หากใครยังจำข่าวคราวสปายช๊อตของ BMW รหัสย่อว่า PAS (Progressive Activity Sedan) คงรับทราบถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงว่าจับตลาดกลุ่มไหน อย่างไร แม้รถแนว ๆ นี้ในอดีตจะไม่ประสบความสำเร็จเอาเสียอย่าง Opel Signum ที่ผสมแนวคิดแฮทช์แบค,แวกอน และลีมูซีนเข้าไป แต่จังหวะที่ไม่เหมาะสมทำให้ปิดฉากอย่างรวดเร็ว

ตรงกันข้ามรถประเภท Crossover ที่เน้นความเป็น SUV ส่วนผสมหลักไปผสมกับรถประเภทอื่น ๆ เช่นเอาความคล่องแคล่วและประหยัดน้ำมันเหมือนรถแฮทช์แบคคอมแพคท์,นำความปราดเปรียวจากรถคูเป้ แล้วแต่ค่ายรถจะรังสรรกลับประสบความสำเร็จอย่างคาดไม่ถึง ความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมหนีไม่พ้น Nissan Qashqai เปิดตัวปลายปี 2006 ทะลุเป้าเกิน 1 แสนคันต่อปีได้สำเร็จ ยอดขายที่ดีช่วยทำให้โรงงานในซันเดอร์แลนด์อยู่รอดได้

 

เราพลิกมามอง BMW PAS ดูราวกับว่าจงใจใช้กระแส Crossover มาช่วยให้รถของพวกเขาประสบความสำเร็จเฉกเช่นเดียวกับรถ Crossover ที่เปิดตัวในปี 2007 ล้วนประสบความสำเร็จเช่นกัน แม้ว่าแนวคิดรถจะรวมจุดเด่นจากรถซีดาน,แวกอน และเอสยูวีก็ตาม หากเรามองแค่ผิวเผินมันก็ไม่แตกต่างจากแนว Crossover มากนัก

BMW 5-Series Grand Turismo ฟังผิวเผินราวกับเป็นรถรุ่นแรงในตระกูล 5 เท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วมันคือชื่อเครื่องหมายทางการค้าของ BMW PAS อย่างเป็นทางการต่างหาก เป็นรถแนวใหม่ที่ BMW พยายามฉีกแนวคิดจากรถเดิม ๆ ไปสู่สิ่งที่ลูกค้าต้องการทั้งหมด

 

ความหรูหราสง่างามแบบรถซีดาน,ทันสมัย ใช้งานอเนกประสงค์ไม่แพ้รถ SUV หรือแวกอนที่มีเนื้อที่วางสัมภาระมาก ทำให้การออกแบบด้านท้ายต้องลาดเอียงเหมือนรถคูเป้ (ผมมองว่ามันเหมือนรถแนว Corona Liftback สมัยก่อนเยอะเหมือนกัน) ขณะที่สัดส่วนรถยนต์มีความเป็นเก๋ง 100% ไม่ได้ถูกออกแบบมาให้แข็งแกร่งบึกบึนแต่อย่างใด ความสูงพื้นรถจะถูกยกสูงขึ้นเล็กน้อยให้เข้าออกสะดวกมิได้เน้นเรื่องการลุยแต่อย่างใด

จุดขายสำคัญคือขนาดห้องโดยสารตอนหลังกว้างขวางระดับ 7-Series เนื้อที่เหนือศีรษะระดับเดียวกับ X5 คือทั้งโล่ง ทั้งปลอดโปร่ง และนั่งสบายไม่แพ้รถลีมูซีน ทั้ง ๆ ที่ดูแค่ภายนอกหลอกสายตาเราว่าไม่น่าจะนั่งสบาย ถือเป็นความน่าชมเชยของทีมงาน BMW ที่ทำการบ้านมาดีมาก

 

แม้ว่าจะกว้างขวางขนาดไหนแต่ไปเบียดบังเนื้อที่ห้องสัมภาระก็คงไม่ใช่รถอเนกประสงค์อย่างแท้จริงแต่ 5-Series GT มอบความห้องสัมภาระจุถึง 440 ลิตร หากไม่พอคุณสามารถขยับเบาะหลังไปข้างหน้าได้อีก 100 มิลลิเมตรหรือเนื้อที่วางขาจะเท่ากับ 5-Series ซีดานอยู่ดี แต่ความจุเพิ่มขึ้นเป็น 550 ลิตรหากพับเบาะแล้วจะได้ความจุเพิ่มเป็น 1,700 ลิตร

 

เชื่อว่า ดีไซน์ทั้งภายนอกและภายในจับตาให้ดี ๆ นี่คือแนวทางของ 5-Series โฉมต่อไปในบางชิ้นส่วนทั้งเส้นสายจากโครงสร้างด้านหน้าจนถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้านข้าง
ขุมพลังขับเคลื่อนมีให้เลือก 3 เครื่องยนต์ได้แก่ รุ่น 535i GT เบนซิน 6 สูบแถวเรียง 3.0 ลิตร พร้อม Twinpower Turbo,หัวฉีดแรงดันสูง และวาล์วแปรผัน VALVETRONIC ให้กำลัง 306 แรงม้าที่ 5,800 รอบต่อนาที แรงบิด 400 นิวตันเมตรที่ 1,200 – 5,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 ได้ 6.3 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 8.9 ลิตร/100 กิโลเมตร

รุ่น 550i GT เบนซินวี 6 4.4 ลิตร พร้อมTwinpower Turbo และหัวฉีดแรงดันสูง ให้กำลัง 407 แรงม้าที่ 5,500 – 6,400 รอบต่อนาที แรงบิด 600 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 4,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 ได้ 5.5 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 11.2 ลิตร/100 กิโลเมตร

รุ่น 530d GT ดีเซล 6 สูบแถวเรียง Efficient Dynamic 3.0 ลิตร หัวฉีดคอมมอนเรลโดยเพียสโซ่ ให้กำลัง 245 แรงม้าที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิด 540 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 3,000 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 ได้ 6.9 วินาที อัตราสิ้นเปลือง 6.5 ลิตร/100 กิโลเมตร

 

ทุกรุ่นจับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีดเทคโนโลยีเดียวกับรุ่น 760i ท๊อปออฟเดอะไลน์เครื่องยนต์ 12 สูบ ความโดดเด่นเกียร์ลูกนี้คือให้สมรรถนะที่ดีพร้อมกับความประหยัด แต่ขนาดชุดกลไกเกียร์เท่ากับเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีดทำให้เบาและใช้เนื้อที่น้อย

สมรรถนะการขับขี่คือหนึ่งหัวใจสำคัญในการสร้างรถ BMW และยิ่งรถแนวนี้จุดศูนย์ถ่วงใกล้เคียงกับรถเก๋งมากก็ยิ่งทำให้คุณภาพการขับขี่ดีใกล้เคียงกัน จึงเพิ่มแขนคู่ยึดในด้านหน้า และเพลาล้อหลังรูปตัว V ทำจากอลูมิเนียม เพิ่มความนุ่มนวลยิ่งขึ้นด้วยถุงลมสามารถปรับความดันได้ในช่วงล่างหลัง

 

สรุปแล้ว BMW ดูเหมือนจะเก็บข้อมูลวิจัยมาละเอียดถี่ถ้วนว่าลูกค้าต้องการรถแนวไหนและจุดประกายความต้องการลึก ๆ ของลูกค้าให้หันมาซื้อรถประเภทนี้อย่างไร การเรียนรู้ความผิดพลาดจากคู่แข่งในตลาดคือทางลัดที่ช่วยตอบโจทย์ได้เร็วขึ้น 5-Series GT ดูเป็นรถที่น่าสนใจหลาย ๆ ด้านแต่รูปลักษณ์ที่ไม่ประหลาดจนเกินไป เป็นรูปแบบที่หลายคนยอมรับมันได้

กำหนดวางจำหน่ายภายในปลายปีนี้ที่ยุโรป ส่วนประเทศไทยคาดว่าน่าจะได้เห็นภายในปีหน้าโดยการนำเข้าอีกเช่นเคย