ในที่สุด ผมก็หาโอกาส ทดลองขับ วีโก้ 4×2 ได้เป็นผลสำเร็จ

แต่โอกาสที่ว่านี้ มันมาด้วยความบังเอิญ

เป็นความบังเอิญ ที่ตาโบ้ท (พีอาร์หนุ่มร่างบึกผมยาวหน้าตาดี๊ดี
น่าที่สาวๆทั้งหลายจะจับไปทำเป็นสามี  
คนเดียวกับที่นั่งหลับน้ำลายยืด ในกระทู้ ทดลองขั แคมรี ใหม่นั่นเอง) ของโตโยต้า
เขาคิดและจัดเตรียมไว้ให้ผม เป็นพิเศษ…แหะแหะ

เรื่องราวทั้งหมด เริ่มต้นขึ้นด้วยเหตุที่ว่า

โตโยต้า ส่งเทียบเชิญ มาให้เจ้าของรายการวิทยุที่ผมเคยจัดอยู่ ไปร่วมทดลองขับ อแวนซ่า ใหม่ กันที่สมุทรสงคราม

ทว่า ภาระกิจ ทดลองขับ อีซูซุ ดีแมกซ์ คอมมอนเรล VGS ใหม่ ที่ออสเตรเลีย เขาจองตัวอาหมูไว้นานแล้ว

ผมเลยต้องรับหน้าที่ไปร่วมทดลองขับแทน

เอาใครไปด้วยดีละ?

ตาโจ้ เปรมศักดิ์ ที่จัดรายการวิทยุด้วยกันกับผมนี่แหละ!

แต่ในเมื่อ ผมติดจัดรายการวิทยุ
แล้วผมจะไปอย่างไรดี?

เลยลองคุยกับตาโบ้ทว่า ขอตามไปสมทบได้ไหม
จะจัดรถอะไรมาให้ก่อนจะสะดวกไหม รบกวนไปไหม?

ตาโบ้ท ก็จัดมาให้

ตอนแรก คิดว่าเป็นยาริส

ชวนให้คิดต่อ (เงียบๆคนเดียว) ว่า อะไรก็ได้ แต่ยาริสนี่ ท่าทางจะเมื่อยตูแหงมๆ

ปรากฎว่า พอวันอังคาร ไปพบกันที่ โรงแรมดุสิตธานี ทานมื้อเที่ยงด้วยกัน

ตาโบ้ท ส่งกุญแจรถวีโก้ 4×2 2.5 IC ใหม่ มาให้

ดีเว้ยเฮ้ย ไหนๆก็ไหนๆ ทดลองขับ ทำรีวิว 2 รุ่นรวดไปเลยก็ดี!!

มันดีที่ว่า ในที่สุดแล้ว ผมก็เอามาลงให้คุณๆอ่านกันฟรีๆอีกตามเคยที่นี่

 

ผมคงไม่ต้องสาธยายอะไรให้มากความ กับเจ้าวีโก้
เนื่องด้วยว่า ทุกท่านคงคุ้นหน้าค่าตากันดีอยู่แล้ว
โดยไม่พักต้องสาธยายอะไรให้วุ่นวายใจ

 

 

รถคันนี้ เป็นคันเดียวกับที่เคยร่วมขบวนทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
กรุงเทพ-หนองคาย รวมทั้งทริปแรกที่ทำสถิติ 36.18 กม./ลิตร ในโฆษณา ขำขำ อะไรนั่นด้วยละครับ!
อีกทั้งเป็นรถคันเดียวกันกับที่ THAIDRiVER เพิ่งยืมไปทดสอบ
และนำลงตีพิมพ์ใน ฉบับล่าสุด เดือนกันยายน ปกอแวนซ่า ที่เพิ่งวางแผงไปหมาดๆ นี่เอง!

 

 

เพื่อให้เห็นว่าเป็นรถที่เคยผ่านการทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง
ผม็เลยต้องถ่ายรูปนี้มาด้วย สติ๊กเกอร์ AVOID ยังคงติดเต็มในหลายๆจุด
เพื่อให้ชัวร์ ในขณะทดสอบครานั้นของใครอื่นเขาว่า ไม่มีการโกงกัน

แต่อย่างว่า
เมื่อผมไม่เชื่อโฆษณา ผมเชื่อตัวเองมากกว่า
การนำมาทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเอาเอง
ก็ยิ่งเป็นทางออกที่ดีที่สุด

 

 

โลเกชัน ถ่ายรูป ง่ายที่สุด
ไม่ต้องพิธีรีตรองมาก

ข้างกำแพง ขส.ทบ. นั่นละ!!
โลเกชันที่ผมเคยถ่ายรถมาแล้วหลายคัน

ยังพอเป็นที่พึ่งพิงยามฉุกเฉินได้เสมอ

 

 

รูปที่ถ่ายมา ก็ตามประสาของคนไม่มีเวลา
และวางแผนทุกอย่างล่วงหน้า แค่เมื่อคืนก่อนหน้านี้เท่านั้น

คือ แค่เอามาทดสอบอัตราสิ้นเปลืองได้ ก็หมดเวลาแล้ว
ต้องรีบบึ่งไปจัดรายการวิทยุที่ AM1269/FM100.25 ให้ทัน

อย่าหวังว่าจะได้ล้างรถให้ ตามมาตรฐานปกติของผมเลย

 

 

 

จะว่าไป
ดีแล้วที่ไม่คิดล้าง
มิเช่นนั้น คงเสียดายตังค์น่าดู
เพราะพอจัดรายการเสร็จ
ได้เวลาที่เราจะต้องขับตามไปที่อัมพวา
ฝนฟ้าก็พิโรธโกรธา ตกลงมาห่าใหญ่เสียงดังซู่!

อู้หู น้ำท่วมเลย

 

 

 

 

เอาละ มาดูภายในกันดีกว่า บานประตู เปิดกว้าง และเข้าออกเบาะคู่หน้าได้ดี และใหญ่กว่ารถรุ่นเดิมอย่างไทเกอร์ ชัดเจน

 

 

เอาเข้าจริงแล้ว ห้องโดยสาร ของวีโก้ ขณะเดินทางไกลนั้น
ผมว่า พอจะหาความสบายใช้การได้

เบาะนั่งคู่หน้า เป็นผ้า แบบมาตรฐานของโตโยต้าในพักหลังนี้

นายโจ้บอกกับผมว่า นั่งแล้วมันไม่ปวดหลังเหมือน แคมรี รุ่นที่แล้วเลยแหะ

เบาะแคมรีรุ่นที่แล้ว สำหรับผม กับนายโจ้ มันแย่ครับผม

 

 

ส่วนพื้นที่ด้านหลัง ต่อให้ใหญ่ขนาดไหน
ผมก็ไม่เคยเห็นด้วยกับการขึ้นไปนั่ง

เมื่อยทุกยี่ห้อละครับ ถ้าไม่มีเบาะรองนั่ง

 

 

การเข้าออกพื้นที่ด้านหลัง ทำได้ด้วยการยกเบาะพับเลื่อนขึ้นมาข้างหน้า

และสำหรับผู้โดยสารที่ต้องการจะออกนอกรถ
แค่เหยียบที่แป้นเหยียบสีดำ
ก็ออกมาได้แล้ว

 

 

แผงหน้าปัดที่คุ้นตา จัดวางอุปกรณ์ เน้นการใช้งานที่ง่าย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ต้องละสายตาอยู่พอสมควร

 

 

 ตำแหน่งชุดมาตรวัดที่คุ้นเคยนั้น มีขนาดเล็ก

ทำให้ต้องละสายตาจากพื้นถนนบ่อยๆ เพื่อจะมองมาตรวัดที่มีช่องบีบเล็กอย่างนี้

 

 

ชุดเครื่องเสียง พอใช้ได้ ไม่ต้องไปเปลี่ยนให้วุ่นวาย
เว้นแต่อยากได้คุณภาพเสียงที่ดีกว่านี้

เครื่องปรับอากาศนั้น
พัดลมเบอร์ 1 และ 2 กำลังลมไม่ต่างกัน
แต่พอเบอร์ 3

แรงลมที่เป่าออกมา ไม่ได้ต่างจากลมพายุฝนข้างนอกตัวรถแม้แต่น้อย

เบอร์ 2 กับ 3 มันต่างกันมากไปหน่อยไหม?

การเก็บงานวัสดุ ของรถรุ่นแรกๆนั้น ยังทำได้ไม่ดีนัก

มีการ เก็บขอบพลาสติกที่แหลมคมยังไม่ดีพอ และเสี่ยงต่อการบาดมือได้ง่ายมากๆ

พลาสติกที่ใช้ในแผงหน้าปัดของวีโก้นี้ ใช้พลาสติก แบบเดียวกับ แผงหน้าปัดของ Yaris 

 

 

 

***รายละเอียดทางวิศวกรรมและการทดลองขับ***

เครื่องยนต์ เป็นรหัส 2KD-FTV
ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,499 ซีซี ที่คุ้นเคย
เพียงแต่คราวนี้ เป็นเวอร์ชัน แบบเทอร์โบ เพิ่มอินเตอร์คูลเลอร์
ไว้ช่วยลดความร้อนของอากาศ ที่ไหลผ่านออกมจากเทอร์โบ ก่อนจะเข้าสู่ห้องเผาไหม้

กำลังสูงสุด เพิ่มขึ้นจาก 102 เป็น 120 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด 33.11 กก.-ม. ที่ 2,000 รอบ/นาที

 

 

 

ส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ซึ่งถ้าจำไม่ผิด น่าจะส่งมาจาก…ถ้าไม่ใช่ฟิลิปปินส์ ก็ต้องเป็น Toyota Kirkloska ในอินเดีย

 

 

…..อัตราเร่ง?

เดี๋ยวก่อนพี่น้อง ใจเย็นครับ

เรามาดูสิ่งที่มีแต่ผู้คนถามไถ่ถึงผมกันก่อนดีกว่า…..

 

 

*** การทดลองหาอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ***

ทันทีที่รับรถมา ผมกับตาโจ้ ก็พากันนำรถไปทดสอบอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ทันที

ในเมื่อเวลามีน้อย เราต้องช้สอยอย่างเกิดประโยชน์ทุกวินาที

 

 

เราเติมน้ำมันเต็มถังตามเคย

และสำหรับรถกระบะแล้ว
ตามมาตรฐานผมครับ เขย่ารถ เพื่อให้น้ำมันเต็มถังอย่างแท้จริง

แน่นอนครับ มันคงเพี้ยนแน่ๆละ ถ้าไม่ทำถังแยก
แต่ เพื่อความเป็นมาตรฐานเดียวกัน มาตั้งแต่ตอนทดลอง
อัตราสิ้นเปลืองในรถกระบะ มิตซูบิชิ ไทรทัน

ก็คงต้องเขย่าละครับ

ใช้เวลาไม่นานนักก็เต็มขึ้นมาจนถึงคอถัง

————————–

เนื่องจากตอนรับรถมา ส่งกุญแจรถกันมาสดๆร้อนๆที่ดุสิตธานี
และทาง โตโยต้า ไมได้เติมน้ำมันมาให้
น้ำมันเลยเหลือไว้ที่ระดับล่างๆของถังแล้ว

ผมก็เลยต้องเติมน้ำมันไป โดยนำใบเสร็จจากการเติมถังแรกนี้
ไปเบิกกับทางโตโยต้า และทางตาโบ้ท ได้คืนตังค์ที่ผมจ่ายออกไปก่อน
คืนให้ผมเรียบร้อยแล้ว

ส่วนน้ำมัน ขากลับ ในช่วงทดสอบ
ผมออกเอง ครับ ก็ผมใช้ทดสอบในงานของผมนี่

 

 

แล้วเราก็ขึ้นทางด่วน พระราม 6
ไปลงที่เชียงราก ตามเคย

นั่งกันไป 2 คน ผมหนัก 90 กิโลกรัม
ตาโจ้ หนัก 67 กิโลกรัม
รวมแล้วแถวๆ 157 กิโลกรัม เอาวะ ยังดี

บรรยากาศในตอนทดลองกัน แดดออกดี สภาพอากาศร้อนครับ

ความเร็ว 100 กิโลเมตร ใช้รอบเครื่องยนต์ 2,250 รอบ/นาที

 

 

ความเร็ว 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง ใช้รอบเครื่องยนต์ 2,500 รอบ/นาที

เมื่อขับจนครบเส้นทางที่กำหนดแล้ว เราก็ย้อนกลับไปยังปั้มน้ำมันบางจากแห่งเดิม และที่หัวจ่ายเดิม

 

 

น้ำมันที่เติมกลับจนเต็มคอถัง หลังจากเขย่า จนน้ำมันเอ่อขึ้นมาอย่างที่เห็น

 

 

ระยะทางจากมาตรวัดบนหน้าปัด 90.2  กิโลเมตร
ปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่เติมกลับ    6.052 ลิตร
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงเฉลี่ย      14.88   กิโลเมตร/ลิตร

ขณะที่ THAIDRiVER ทดสอบ รถคันเดียวกันนี้
วิ่งที่ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมงเหมือนกัน เปิดแอร์ นั่งสองคน
ใช้ระยะทาง 328.6 กิโลเมตร เติมน้ำมนกลับเข้าไป 22.67 ลิตร
ได้อัตราสิ้นเปลือง 14.49 กิโลเมตร/ลิตร

ถ้าให้พูดตรงๆคือ
เมื่อเทียบกับ ไทรทัน 4×2 116 แรงม้า แล้ว
รายนั้น เกียร์ธรรมดา วิ่งที่ 110 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ได้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 15.6 กิโลเมตร/ลิตร

ไทรทัน ประหยัดกว่าวีโก้ ประมาณ 1 กิโลเมตร/ลิตร บวกลบ ครับ

 

 

***สมรรถนะและการทดลองขับ***

พอจัดรายการเสร็จ

เราก็ต้องออกจากสถานีวิทยุ ขส.ทบ. ที่ เกียกกาย
ท่ามกลางพายุฝน

ผมให้ตาโจ้ เป็นคนขับไปก่อน
เพราะที่บ้านของตาโจ้ เขาเพิ่งซื้อ วีโก้ 3.0 ลิตร 4×2 4 ประตู
เกียร์อัตโนมัติ ไปหมาดๆ

เพราะโจ้รู้ดีว่า จะคุมคันเร่งอย่างไร ไม่ให้วีโก้ ท้ายปัดลื่นบนถนนที่เจิ่งนองไปด้วยน้ำ

เหมือนอย่างที่ผมระแวงไว้ส่วนตัว
เพราะก่อนหน้านี้ เราเพิ่งรับสายคุณผู้ฟังที่เอาวีโก้ไปหมุนลงข้างทางมาแล้วถึงสองรอบ

 

 

ฝ่าสภาพเส้นทางที่น้ำเจิ่งนอง บนถนนพระราม 6 เมื่อเย็นวันที่เราทดลองขับ

 

 

พอขึ้นทางด่วน มีรถติดบ้าง แต่พอพ้นทางลงยมราช รถก็เริ่มไหลไปได้

เรามุ่งหน้าไปทางพระราม 2 มุ่งหน้าไปยังอัมพวา จุดหมายของเราในช่วงหัวค่ำ

 

ผมว่าการเดินทางไปกับวีโก้ ท่ามกลางสายฝนครั้งนั้น
รู้สึก สบาย ไว้ใจได้

เหตุผลหลัก ไม่ใช่เป็นเพราะรถอย่างเดียว
หากแต่เป็นเพราะตาโจ้เป็นคนขับให้ แหะๆ

———————–

หลายคนคงถามต่อว่า แล้วอัตราเร่งละ?

ระหว่างเดินทาง จาก ธนบุรี-ปากท่อ จนถึงตัวเมืองสมุทรสงคราม
ก่อนที่ กลุ่มเมฆฝนจะตามไล่หลังเรามาทัน
ขอถือโอกาส หาถนนช่วงยังพอว่าง ทดสอบอัตราเร่ง
0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง และ 80-120 กิโลเมตร/ชัวโมง เสียก่อน

ตัวเลขออกมาดังนี้ครับ

0-100 กิโลเมตร / ชั่วโมง

ครั้งที่ 1   12.76 วินาที
ครั้งที่ 2   12.88 วินาที
ครั้งที่ 3   12.58 วินาที
ครั้งที่ 4   13.01 วินาที

เฉลี่ย 12.80 วินาที

80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง ที่เกียร์ 5

ครั้งที่ 1   10.50  วินาที
ครั้งที่ 2   10.45  วินาที
ครั้งที่ 3   10.45  วินาที
ครั้งที่ 4     9.90  วินาที

เฉลี่ย   10.32   วินาที

 

 

สิ่งที่ผมชื่นชอบที่สุดในวีโก้ คือ พละกำลังจากเครื่องยนต์
ที่ไหลมาเทมาอย่างต่อเนื่อง

บุคลิกของเครื่องยนต์ แทบไม่ได้แตกต่างจาก เครื่องยนต์ 1KD-FTV 3,000 ซีซี ไปเท่าใดเลย
นั่นคือ หากจะเร่งแซง ขณะขับขี่ทางไกล
ไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ลงมาจาก 5 ไป 4

แค่กดคันเร่งจนจมมิด
รถก็พุ่งทะยานขึ้นไปข้างหน้าได้อย่างต่อเนื่องแล้ว

แรงบิดไหลมาอย่างดี ในขณะที่ให้อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงอย่างสมเหตุสมผล ถือไดว่า ประหยัดตามเหตุอันควร

เรี่ยวแรง ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ไปกว่าเครื่องยนต์ 1KD-FTV
แต่อย่างใด!

ดังนั้น ถ้าจะซื้อรุ่น 2,500 ซีซี อินเตอร์คูลเลอร์
ก็ซื้อได้ โดยไม่ต้องพะวงว่า อัตราเร่งช่วงตีนต้นจะอืด
อย่างที่คู่แข่งเป็นกัน

ระบบกันสะเทือนนั้น อยู่ตรงกลางระหว่าง ความนุ่มนวลยวบยาบ ของ อีซูซุ ดีแมกซ์ / เชฟโรเลต โคโรลราโด
กับ มิตซูบิชิ ไทรทัน ที่แข็งกระด้าง เน้นงานบรรทุกเป็นหลัก

แต่แน่นอนว่า ถ้าเรื่องช่วงล่าง คงต้องยกให้ มาสด้า BT-50 กับ ฟอร์ด เรนเจอร์ เขาไปละ!

แต่ที่พอทำให้ผมประหลาดใจคือ
ในโค้งตัว S ที่ทางลงทางด่วนพระราม 6
ผมสามารถใส่ลงไปได้ที่ 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในช่วงแรก
ก่อนที่จะต้องถอนออกจนเหลือ 70 และเหลือแค่ 60 ในที่สุด
เนื่องจาก พื้นถนนที่ลื่น
จึงไม่ควรเสี่ยงไปกว่านี้

ถ้าเปลี่ยนยางให้ดีๆหน่อย เข้าโค้งที่ว่านี้ ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตร/ชั่วโมง
บนพื้นแห้ง ได้เลยนะนั่น!!
อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วีโก้ ดูเหมือนจะให้พวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน เป็นจุดขายหลัก

ทว่า การตอบสนองนั้น ในด้านพวงมาลัย
ผมว่า ยังเป็นรองมิตซูบิชิ ไทรทัน
และ อีซูซู ดีแมกซ์ / เชฟวี โคโลราโด นิดนึง
คือ มีน้ำหนักเบาดี ให้ความสบายในการขับขี่ในเมือง
แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงแล้ว พวงมาลัยยังไม่นิ่งเท่าที่ควร

แป้นเบรกนั้น เหมือนว่าจะลึกไปสักหน่อย แม้ยังพอให้ความมั่นใจได้ในระดับหนึ่ง แต่ยังไม่ถึงกับน่าพึงพอใจนัก
และสมควรจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติม เพื่อให้ ประสิทธิภาพการเบรกดีขึ้นกว่าที่เป็นอยู่อีกสักหน่อย เมื่อเทียบกับคู่แข่ง

 

 

*** สรุป ***
เครื่องยนต์ประเสริฐ ทั้งแรง ทั้งประหยัดกำลังดี
แต่ปรับปรุงการทรงตัว และพวงมาลัยอีกสักหน่อย ก็จะ Perfect drive โดยไม่ต้องใส่ to นำหน้า!

สโลแกนของวีโก้ ตั้งแต่เปิดตัว คือ to The Perfect Drive

อันแปลว่า “สู่การขับขี่ที่สมบูรณ์แบบ”

ครับ ทีมวิศวกรโตโยต้า กำลังมุ่งหน้าไปสู่การแก้ปัญหาต่างๆ
เพื่อการขับขี่รถกระบะที่สมบูรณ์แบบจริงๆ โดยคำนึงถึงต้นทุนการผลิต ในโลกแห่งความเป็นจริงด้วย

แม้ระบบกันสะเทือน จะยังให้ความมั่นใจสู้ มาสด้า BT-50 และ ฟอร์ด เรนเจอร์ใหม่ไม่ได้นัก แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ากันมากมาย
วีโก้ ใหม่ ไม่ได้มีช่วงล่างที่ถึงกับเลวร้ายอย่างที่หลายคนวิตก

ถ้าเราจะมองแต่ตัวรถกันแล้ว

ผมไม่สงสัยแล้วละครับว่า ทำไมใครๆก็เรียกวีโก้ ว่า”กระบะบ้าพลัง”

ก็เล่นทำเครื่องยนต์ กับเกียร์ ให้ทำงานสมัครสมานสามัคคี
กันได้อย่างดิบดีขนาดนี่หนะสิเล่า ถึงได้สร้างความเร้าใจ
ทุกครั้งที่กดคันเร่ง

และไม่ใช่แค่รุ่น 3.0 ลิตรเพียงอย่างเดียว
หากแต่รุ่น 2.5 ลิตร นี่ก็เป็นไปกับพี่เขาด้วย!~

เร่งแซงได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ 1 จังหวะแต่อย่างใด

มันส์มือมันส์เท้าจริงๆ

ห้องโดยสาร พอจะให้ความสบายในการเดินทางได้ในระดับปกติวิสัยของรถกระบะ

แต่ อยากจะขอว่า ถ้ารุ่นปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์
ปรับปรุงการตอบสนองของพวงมาลัย
ให้มีความหนืด ขณะขับขี่ด้วยความเร็วสูงมากกว่านี้อีกหน่อย

รวมทั้งช่วยเอายางติดรถที่มันให้ความไว้วางใจกว่า มิชลิน แวนปิ๊ก กิ๊กกะโร่โธ่ถังน้อย มาใส่ให้กับลูกค้าสักหน่อย

แค่นี้ ผมว่า วีโก้ ก็น่าจะให้ความมั่นใจกับลูกค้า
ที่กำลังชั่งใจเลือกระหว่างเจ้าตลาดทั้งสอง
ว่าใครจะมาครองพื้นที่จอดรถในบ้านของตน ได้อย่าง
ง่ายดายยิ่งกว่านี้

ส่วนหนึ่งที่ผู้บริโภค มองว่ามันหมุนง่าย หรือปัดง่าย

ผมมองว่า ไม่ใช่เรื่องที่เราจะกล่าวโทษโตโยต้าแต่ฝ่ายเดียว
ว่าทำรถออกมาแล้ว มีเครื่องยนต์ดี แต่ช่วงล่างไม่ได้เหมาะสมกับสมรรถนะของเครื่องยนต์

หากแต่อีกความผิดหนึ่งนั้น ก็น่าจะมาจาก ผู้ใช้รถเองนั่นละ เป็นจำเลยร่วม

คือ ประมาท และลืมไปว่า นี่คือรถกระบะ
รถที่ไมได้ทำออกมาให้คุณไว้กดเล่นไล่บี้จี้ตูดชาวบ้านเขา
อย่างรถสปอร์ตชั้นดีแต่อย่างใด

(แม้มันจะทำได้ใกล้เคียงขนาดนั้นเลยก็ตามเถอะ)

ต้องไม่ลืมว่าในอดีตกาลนมนามที่ผ่านมา
รถกระบะบ้านเราแต่ละคัน อืดอาดยืดยาดเป็นเรือเกลือ

วันดีคืนดี ผู้ผลิตเกิดจะพากันกรีทาทัพเข้าสู่ยุคแห่งการปั้นเครื่องยนต์
ให้มีสมรรถนะมากๆ

ผู้คนที่ซื้อรถกระบะยุคใหม่ไปขับ
ไมเคชินกับรถที่มีแรงบิดสูงมหาศาลเหล่านี้

เพราะแรงบิดที่พวกเขาเคยชินนั้น
มันไม่ค่อยจะเกินตัวเลข 300 นิวตันเมตร หรือ ต่ำกว่า 30 กก.-ม. มาเท่าใดนัก

หากย้อนไปดูอุบัติเหตุจากรถวีโก้ หรือรถกระบะบ้าพลังรุ่นอื่นๆทั้งหลาย
เป็นไปได้ไหมที่เราจะพบว่า
ส่วนนึงผู้ขับขี่เหล่านี้ เหยียบคันเร่ง ในแบบปกติที่ตนเคยชิน ขณะกำลังขับขี่
เพื่อพาตัวเองไปจากสถานการณ์คับขัน

และการณ์กลับกลายเป็นว่า เหยียบคันเร่งออกไปมากจนเกินพอดี ทำให้ท้ายมันกวาดออก และลงเอยด้วยอุบัติเหตุอันน่าเศร้า?

————————–
ไหนก็ไหนๆแล้ว

ขอทีเถอะ
พวกตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ over เกินที่คนทั่วไปเขาจะทำกันได้ในชีวิตจริงหนะ

เพลาๆลงเสียบ้างเถอะ
อย่าไปตามเจ้าตลาดที่คุณกำลังตามอยู่มากนัก

หัดเล่นบทสุภาพบุรุษ ยอมรับความจริงกันบ้าง
เพราะว่าตัวเลขจากความเร็วที่แท้จริง มันออกมาก็ไม่น่าเกลียดเลย
ถือว่าประหยัดตามเกณฑ์แล้วด้วยซ้ำ

จะต้องโฆษณาในลักษณะนั้นอีกนานแค่ไหน?

แล้วคุณจะได้ใจผู้บริโภคไปมากกว่านี้อีก
โดยแทบไม่ต้องทุ่มโฆษณาไปมากกว่าที่เป็นอยู่

 

———————————–///—————————————-

 

 

ขอขอบคุณ
คุณมหาสมุทร สายสวรรค์ (โบ้ท)
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด
สำหรับความเอื้อเฟื้อในครั้งนี้

 

 

J!MMY

สงวนลิขสิทธิ์

เผยแพร่ครั้งแรก ใน www.pantip.com ห้องรัชดา 11 ตุลาคม 2006

ดัดแปลงปรับปรุงแก้ไข เพื่อเผยแพร่ครั้งที่ 2 ใน www.headlightmag.com

31 มีนาคม 2009