ถ้าคุณกำลังสงสัยในชื่อพาดหัวข้างบนนี้อยู่ หรือกำลังสงสัยว่าจะใช่ มอส กับ เกม ที่คุณคิดหรือไม่
คำตอบก็คือ ใช่ครับ คุณมอส-ปฏิภาณ ปฐวีกานต์ และ คุณเกม-ดวงพร ลือกิตินันท์ คู่รักคู่ใหม่ของ
วงการบันเทิงในขณะนี้นั่นละ ทั้งคู่ จะเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้กับ Chevrolet Captiva Minorchange
รุ่นใหม่ ที่หลายๆคนเฝ้าถามถึงกันมาตั้งแต่ปีที่แล้ว การเปิดตัว มีขึ้นในวันนี้ (23 มิถุนายน 2011)
ที่โรงแรม CENTARA Central World ราชประสงค์

รูปลักษณ์ภายนอก แปลกตาไปจากเดิม ด้วย กระจังหน้าสองชั้น (Dual Port) เอกลักษณ์ใหม่เฉพาะของ
Chevrolet ในระยะหลังๆมานี้ เชฟโรเลต แผงกันชนหน้า และฝากระโปรงหน้าดีไซน์ใหม่ เพิ่มความดุดัน
ด้วยโคมไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์เปิด-ปิดอัตโนมัติ นอกจากนี้ ช่องรับอากาศและไฟตัดหมอกหน้า ยังถูก
ออกแบบขึ้นใหม่ ให้สอดรับกับใบหน้าที่เปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าโครงเดิม เพิ่มแผ่นกันกระแทกสีบรอนซ์
ใต้กันชนหน้าซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน Captiva ใหม่ทุกรุ่น ขณะที่ด้านท้ายรถ ติดตั้ง สปอยเลอร์หลัง
พร้อมไฟเบรกดวงที่สาม ส่วนบริเวณกันชนได้รับการติดตั้งแผ่นกันกระแทก รับกับปลายท่อไอเสียคู่โครเมียม
แบบสปอร์ต  

แนวหลังคาถูกออกแบบให้โค้งมน ทำให้ Captiva มีกลิ่นอายสปอร์ตแบบรถคูเป้ ขณะเดียวกัน ยังถูกเพิ่ม
รายละเอียดความหรูหราอย่างวัสดุโครเมียมบริเวณกระจกบังลมข้าง ก้านเปิดประตูสีเงิน กระจกข้างพร้อม
ไฟเลี้ยว และรางอเนกประสงค์บนหลังคา

ซุ้มล้อของแคปติวาใหม่ ปรับแต่งให้ดูสมบุกสมบันมากขึ้น รองรับกับล้ออัลลอยขนาดใหญ่ถึง 19 นิ้วในรุ่น
LTZ พร้อมยาง 235/50 R19 ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วในรุ่น LT พร้อมยาง 235/55 R18 และขนาด 17 นิ้วในรุ่น
LSX และ LS พร้อมยาง 235/60R17 สำหรับสีสันตัวถังของแคปติวา ใหม่ มี 5 สีให้เลือกใช้ตามบุคลิกของ
ผู้ขับขี่ ได้แก่ สีขาว Alpine White สีดำ Black Sapphire สีเทา Royal Gray และสีเงิน Sterling Silver พร้อมกับ
มีสีสุดพิเศษสำหรับแคปติวาใหม่โดยเฉพาะ คือสีน้ำตาล Auburn Brown

 

ห้องโดยสารได้รับการออกแบบใหม่เช่นกัน ตกแต่งด้วยเมทัลลิก และการใช้วัสดุสีโทนสว่างเพื่อเพิ่มความ
โปร่งโล่งและทันสมัย เบาะที่นั่งหุ้มหนังตัดเย็บอย่างประณีตรองรับผู้โดยสาร 5 หรือ 7 ที่นั่ง มีระบบปรับ
อากาศบริเวณที่นั่งแถวที่ 3 โดยเมื่อพับเบาะแถวที่ 3 ราบลงจะมีปริมาตรในการขนสัมภาระอยู่ที่ 465 ลิตร
เมื่อปรับเบาะแถวที่ 2 ลงทั้งหมดจะเพิ่มพื้นที่บรรทุกสัมภาระได้อย่างอเนกประสงค์ถึง 930 ลิตร เบาะที่นั่ง
หุ้มหนังอย่างประณีต เบาะที่นั่งคนขับปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง เพิ่มความสะดวกสบายในทุกการเดินทาง


 
แผงคอนโซลหน้าได้รับการออกแบบเน้นความทันสมัยยิ่งขึ้น หน้าจอระบบสัมผัสขนาด 7 นิ้วพร้อมระบบ
นำทางเนวิเกเตอร์ ดูหนังฟังเพลง ตลอดจนบอกข้อมูลการขับขี่ เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น LTZ ด้านล่าง
ของจอได้รับติดตั้งสวิทช์ต่างๆ และนาฬิกาบอกเวลาทรงกลม ร่องเกียร์ถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นเน้นความบึกบึน
พวงมาลัย 4 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นซึ่งผู้ขับขี่สามารถควบคุมระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ ระบบเครื่องเสียง
และระบบปรับอากาศ ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของรถระดับนี้

ขณะเดียวกัน Captiva ใหม่ ยังล้ำสมัยด้วยการติดตั้งเบรกมือไฟฟ้าเป็นครั้งแรกในบรรดา SUV ระดับเดียวกัน
นอกจากใช้งานง่ายกว่าเบรกมือแบบเดิมแล้ว ยังเพิ่มพื้นที่เก็บสัมภาระบริเวณคอนโซลกลางอีกด้วย ในยาม
ค่ำคืนแผงคอนโซลให้แสงสีฟ้าอ่อน (Ice Blue) เช่นเดียวกับมาตรวัดรอบและความเร็วดีไซน์ใหม่แบบเรืองแสง

แคปติวา ใหม่ ยังมาพร้อมกับระบบ Infotainment เพียบพร้อมด้วยการแสดงข้อมูลของตัวรถ และความบันเทิง
ซึ่งได้รับการติดตั้งระบบเครื่องเสียงสามมิติ (3 Dimensional Sound Staging) ที่ผ่านการคำนวณอย่างละเอียด
เพื่อเลี่ยงข้อจำกัดของขนาดห้องโดยสารรถ โดยเน้นให้เสียงโอบล้อมผู้ขับขี่และผู้โดยสารอย่างมีมิติ คมชัด
และสมจริง ผ่านลำโพง 8 ตัวในรุ่น LTZ และ LT โดยสามารถเชื่อมต่อด้วยระบบ Bluetooth พอร์ท USB และ
AUX ไม่เพียงแต่ระบบเสียงในห้องโดยสาร ยังมีการพัฒนาระบบป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกอีกด้วย
โดยมีการติดตั้งระบบป้องกันเสียงรบกวนจากภายนอกเพิ่มเติม ลดเสียงต่างๆ ทั้งจากพื้นถนน เสียงลม หรือ
เสียงเครื่องยนต์เพื่อสุนทรียะของผู้โดยสารในทุกที่นั่ง

ในช่วงแรกที่เปิดตัว Captiva Minorchange จะมีขุมพลังให้เลือกเพียงแบบเดียว เป็นเครื่องยนต์เบนซิน
รุ่นใหม่ บล็อก 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์ว 2.4 ลิตร พร้อมระบบแปรผันวาล์วที่หัวแคมชาฟต์ Double CVC
สามารถปรับเปลี่ยนท่อไอดีและไอเสียได้ตามรอบเครื่องยนต์ เพิ่มสมรรถนะและความประหยัดได้อย่างดี
ให้พละกำลังสูงสุด 168 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 229 นิวตัน-เมตรที่ 4,600 รอบ/นาที
ส่งกำลังผ่านระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อม Driver Shift Control (DSC) ให้ผู้ขับขี่ปรับเปลี่ยนเกียร์
ได้เองแบบเกียร์ธรรมดา

ที่สำคัญ เครื่องยนต์ใหม่นี้ ยังเป็นขุมพลังแบบ Flex Fuel รองรับการเติมน้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน Gasohol
ได้ถึงระดับ E85 ซึ่งมี Ethanol ผสมอยู่ถึง 85% และใช้น้ำมันเบนซินเพียง 15% เท่านั้นได้อีกด้วย รวมทั้ง
ยังสามารถเติมน้ำมันเบนซินมาตรฐาน เบนซิน Gasohol E10 และ E20 ได้อีกเช่นกัน Captiva ใหม่ ถือเป็น
รถยนต์ SUV รุ่นแรกในเมืองไทยที่ใช้เชื้อเพลิง Flex Fuel E85  นอกจากนี้ Captiva ใหม่ ยังมีสวิทช์ปรับ
สู่โหมดการขับขี่แบบประหยัด (ECO) ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้ถึงรูปแบบการขับขี่ให้ประหยัดได้อีกทางหนึ่งด้วย 

เครื่องยนต์ใหม่นี้ผ่านการทดสอบอย่างหนักตามมาตรฐานของ GM และ Chevrolet ที่เรียกว่า Global Engine
Durability TEST (GED) โดยถูกติดตั้งอยู่ใน Captiva Prototype แล้ววิ่งทดสอบในสภาพอากาศและสภาพถนน
ที่แตกต่างกันทั่วโลก ตั้งแต่ร้อนจัดจนถึงหนาวจัด เพื่อให้แน่ใจว่า แคปติวาที่ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนใหม่นี้จะ
สามารถรองรับกับการใช้งานทุกรูปแบบเท่าที่จะเกิดขึ้นได้บนโลกใบนี้   

ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นแบบ แม็คเฟอร์สันสตรัท ส่วนด้านหลัง เป็นแบบอิสระ Multi-Link 4 จุดยึด ได้รับการ
พัฒนาเพื่อเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ ทั้งเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปรับตั้งช็อกอัพและสปริงใหม่ รวมถึงการ
ติดตั้งลิงค์ไฮโดรลิกที่ช่วงล่างด้านหลังเพื่อลดแรงสั่นสะเทือน ให้การยึดเกาะถนนอย่างปลอดภัย และนุ่มนวล
ระบบห้ามล้อดิสก์เบรก 4 ล้อแบบมีครีบระบายความร้อนที่เบรกคู่หน้า พร้อมระบบป้องกันล้อล็อก (ABS) ระบบ
เสริมแรงเบรกแบบไฮโดรลิก (HBA) และระบบกระจายแรงเบรกอัตโนมัติ (EBD) นอกจากนี้ ยังมีระบบป้องกัน
ล้อหมุนฟรี (Traction Control) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP) รวมถึงระบบป้องกันการพลิกคว่ำ (ARP)

ระบบขับเคลื่อนมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า และขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลา (All-Wheel Drive) พร้อม
ระบบเสริมแรงบิดอัจฉริยะ (Active Torque On Demand) ช่วยเสริมพละกำลังให้แก่ระบบขับเคลื่อนแบบ AWD
จากการทำงานของคลัตช์แม่เหล็กไฟฟ้ากับคลัตช์แบบเปียกซึ่งจะทำหน้าที่ส่งกำลังสู่ระบบเฟืองท้ายแบบไฟฟ้า
เพื่อกระจายแรงบิดที่เหมาะสมมากที่สุดสำหรับเพลาล้อคู่หน้าและคู่หลัง ทั้งนี้เพื่อสร้างสมดุลและเสริมกำลังให้
เหมาะกับสภาพการขับที่ที่แตกต่างกันออกไป

ระบบความปลอดภัยมีมาให้ครบครัน โดยเฉพาะ มีการติดตั้งถุงลมนิรภัยคู่หน้าเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน พร้อมเพิ่ม
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้างเพื่อป้องกันศีรษะของผู้ขับขี่ และผู้โดยสารในกรณีเกิดการชนด้านข้าง อีกทั้งยังมีตัวช่วย
เพื่อความมั่นใจในการขับขี่ มาให้เหมือนเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น ระบบป้องกันการไหลของรถเมื่อขึ้นทางลาดชัน
(Hill Start Assist) ช่วยป้องกันรถไหลจากการเบรครถชั่วขณะในระหว่างขับขึ้นทางชัน 1-2 วินาที เพื่อให้ผู้ขับขี่
สามารถเปลี่ยนแป้นเท้าจากการเบรคไปยังแป้นคันเร่งได้อย่างมั่นใจ โดยรถปราศจากการลื่นไหล

ระบบช่วงล่างยกตัวอัตโนมัติ (Self-Levelizer) ที่จะช่วยปรับระดับของช่วงล่างให้อยู่ในระนาบเดียวกัน เช่น เมื่อมี
การบรรทุกสัมภาระที่ด้านท้ายรถ น้ำหนักที่ถ่วงท้ายก็จะทำให้หน้ารถเชิดขึ้น แต่กลไกของระบบ Self-Levelizer
จะปรับระดับของช่วงล่างด้านหลังให้ยกสูงขึ้น เพื่อให้ระดับของด้านหน้ารถกับด้านหลังอยู่ในแนวขนานกับพื้น
ถนนเท่ากัน ซึ่งทำให้ไม่เกิดอาการหน้าเชิด ช่วยให้ควบคุมรถได้อย่างมั่นคง ปลอดภัย มากยิ่งขึ้น

ระบบควบคุมความเร็วขณะลงที่ลาดชัน (Hill Descent Control) ช่วยควบคุมความเร็วของรถให้ลงทางลาดชันได้
อย่างปลอดภัย เพียงกดปุ่ม HDC บนคอนโซล ระบบจะควบคุมความเร็วให้เหมาะสม โดยผู้ขับขี่ไม่ต้องเหยียบ
แป้นเบรก ตัวรถจะไหลลงทางลาดชันด้วยความเร็วคงที่ 

Chevrolet Captiva ใหม่ จะมีสีตัวถังภายนอกมีให้เลือก 5 สีคือ สีขาว Alpine White สีดำ Black Sapphire สีเทา
Royal Gray และสีเงิน Sterling Silver พร้อมกับมีสีสุดพิเศษสำหรับแคปติวาใหม่โดยเฉพาะ คือสีน้ำตาล Auburn
Brown ในราคาเริ่มต้นที่ 1,198,000 บาท ในรุ่น LS จนถึง 1,580,000 บาท ในรุ่น LTZ และจะเปิดตัวสู่สาธารณชน
ที่ลานพาร์ค พารากอน ห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน กรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 29 – 31 กรกฎาคมนี้  

—————————————///—————————————