Mercedes-Benz SL-Class เจเนเรชั่นล่าสุดเพิ่งเปิดตัวสด ๆ ร้อน ๆ ในเดือนธันวาคม 2011 และนำไปโชว์โฉมในงาน
Detroit Autoshow 2012 ต้นเดือนมกราคม 2012 กาลเวลาผ่านไปเร็วยิ่งนักเมื่อวันที่ 21 มิถุนายน 2012 บริษัท เมอร์
เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด ก็ได้เปิดตัว All New Mercedes-Benz SL-Class ในผืนแผ่นดินเมืองไทยเรียบร้อยแล้ว

บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัว All New Mercedes-Benz SL-Class นำเสนอทางเลือกรุ่นย่อยรุ่น
บนสุด SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG ในเบื้องต้นที่ราคา 14,499,000 บาท (ส่วนสเปคออพชั่นและราคาของ
SL350 คาดจะเปิดเผยในภายหลัง) ตัวรถมีจุดเด่นที่โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมจนได้สมญานาม Super Light พร้อมเพิ่ม
พลังในการขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ BlueDIRECT ที่ทั้งแรงและประหยัดพลังงาน

alt

ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ในปัจจุบันรถยนต์
ทั่วโลกมีอยู่มากมายหลายล้านคัน แยกออกเป็นรุ่นต่างๆ ได้นับเป็นพันๆ รุ่น แต่มีเพียงไม่กี่รุ่นที่ถูกจัดให้เป็นที่สุดแห่งยนตร
กรรม ซึ่งเมอร์เซเดส-เบนซ์ SL-Class เป็นหนึ่งในนั้น ด้วยความมีสไตล์ หรูหรา มีระดับ ที่สามารถผสานเข้ากับความ
สปอร์ต ปราดเปรียว ได้อย่างลงตัว ซึ่ง The new SL-Class กำลังสานต่อตำนานความสำเร็จและการก้าวสู่โลกยานยนต์
แห่งอนาคต โดยการใช้วัสดุอลูมิเนียมมาทำเป็นโครงสร้างตัวถังรถเกือบทั้งคัน ทำให้มีน้ำหนักเบากว่ารุ่นก่อนหน้านี้
ส่งผลทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างคล่องตัว ปราดเปรียว และนิ่มนวล รวมทั้งเผาผลาญเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นับเป็นคุณลักษณะที่ก้าวล้ำขึ้นไปอีกขั้น และถือได้ว่าเป็นการสร้างมาตรฐานใหม่ให้กับโรดสเตอร์ระดับพรีเมียม และเป็น
ยนตรกรรมที่ชวนหลงใหล มีระดับ เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการสิ่งที่ดีที่สุด โดยตัวอักษร “SL” ถือได้ว่าเป็น
สัญลักษณ์ของโลกยานยนต์ซึ่งได้กลายเป็นชื่อที่มีความหมายสอดคล้องและอยู่คู่กับความสปอร์ต ความมีระดับ ความมี
สไตล์ และความเป็นที่สุดในเรื่องความสะดวกสบายและความหรูหรา รวมถึงนวัตกรรมอันล้ำสมัย

จุดเด่นด้านน้ำหนักตัวถังที่เบาลง

ตัวอักษร SL ย่อมีความหมายถึง Super Light อธิบายได้คือ Mercedes-Benz SL เจเนเรชั่นใหม่ใช้ตัวถังอลูมิเนียม “ทั้ง
คัน “ มีเพียงวัสดุไม่กี่ชิ้นที่ใช้วัสดุอื่นเท่านั้น ยังไม่พอทีมวิศวกรยังได้ใช้วัสดุแมกนีเซียมน้ำหนักเบาสำหรับการผลิตชิ้นส่วน
ปิดด้านหลังถังน้ำมัน และเสา A-Pillar เป็นเหล็กกล้าที่มีความแกร่งสูง เพื่อประสิทธิภาพในเรื่องความปลอดภัย ส่งผล
ให้ Mercedes-Benz SL เจเนเรชั่นใหม่ มีน้ำหนักตัวถัง SL500 เหลือเพียงแค่ 1,785 กิโลกรัม เบากว่าเจเนเรชั่นที่แล้ว
125 กิโลกรัม และ SL350 มีน้ำหนัก 1,685 กิโลกรัมเบากว่าเดิม 140 กิโลกรัม

ดีไซน์ภายนอกสะท้อนถึงความหรูหรา สง่างาม ทันสมัยในสไตล์สปอร์ต ที่ผสมผสานกับความคลาสสิกอันเป็นเอกลักษณ์
โดดเด่นของตระกูล SL เริ่มตั้งแต่กระโปรงหน้าที่ยาวรับกับห้องโดยสารซึ่งอยู่ในตำแหน่งค่อนไปทางด้านหลัง ส่วนท้าย
ของรถที่กว้างและดูทรงพลัง เส้นสายด้านข้างแข็งแกร่งทรงพลังแต่แฝงไว้ด้วยความสุขุม ต่อด้วยช่องระบายอากาศและ
ครีบโครเมียมซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถรุ่นนี้ สอดรับกับกระจังหน้าแบบรถสปอร์ตคลาสสิกในสไตล์ร่วมสมัย มีค่า
สัมประสิทธิ์แรงเสียดทาน (Cd) เท่ากับ 0.27 ในรุ่น SL 350 และ 0.29 ในรุ่น SL 500

ชุดโคมไฟหน้าแบบไบซีนอน ที่ลาดเอียงมาพร้อมกับระบบส่องสว่างอัจฉริยะ (Intelligent Light System – ILS) มี
ฟังก์ชั่นการส่องสว่างถึง 5 แบบ เพื่อปรับให้เหมาะกับลักษณะการขับขี่ในสภาพอากาศแบบต่างๆ มีระบบเปิด-ปิดฝา
กระโปรงท้ายอัตโนมัติ (HANDS-FREE ACCESS) เพียงยื่นปลายเท้าไปใต้กันชนหลัง และหลังคากระจกแบบ
Panoramic Vario-roof เปิด-ปิดหลังคาโดยใช้เวลาเพียง 20 วินาที

ออพชั่นไฮไลต์คือระบบ MAGIC VISION CONTROL และ Front Bass ติดตั้งลงใน Mercedes-Benz SL เจเนเรชั่นใหม่
ครั้งแรกของโลก ระบบ MAGIC VISION CONTROL มีระบบการทำงานของใบปัดน้ำฝนที่มีประสิทธิภาพสูง โดยน้ำฉีด
ล้างกระจกจะถูกส่งออกมาจากก้านปัดน้ำฝนโดยตรง โดยมีการปัดในสองทิศทาง ทำให้ไม่มีการกระจายตัวของละอองน้ำ
ที่จะมาบดบังทัศนวิสัยของผู้ขับขี่ในขณะฉีดน้ำ และยังช่วยให้การทำความสะอาดกระจกบังลมหน้าสามารถทำได้อย่าง
เต็มประสิทธิภาพ

ระบบเสียง Front Bass ซึ่งใช้พื้นที่ว่างในโครงสร้างอลูมิเนียมของตัวรถด้านหน้าเป็นจุดติดตั้งลำโพงเสียงเบส ทำให้เกิด
เสียงทุ้มที่สะอาดลุ่มลึกและชัดเจน ให้ความรู้สึกบรรยากาศเสียงแบบคอนเสิร์ตฮอลล์ได้แม้ในขณะที่เปิดหลังคา และยัง
ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้กับแผงประตูด้านข้างอีกด้วย

ภายในห้องโดยสาร Mercedes-Benz SL เจเนเรชั่นใหม่ถูกออกแบบให้มีความหรูหรา มีความมั่นใจในสไตล์อันปราด
เปรียว ถูกประกอบไปด้วยวัสดุคุณภาพสูงเน้นความประณีต พื้นที่ภายในห้องโดยสารกว้างขวางมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม โดยมี
ความยาวตัวรถที่ 4,617 ม.มเพิ่มขึ้น 50 ม.ม ความกว้างที่ 1,877 ม.ม กว้างขึ้น 57 ม.ม เส้นสายภายในที่ตกแต่งด้วย
ลายไม้เชื่อมยาวจากคอนโซลกลางไปถึงแผงหน้าปัดต่อเนื่องจนไปถึงประตู พร้อมด้วยไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสาร
(Ambient Lighting) ที่สามารถปรับได้ถึง 3 เฉดสี คือ สีขาว ส้มและแดง เพียงเลือกเปลี่ยนสีที่พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ซึ่ง
ช่วยเพิ่มสุนทรียภาพแห่งการขับขี่ให้มากขึ้น นอกจากนั้นยังมีระบบมัลติมีเดีย COMAND Online ควบคุมการทำงานของ
อุปกรณ์ความบันเทิงต่างๆ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

ขุมพลัง Mercedes-Benz SL500 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V8 เทอร์โบคู่ 4,663 ซีซี ที่ให้กำลังสูงสุดถึง
320 กิโลวัตต์ (435 แรงม้า) ซึ่งให้ขุมพลังมากกว่ารุ่นก่อนถึง 12% มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงลดลงถึง 22%
พร้อมแรงบิดที่เพิ่มขึ้นจาก 530 นิวตัน-เมตร เป็น 700 นิวตัน-เมตร ซึ่งให้แรงบิดเพิ่มขึ้นกว่าเดิมถึง32%

Mercedes-Benz SL 350 มาพร้อมกับเครื่องยนต์ BlueDIRECT V6 3,498 ซีซีให้กำลังสูงสุด225 กิโลวัตต์ (306
แรงม้า) แรงบิดที่ 370 นิวตัน-เมตร มีอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ 6.8-7.5 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร หรือ 13.3 –
14.7 กิโลเมตรต่อลิตร ทำให้ประหยัดขึ้นกว่าเดิมถึง 30 % สำหรับอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ในรุ่น SL 350 ที่ 5.9
วินาทีและ 4.6 วินาทีในรุ่น SL 500 โดยทั้งสองรุ่นถ่ายทอดกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติเดินหน้าแบบ 7 จังหวะ 7G-TRONIC
PLUS ซึ่งให้สมรรถนะการขับขี่อย่างดีเยี่ยม พร้อมเพิ่มความประหยัดด้วยฟังก์ชั่น ECO Start/Stop ซึ่งเป็นอุปกรณ์
มาตรฐาน

ระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดเริ่มจากโครงสร้างตัวถังนิรภัยทำจากอลูมิเนียม โครงสร้างส่วนหน้าและส่วนท้ายสามารถยุบตัวเพื่อดูดซับแรงกระแทก
และในกรณีรถพลิกคว่ำ โครงเหล็กที่เสา A-Pillar รวมไปถึงโครงคุ้มกันนิรภัยหรือโรลโอเวอร์บาร์ที่ติดตั้งอยู่ด้านหลังเบาะนั่งทั้งสองจุด จะช่วยปกป้องห้องโดยสาร

ระบบความปลอดภัยที่สำคัญมากคือ ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ PRE-SAFE® หนึ่งเดียวในโลก และระบบช่วยเหลือต่างๆ อาทิ ระบบเข็มขัดนิรภัยแบบรั้งกลับอัตโนมัติ
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง ถุงลมนิรภัยบริเวณศีรษะ พนักพิงศีรษะ NECK-PRO ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ ATTENTION ASSIST ระบบ ADAPTIVE BRAKE
และระบบช่วยจอด Active Parking Assist

Mercedes-Benz SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster มาพร้อมกับชุดแต่ง AMG Sports package อาทิ
• ชุดแต่ง AMG (กันชนหน้า กันชนหลัง และสเกิร์ตข้าง)
• พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันดีไซน์สปอร์ตแบบ 3 ก้าน พร้อมสวิตช์ควบคุมการทำงาน 12 จุด หุ้มด้วยหนัง Nappa อย่างดี
• แผงหน้าปัดลายธงตาหมากรุก
• เบาะนั่งตัดเย็บแนวตั้ง เดินขอบด้วยสี designo platinum white pearl (เฉพาะเบาะนั่งสีดำ)
• ระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ตที่ได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษ และต่ำลงกว่าปกติ 10 มม.
• ดิสก์เบรกหน้า-หลังแบบมีช่องระบายความร้อน พร้อมสัญลักษณ์ Mercedes-Benz บนคาลิปเปอร์เบรกหน้า
• ล้ออัลลอย AMG ลาย 5 ก้าน ขนาด 19 นิ้ว พร้อมยางหน้า 225/35 R19 และยางหลัง 285/30 R19
• พรมรองพื้นสีดำพร้อมสัญลักษณ์ AMG

เมอร์เซเดส-เบนซ์ SL 500 BlueEFFICIENCY Sports AMG Roadster สนนรราคาที่ 14,499,000 บาท ลูกค้าทุกท่าน
สามารถติดต่อเยี่ยมชมและทดลองขับได้ที่ดีลเลอร์ได้แล้ววันนี้