทีม
ของเรา ก็ต้องมาอัพเดทให้คุณๆ ในค่ำคืนวันที่ 1 มกราคม 2010 กันนั่นละ

ฝั่งผมเอง คืนวันปีใหม่ มิได้ไปไหนกับใครเขา ซึ่งเป็นอย่างนี้เหมือนเคยตามปกติ
มาตลอด 5-6 ปีใหม่ มาแล้ว อยู่บ้าน นั่งเขียนต้นฉบับ ต่อเนื่อง ข้ามปี เหมือนเคย
เร่งปั่นบทความ 2010-2014 ให้เสร็จ มันหนักหนาถึงขนาด ต้องหอบเอา
Notebook ไปนั่งพิมพ์ต่อ ระหว่างกินสุกี้ MK กับคุณพ่อคุณแม่ ช่วงคืนวันที่ 31 ธันวาคม

ซึ่ง เมื่อมานั่งคิดดูอีกที ผมว่า นี่มันมากเกินไปแล้วละ ถึงขั้นแบ่งแยกไม่ออกแล้วว่า นี่มันเป็นเวลา
ที่เราควรจะให้กับครอบครัว มากกว่า จะมานั่งทำงาน เพื่อให้บรรลุทุกอย่างตามกำหนดเวลา
ในช่วงเทศกาล ที่ชาวบ้านเขาหยุดกัน (แต่ เว็บของเรา และเว็บรถยนต์อีกบางเว็บ ไม่หยุด)

พอทำบทความ รีวิว สรุปรถใหม่ 2010 – 2014 งานชิ้นสุดท้ายของปี 2009 เสร็จ
เมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 1 มกราคม นั่นละ ทุกอย่างของปี 2009 ก็จบสิ้นลงอย่างสมบูรณ์
เล่นเอาเดินลงมาจากห้องนอนด้วยอาการเบลอ สายตาเมื่อยล้ามากๆ แถมเหน็บยังกิน
เพราะนั่งนานไปหน่อย เดินเป๋ลงบันไดบ้านมาเลย

สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น นับตั้งแต่บทความชิ้นนั้นถูกเผยแพร่ออกไป
(ไม่สิ อันที่จริง ต้องบวกช่วงเวลา ก่อน ปีใหม่ 1 สัปดาห์เต็มๆ เข้าไปด้วย)

ผมแทบไม่อยากจะทำบทความไปอีกสัก 1 สัปดาห์เลยทีเดียว หมดแรง

ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา จนถึงเดี๋ยวนี้ ผมใช้ชีวิต อยู่บนเตียงนอนที่บ้านเป็นหลัก…
ทันทีที่แสงแดดปลุกให้ตื่นขึ้นมา ราวๆ 9 โมงหน่อยๆ อย่างไม่เต็มใจนัก ร่างอ้วนๆ ก็ลุกขึ้นนั่ง
หมุนตัว ไปทางซ้าย คว้า Notebook มาเปิดกาง เข้ามาลาดตระเวณดูความสงบเรียบร้อย
ของเว็บบอร์ด เป็นอันดับแรก เช็ค e-mail ว่ามีข่าวอะไรจากเมืองนอก หรือมีใคร
ส่งจดหมายเชิญ ร่วมงานอะไรก็ตามแต่ ไปจนถึง อีเมล์ถามปัญหาเรื่องรถ เป็นลำดับถัดมา
แล้วก็เริ่ม ลาดตระเวณดูข่าวสารเมืองนอก เฉพาะที่คิดว่าน่าสนใจจริงๆ ก่อนจะเริ่มต้น
ขุดเอาต้นฉบับเก่าๆ ที่ค้างเติ่ง ขึ้นมาเขียนหรือทำต่อ

เที่ยงกว่าๆ คุณพ่อก็จะโทรศัพท์ หรือไม่ก็เดินขึ้นมาเรียก ให้ลงไปกินข้าวเที่ยง
ล้างจานเรียบร้อย ก็ขึ้นมานั่งทำงานต่อ สถานการณ์ภายนอกเป็นอย่างไร ไม่สนใจ
ทำอย่างนี้เรื่อยไปจนถึงเย็น ตกหัวค่ำ ก็จะวาง Notebook ขับรถออกจากบ้าน
ไปกินข้าวเย็นที่ Foodland ศรีนครินทร์ บางวัน อาจชวนเพื่อนสนิทไปด้วยกันอีกสักคน
กินเสร็จ แยกย้ายกลับบ้าน แล้วก็ขึ้นมานั่งจุ้มปุ๊ก ทำงาน คิดงาน กันต่อไป ถึงราวๆ
ตาจะปิด ซึ่งมักจะเป็น ตี 4 หรือ ตี 5 นั่นละครับ ไฟในห้องนอนถึงจะถูกปิดลงอีกครั้ง
เป็นอย่างนี้ ต่อเนื่องกัน ตั้งแต่ ก่อนปีใหม่ ซึ่งยังต้องนั่งทำรีวิว Volvo S40 จนถึง
รีวิว สรุปรถใหม่ 2010 – 2014 อันเป็นงานชิ้นสุดท้ายของปี 2009 ก็เสร็จสิ้นลง
ในค่ำวันที่ 1 มกราคม นั่นละ พอ 2 เรื่องนี้ จบสิ้นลง กว่าจะรู้ตัว วิถีชีวิต 2 ย่อหน้าข้างบนนี้
ก็กลายเป็นกิจวัตรล่าสุดของผมไปแล้ว…จนถึงวันนี้

น่าเบื่อไหม?

ครับ มันอาจจะน่าเบื่อ แต่สำหรับผม มันสงบมาก และช่วยทำให้ผมได้คิดอะไรออกมาอีกเยอะ
ได้ซื้อหนังสืออะไรต่อมิอะไรอีกแยะมาอ่าน และมีไอเดียหลายอย่าง แล่นเข้าแล่นออกจากหัวตลอด

แล้วคุณว่า มันน่าเบื่อไหมละ?

เปล่าครับ ผมไม่ได้ถามถึง กิจวัตรที่ผมทำมาทั้งหมด

แต่ผมกำลังจะถามถึง ไอ้สิ่งที่คุณเพิ่งได้่อ่านไป ทั้งหมดข้างต้น นี่ต่างหาก!!

คุณเปิดเว็บไซต์รถยนต์เข้ามา เพื่อที่จะอ่านเรื่องราวของรถยนต์กันใช่ไหมครับ?
แต่กลับ จะต้องมาเจอเรื่องราวอะไรก็ไม่รู้ ที่คุณเองก็ไม่ได้อยากจะรับรู้
ใครมันจะมีชีวิตอย่างไร ก็เรื่องของมันผู้เขียนคนนั้นไปสิ เรื่องอะไรจะต้อง
เอามาเขียนให้คนทั่วไปเขารับรู้กันด้วยเล่า?? โว้วววว!

เรื่องเล่าของตัวเองแบบนี้หนะ ใครๆก็เขียนได้ และเมื่อใครก็เขียนได้ มันก็เลย
กลายเป็นสิ่งหนึ่ง ซึ่งเรามักจะพบเห็นกันอยู่เนืองๆ ในงานเขียนของ สื่อมวลชน
สายรถยนต์ของเมืองไทย “ทั่วๆไป”

เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไม วงการสื่อมวลชนสายรถยนต์เมืองไทยของเรานี้
มันถึงย้ำอยู่กับที่? และไม่ได้กลิ้งหรือพัฒนาตัวเองไปไหนในทางที่มันดีกว่านี้เสียที?

คำถามต่อไป ทำไมรูปแบบการนำเสนอของสื่อรถยนต์ในบ้านเรา
มันไม่มีอะไรแปลกใหม่ ซ้ำไปซ้ำมา กันอยู่ได้?

คำตอบก็คือ ส่วนหนึ่งหนะ เพราะเขากลัวโฆษณาจากบริษัทรถยนต์
กลัวที่คำวิจารณ์ตรงๆ อย่างที่เขาอยากจะเขียน มันอาจมีผลกระทบกับเงินสนับสนุน
ค่าโฆษณา..ทั้งๆที่จริงๆบริษัทรถก็อาจไม่ได้ต้องการให้พินอบพิเทาอะไรกันขนาดนั้น)
นั่นเงินทั้งนั้นนะเฟ้ย เดือนละหลายหมื่น หลายแสนบาทกันอยู่ เขียนก็ต้อง
ระวังๆ อย่าด่าแรงๆ เดี๋ยวเขาเคืองเอา แล้วพาลจะโกรธกัน

เคยสงสัยไหมครับว่า ทำไม คนอ่านหนังสือรถ ส่วนใหญ่ ถึงมีแต่ผู้ชาย
ไม่มีผู้หญิง หรือเลสเปี้ยน เกย์ กะเทย ที่ชอบรถบ้างเลยหรือยังไง?

คำตอบคือ มีครับ เยอะแยะมากมายก่ายกอง แถมบางคน รู้เยอะ รู้ละเอียด
ที่หนักกว่านั้น เกย์บางคน ถ้าขับรถแข่งกันในสนามคลอง 5 ก็ยังเอาชนะผู้ชายแท้ๆ
กันได้ด้วยซ้ำ! แต่ซุกซ่อนอยู่ เมื่อไม่มีใครรู้ ก็เลยไม่มีใครเคยเห็น ไม่เคยสนใจ

(แต่ผมเห็น และเยอะกว่าที่ทุกคนจะคาดคิด จากที่สัมผัสมาด้วยตัวเอง)

หลายคนคงตอบสวนกลับมาทันทีว่า อ้าว! เหรอ? ไม่รู้มาก่อน มีด้วยเหรอ
นึกว่าปกติวันๆเห็นเอาแต่ล่าผู้ชาย กันในฟิตเนสกลางห้างดัง หรือไม่
ก็นั่งเมาท์ดารา ตามประสาไปวันๆ (-_-‘)

ทำไม หนังสือรถ ต้องมีแต่ ภาพสาวๆ ที่มุ่งเน้นการขาย เนื้อ นม ไข่
ภาพเซ็กซี่ อันหวาบหวิว ที่ไม่ได้ช่วยจรรโลงสังคม เท่าใดเลย
บางราย ก็เล่นนำเสนอ มากล้นเสียจนชวนให้สงสัยว่า
นั่นคือ “เต้า” หรือ “ถุงลมนิรภัย” (ทั้งแบบที่พึ่งทำงาน ไปเมื่อเสี้ยววินาทีก่อน
และแบบที่ผ่านการทำงานมาแล้ว 3 วัน) บางราย ก็เสนอกันซะ
หลายหน้าในเล่มเดียว จนแทบจะถามว่า ตกลงพี่จะเปิดหนังสือรถ
หรือพี่จะทำฟาร์มโคนม แข่งกับ สหกรณ์ หนองโพ ราชบุรี กันแน่ครับ?

คำตอบก็จากปากผู้คนทั่วไป ก็คือ “อ้าว รถสวย ก็ต้องคู่กับหญิงงามเด่ะ
จะให้ไปคู่กับอย่างอื่นได้อย่างไรกัน” (-_-‘)

เรามักเอาประเด็นทางเพศ มาแบ่งแยก รูปแบบการรับสื่อของสังคม
กันจนกลายเป็นความเชื่อผิดๆไปหมดแล้วว่า หนังสือรถ หรืออะไรก็ตาม
ที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์ มันเป็นโลกของผู้ชาย…ซึ่ง ทุกวันนี้ ก็มีข้อพิสูจน์มากมาย
ที่แย้งกันโต้งๆว่า ความเชื่อเหล่านั้น ผิด…!

4 ประเด็นที่ว่านี้ มันไม่มีทางแก้เลยเหรอ?

คำถามเหล่านี้ ผมเฝ้าถามกับตัวเองมา นานแล้ว
ว่า เราจะทำอย่างไรได้บ้าง อย่างน้อย เพื่อที่จะให้อะไรๆมันดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่

จนกระทั่ง…นับตั้งแต่เริ่มทำ Headlightmag.com กับน้องๆ The Coup Team กันมา
เกือบจะครบ 1 ปีแล้ว เราเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงมากขึ้น ในสังคมเวลานี้

ผมเริ่มสังเกตพบว่า

– ทุกวันนี้ มีผู้หญิงหลายคน ที่เริ่มมาพูดคุยกับผม เรื่องรถยนต์มากขึ้น
แถมบางเรื่อง ยังรู้ลึกลงไปถึงรถรุ่นนั้นๆ ละเอียดกว่าผมเสียอีก

– ชาวเกย์ เริ่มเข้ามาปวนเปี้ยนพูดคุยในเว็บไซต์รถยนต์
มากขึ้นกว่าแต่ก่อน ชัดเจน อย่างสังเกตได้เลย

– ผมเริ่มเห็น นักศึกษามหาวิทยาลัย สาวๆ จับกลุ่ม ยืนอ่านแค็ตตาล็อก
และใบราคา ของ Mazda 2 กลางพื้นที่จัดแสดง ณ เซ็นทรัล ลาดพร้าว
กันอย่างสนอกสนใจมากๆ ถึงขั้นดูตารางสเป็ก แล้วก็พูดถึงรถคู่แข่ง
ในช่วงวันรุ่งขึ้นหลัง วันเปิดตัว

– และแน่นอน กระแสของ Mazda 2 ทำให้ แทบทุกเว็บไซต์รถยนต์ที่เกี่ยวข้อง
ต่างพากันทำลายสถิติ ยอดผู้เข้าชม พุ่งทะลุ New High กันทุกราย ไม่เว้นแม้แต่
เว็บไซต์ของเรา ซึ่งทำลายสถิติ New High ไปกับเขาด้วยยอด ผู้ชม 9,411 UIP
ในวันที่ เราลงบทความ Full Review ของ Mazda 2 เป็นวันแรก

– ล่าสุด กระแส Nissan ECO Car ก็เริ่มร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เว็บของเรา
มียอดผู้เข้าชม ทะลุ 11,000 UIP ต่อวัน ติดกันมา 2 สัปดาห์เข้าไปแล้ว และดูท่า
จะเป็นอย่างนี้เรื่อยๆ

– ก่อนหน้านั้น มีกะเทยสาวคนหนึ่ง เข้ามาพูดคุยกับผม ระหว่างที่
เธอกำลังยืนเป็นเจ้าหน้าที่ ให้กับบูธของ UNICEF ที่ สยามดิสคัฟเวอรี
เธอบอกว่า เธอติดตามอ่านงานเขียนของผมมานานแล้ว ก็เลยให้ทางเข้า
เว็บ Headlightmag ไป เพราะตอนนั้น เธอไม่รู้ว่า เราเปิดเว็บแห่งใหม่กันแล้ว

– หรือไม่ต้องอื่นไกล เอาแค่บางส่วนจากผู้คนที่ทำงานในอุตสาหกรรมรถยนต์
ของเราก็พอ ผลวิจัยตลาดที่เกิดขึ้นเมื่อปีก่อน ในช่วงปี 2007 มีคนใช้อินเตอร์เน็ต
ในการค้นหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อรถ แค่ 17 % แต่ในปี 2008 ตัวเลขการสำรวจ
กลับพุ่งพรวดขึ้นมาเป็น 38 % ! และนี่ก็คือข้อมูล ในช่วงที่ เราเพิ่งจะเปิดตัว
เว็บไซต์แห่งนี้กัน เมื่อปีที่แล้ว ยังไม่ทราบว่า ปีนี้ ตัวเลขมันจะพุ่งไปอีกเป็นเท่าใด?

นี่แค่ ตัวอย่าง ของสิ่งที่เกิดขึ้น ในปีที่ผ่านมา ที่ผมพบเจอด้วยตัวเอง นะครับ….  

และแน่นอน ด้วยเหตุทั้งหมดข้างต้น เจ้าของสื่อ แบบดั้งเดิม ทั้งนิตยสาร
วิทยุ หรือแม้แต่รายการโทรทัศน์ ในอดีต ก็เริ่มตัดสินใจเบนเข็ม มาทำเว็บไซต์
กันมากขึ้น กระแสนี้ เกิดขึ้นชัดเจนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว

แต่มันมีเรื่องน่าเศร้านิดหน่อย…
ก็เพราะว่า ส่วนใหญ่ ที่เบนเข็มกันมานั้นหนะ ต่างก็ทำเพราะคาดหวังว่า
จะมีรายได้จากบริษัทรถยนต์ หรือเอเจนซี โฆษณา  และบรรดา Media agency
ทั้งหลาย เพิ่มมากขึ้นอีกนิดนึง

ครับ หลายคน ไม่ได้คิดถึง คนอ่านกันเลย
หรือต่อให้คิด ก็ยังคงคิดและมองในมุมเดิมๆ

ปีใหม่กันแล้วนะครับ
คิดใหม่ทำใหม่ กันได้หรือยัง พี่น้องทั้งหลาย?

ผมว่า พวกเราเริ่มทำกันมาตั้งแต่ปี 2009 แล้วละ

ปีที่แล้ว เราเปิดตัว Headlightmag.com กันออกมา ด้วยรูปแบบที่ ชัดเจน  
ถ้าเอาเข้าจริง ก็ไม่ค่อยจะเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาเท่าไหร่

ตอนนี้? มีหลายรายเริ่มเปิดเว็บไซต์รถยนต์ แบบคล้ายๆกันกับเราขึ้นมาหลายแห่ง
บางแห่ง พยายามจะเสนอแต่ข่าว บางแห่งทำใหม่ทั้งหมด บางแห่ง อยู่มานานกว่าเรา
แต่ก็ต้องถึงกับ ปรับปรุงหน้าเว็บของตนเสียใหม่ ให้มีสีสันเหมือนกับเราซะอีก
ยังไม่นับ บรรดา สื่อรายใหญ่เจ้าตลาด หลายราย ที่เริ่มมีการปรับทิศทางของงานด้าน
ข่าวสารวงการรถยนต์กันบ้างแล้ว

ดีครับ แสดงว่า เราได้เปิดประเด็นการแข่งขันขึ้นแล้ว และขอทำนายว่า นับจากนี้
จะมีแค่ ผู้ที่นำเสนอข้อมูล อย่างจริงใจ และตรงไปตรงมา รวมทั้ง ถูกต้อง เท่านั้น
ที่จะอยู่รอดได้ในระยะยาว พวกที่ใช้พื้นที่สื่อของตน เพื่อหวังเป็นเพียงเครื่องมือหากิน
หรือเป็นเครื่องมือในการโจมตีผู้อื่น จะค่อยๆเสื่อมความนิยม และจะอยู่ไม่ได้ จนต้องตายจากไป
เพราะเราเริ่มเห็นแล้วว่า ประชาชน เริ่มเบื่อเนื้อหาการโจมตีกันไปมาอย่างไม่เป็นธรรมเหล่านั้น
 
ปีที่ผ่านมา เราก็พยายามเป็นรายแรกในการนำเสนอ รีวิวรถใหม่หลายๆรุ่น ให้คุณผู้อ่าน ก่อนใคร
ตอนนี้ หลายสื่อ ก็เริ่ม พยายามแข่งนำเสนอ เป็นรายแรกกับเราบ้าง (แม้จะยังไม่มากนักก็เถอะ
แต่ก็ดีใจที่เริ่มมี)

ปีที่ผ่านมา เราพยายามเสนอ User’s Voice เพื่อให้คุณๆ ลองมาทำรีวิวรถของตัวเอง
ตอนนี้  กระแสการนำรถตัวเองมาทำรีวิว ในมุมของผู้บริโภค จู่ๆ ก็เริ่มฮิตติดลมบนกันขึ้นมา
ในเว็บของเรา และลามทุ่งไปยัง เว็บพันทิบ…(อันนี้มีคนรายงานมา และได้มีโอกาสแวะไปดู
รีวิวของบางคน กันมาแล้ว ตามแต่จะมี ลิงค์ส่งมาให้) คอยดูสิ หลังจากนี้มันจะฮิต

ซึ่ง เราเองก็อยากจะเห็นการเกิดขึ้น ของรีวิวแบบนี้ เพราะนี่แหละ คือสิ่งที่จะทำให้
บริษัทรถยนต์ เริ่ม ต้องเพ่งเล็ง และระมัดระวังตัวมากขึ้น เพราะทีนี้ รีวิวต่างๆ
มันจะไม่ได้มาจากสื่อมวลชน เพียงอย่างเดียว อีกต่อไป เพราะผู้บริโภคเนี่ยแหละ
ที่จะร่วมกัน ทำรีวิวออกมา ในแนวทางของพวกเขาเอง และจะเต็มไปด้วยความหลากหลาย
และคราวนี้ คนอ่าน ที่มาใหม่ ยิ่งต้องเพิ่มการใช้วิจารณญาณ ทวีคูณ ขึ้นอีกหลายเท่าตัว

อีกทั้งบริษัทรถยนต์ทั้งหลาย จะไปแทรกแซงเหมือนกับในอดีตที่ผ่านมา
ก็ทำไม่ได้ง่ายดายอีกต่อไป

ซึ่งเป็นสิ่งที่ ดีครับ จะได้ช่วยกันสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ข้อมูลข่าวสาร
กับการนำเสนอขึ้นมา

เพียงแต่ว่า User’s Voice ที่คุณ ทำลง Headlightmag.com นั้น จะแตกต่างจากการที่คุณ
ทำรีวิว ลงในเว็บอื่นๆ ที่อื่นตรงที่ว่า

1. เรายังไม่มีรายได้ใดๆ ให้คุณเลยอยู่ดีครับ (เพราะตัวเจ้าของเว็บเอง ก็เพิ่งจะมีเงินเดือน
เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เปิดเว็บมา ก็เดือนธันวาคมมานี้เอง และมันพอแค่เป็นค่ากับข้าว
รายเดือนไปได้ราวๆ พักใหญ่ เท่านั้น แหะๆ)

2. ถ้า รีวิวไหน เราเห็นว่า มีประโยชน์ กับคุณผู้อ่านอย่างแท้จริง และเรามองเห็นแล้วว่า
เข้าข่ายมาตรฐานที่เราตั้งกันเอาไว้ รีวิวจากคุณผู้อ่านชิ้นนั้น จะถูกนำขึ้นมาไว้
บนหน้าแรกของเว็บไซต์ ซึ่งนั่น จะช่วยการันตี ความน่าเชื่อถือของบทความรีวิวชิ้นนั้นๆ
ว่า ได้มาตรฐาน ในการเขียนและการนำเสนอ ที่เพียงพอให้สามารถนำไปใช้เป็นข้อมูล
ประกอบการตัดสินใจได้

ปีที่ผ่านมา เราเริ่มต้น คอลัมน์ “แฉให้ฟัง หลังเข้าศูนย์” เป็นคอลัมน์ ที่ให้คุณๆ
มารายงานความประทับจิต หรือไม่ประทับใจ ศูนย์บริการต่างๆ (ซึ่งหลายๆท่าน ก็ดูเหมือนจะ
ลืมไปแล้วว่ามีคอลัมน์นี้อยู่ และผมยังอยากอ่านอยู่ครับ ยิ่งโดยเฉพาะ ถ้าคุณสามารถรีวิวรถคุณ
ได้แล้ว อย่าลืม ขอรบกวน ศูนย์บริการ ที่คุณใช้บริการ ครั้งล่าสุดด้วย จะขอบคุณมากๆครับ)

ในที่สุด เราก็เริ่มเป็นผู้จุดประกายความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้นได้
และด้วยโลกอินเตอร์เน็ตเนี่ยแหละ คือ จุดเปลี่ยนที่สำคัญ ที่ทำให้ผมได้พบว่า
เราสามารถ สร้างสรรค์ สื่อด้านรถยนต์ ในแบบที่เราเป็น แบบที่ไม่มีใครเหมือน
และเราต้องเสาะแสวงหารูปแบบที่ โดนใจคนส่วนใหญ่ ซึ่งไม่มีความรู้เรื่องรถ มาก่อน
แต่จำเป็นต้องเอาชีวิตมาเกี่ยวข้องกับรถ จะต้องซื้อรถใหม่ รถมือสอง หรือจะต้อง
แก้ปัญหาต่างๆนาๆ เมื่อขับรถไปชนชาวบ้านเขา หรือ แม้แต่ เอาตัวรอด
ในยามที่รถของเขาเหล่านั้น มีปัญหา ขณะเดินทางไกลไปในที่เปลี่ยวๆ

เนื้อหาเหล่านี้ คนอื่นเขาเสนอมาเยอะแล้วละครับ…
แต่ก็ยังมีคนอีกมาก ที่ไม่ได้สนใจจะรับรู้
เพราะพวกเขา มองว่า มันไม่น่าสนใจ…

ก็เพราะว่า คนที่ทำกันอยู่ ไม่รู้ว่าจะเสนอยังไงให้น่าสนใจ

เราอยากจะทำให้สังคมรับรู้ว่า เรื่องรถยนต์ หนะ มันไม่ได้ไกลตัวเลย
มันอยู่รอบๆตัว และเป็นเรื่องของทุกๆคนได้ เป็นเรื่องที่ “บันเทิง” ก็ได้
มันไม่ได้ซีเรียสซะจนยากจะเข้าถึงกันสักหน่อยนึง!

งั้น…เราก็มาทำให้ เนื้อหาแบบนี้ น่าสนใจขึ้นมา ในสายตาของคนกลุ่มใหญ่
ที่ไม่ค่อยมีความรู้เรื่องรถ แต่อยากรู้ หรือจำเป็นต้องเริ่มเรียนรู้ เรื่องรถยนต์กันเถอะ!!

และนั่นละ คือ สิ่งแรก ที่เราจะเริ่ม ทำออกมา ให้กับคุณผู้อ่าน ได้สัมผัสกัน
โดยยังไม่นับรวมกับ กิจกรรมอื่นๆ ที่เราคิดกันเอาไว้ และจะทะยอยนำเสนอออกมา

ในเร็ววันนี้…!!  

———————————————-///———————————————–

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งภาพและบทความ
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
8 มีนาคม 2010