เมื่อวันสองวันก่อนภาพชุดของรถรุ่นนี้แพร่ภาพไปหลายเว็บไซต์รถยนต์ชั้นนำว่อนจนน่าแปลกใจว่าทำไมไม่เปิดเผยข้อมูลเต็ม ๆ เสียทีเดียวล่ะ (หลุดมาซะขนาดนี้) และก็ตามคาดบริษัทต้นสังกัดเผยแพร่ข้อมูลและภาพของรถคันดังกล่าวอย่างเป็นทางการวันนี้

 

Mercedes Benz E-class Wagon คือตัวถังที่ 3 ในตระกูล E-class โฉมปัจจุบันและเป็นตัวถังที่ทำตลาดมานานกว่า 30 ปีแล้ว เจเนเรชั่นกำเนิดปี 1977 ด้วยความอเนกประสงค์ที่ผนวกกับความหรูหราจนถึงปัจจุบันสะสมยอดขายมากกว่า 1 ล้านคันแล้ว

รุ่นปัจจุบันเป็นโฉมที่ 5 น่าจะทำให้ตระกูล E-class เร่งเร้าความสำเร็จมากกว่าเดิมนอกเหนือแค่ตัวถังซีดานและคูเป้ ดูจากยอดขายเวอร์ชันซีดานนับตั้งแต่เปิดตัวจนถึงเดือนพฤษภาคม 2009 กวาดยอดขายไปแล้ว 40,000 คันทั่วโลก

ยังไม่พอเกียรติประวัติ E-class โฉมใหม่ถูกจารึกโดยผู้อ่านนิตยสาร Autobild เยอรมนีมากกว่า 1 แสนคนว่าเป็นรถ 4 ประตูที่สวยที่สุดในโลกและรุ่นคูเป้สวยเป็นอันดับต้น ๆ ของตลาดเลย

มาดูดีไซน์ภายนอกกันดูไม่แตกต่างจากซีดานมากนักดูแข็งแกร่ง เส้นสายคมชัดและดูคล่องแคล่ว อันเป็น DNA การออกแบบยุคปัจจุบันที่เห็นใน S และ C-class รุ่นปัจจุบันภายใต้ตัวถังความยาว 4,895 มม. ความกว้าง 1,854 มม. ความสูง 1,471 มม. ลดความแข็งกระด้างด้วยเส้นขอบกระจกที่โค้งเล็กน้อยนำจุดสายตาให้กลมกลืนกับด้านท้ายที่โดดเด่นด้วยขอบซุ้มล้อแบบ Contour คมชัดต่อเนื่องจรดท้าย ส่วนไฟท้ายลวดลายโคมไม่แตกต่างจากซีดานนัก

 

ในเมื่อเป็นรถอเนกประสงค์แล้วก็ต้องมีฟังก์ชันการใช้งานครอบคลุมการขนสัมภาระ ได้แก่ ระบบ QuickFold คันโยกพับเบาะหลังซ่อนอยู่เสา D ไม่จำเป็นต้องเดินอ้อมไปพับด้วยตนเอง ความจุห้องสัมภาระมากถึง 1,950 ลิตร แต่หากคุณอยากจะจัดการสิ่งของที่มิใช่แค่กล่อง ระบบ Easy-Pack ช่วยแปลงพื้นที่และมีจุดยึดตะขอสำหรับสิ่งของนั้น ๆ หากขนต้นไม้ก็แค่เปิดฝาปิดและใส่มันลงไปเท่านั้น หรือถ้าอยากติดตั้งเบาะแถวที่สามก็สั่งติดตั้งได้หากไม่ใช้งานพับเบาะเก็บลงใต้พื้นห้องโดยสารได้

 

ระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดทั้ง ATTENTION ASSIST ให้ผู้ขับตื่นตัวตลอดเวลาหากมีอาการง่วงก็จะเตือนเสมอ ระบบ DISTRONIC PLUS ทีทำงานร่วมกับครูยส์คอนโทรล ระบบ Pre-Safe เบรคฉุกเฉินเมื่อเซนเซอร์จับระยะรถคันหน้าใกล้เข้ามามาก ๆ พร้อมกระชับเข็มขัดนิรภัยให้แน่น ๆ ลดความเสียหายขณะชนหรือเตือนสติให้คนขับควบคุมรถให้ปลอดภัย ถุงลมนิรภัยมาตรฐาน 9 ใบ เข็มขัดนิรภัยปรังแรงดึงกลับได้ และ Neck Pro ลดการบาดเจ็บต้นคอ

ระบบช่วงล่างไม่แตกต่างจากซีดานมากนักแต่ปรับปรุงชอคอัพและทอร์ชันบาร์เล็กน้อย ส่วนด้านหลังติดตั้งระบบยกท้ายอัตโนมัติเมื่อบรรทุกสิ่งของหลักการเหมือน Chevrolet Captiva

เครื่องยนต์ทุกรุ่นประทับตรา Blueefficiency ว่าประหยัดและลดมลพิษแน่นอน แต่มีข้อแตกต่างตรงที่หากทำตลาดออสเตรเลียจะมีเครื่องดังต่อไปนี้
ดีเซล
-รุ่น E220 CDI 4 สูบ 2,143 ซีซี 125 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 5.7-5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 150-153 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
-รุ่น E250 CDI 4 สูบ 2,143 ซีซี 150 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 5.7-5.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 150-153 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
-รุ่น E350 CDI V6  2,987 ซีซี 170 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 7.0-7.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 185-192 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

เบนซิน
-รุ่น E350 CGI V6 3,498 ซีซี  215 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 8.6-8.9 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 200-208 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด
-รุ่น E500 V8 5,461 ซีซี 258 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 11.1-11.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อค่าไอเสีย CO2 258-260 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

ส่วนรุ่นทำตลาดยุโรปมีเครื่องดังนี้
ดีเซล
-E200 CDI 4 สูบ 2,143 ซีซี  100 กิโลวัตต์  อัตราสิ้นเปลือง 5.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 150 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
-E350 CDI 4Matic V6  2,987 ซีซี 170 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 7.6-7.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 200-203 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

เบนซิน
-E200 CGI 4 สูบ 1,796 ซีซี 135 กิโลวัตต์  อัตราสิ้นเปลือง 7.7 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 179 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 สปีด
-E250 CGI 4 สูบ 1,796 ซีซี 150 กิโลวัตต์  อัตราสิ้นเปลือง 8.0-8.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 185-191 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
-E350 4MATIC V6 3,498 ซีซี 200 กิโลวัตต์ อัตราสิ้นเปลือง 10.2-10.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 238-247 กรัมต่อกิโลเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด

กำหนดเปิดตัวเดือนพฤศจิการยนนี้เริ่มวางจำหน่ายไตรมาสแรกของปี 2010
ส่วนประเทศไทยยังไม่แน่ใจว่าจะสั่งเข้ามาจำหน่ายหรือไม่ ตอนไหน