เมื่อสัปดาห์ก่อนๆ คุณผู้อ่านจำนวนไม่น้อย คงได้เห็นภาพถ่ายบั้นท้ายของรถยนต์นั่ง Sedan
ขนาดเล็ก บนพื้นหลังสีดำ ที่ Honda เผยโฉมแบบครึ่งคัน Sneak Preview พร้อมกับภาพยนตร์
โฆษณา ที่ปล่อยออกมาแบบที่ไม่ปล่อยให้เราๆท่านๆ ได้ตั้งตัวกันเลย

ใช่ครับ เจ้าหมอนี่แหละ รถยนต์นั่ง Sedan 4 ประตู ขนาดเล็ก ที่สร้างขึ้นบนพื้นฐานงานวิศวกรรม
เดียวกันกับ Honda Brio รถรุ่นนี้ละ ที่หลายคนรอคอยว่า เมื่อไหร่ จะคลอดออกมาเสียที

ผมแค่จะมาบอกว่า ใกล้แล้วนะ อีกนิดนึง…ประมาณเดือนพฤศจิกายนนี้ รถคันนี้ก็น่าจะ
ใกล้เปิดตัวกัน เต็มแก่แล้วละ

แต่ก่อนอื่น…Honda ก็เกิดไอเดียว่า น่าจะให้สื่อมวลชนสายรถยนต์ในบ้านเรา ได้ทดลองขับ
กันสักหน่อย เพื่อ ดูปฏิกิริยา และขอความเห็นเบื้องต้น ที่มีต่อรถรุ่นนี้

นั่นจึงทำให้วันนี้ ผมต้องนอนเพียง 1-2 ชั่วโมง เพื่อตื่น ตี 5 ออกจากบ้านแต่เช้า 6 โมง ด้วย
Honda CR-Z คันนี้ ขับสบายๆ เรื่อยๆ มาอยู่ที่สนามแก่งกระจาน จังหวัดเพชรบุรี เพื่อมาลอง
ทำความรู้จักกับสัมผัสแรกหลังพวงมาลัยของ Sedan 1.2 ลิตร เจ้าเปี๊ยกคันใหม่ ร่วมกับ
สื่อมวลชนกลุ่มแรกในไทย…เอ่อ อันที่จริง ก็ต้องถือว่าในโลก ด้วยละ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่า นี่คือการทดลองขับ ของสื่อมวลชน และบุคคลภายนอกบริษัท Honda
เป็นกลุ่มแรกในโลก ที่ได้สัมผัสกับรถคันนี้ และแม้ว่า จะมีการปล่อยภาพถ่าย ครึ่งคันด้านบน
ของตัวรถออกสู่ สื่อโฆษณาต่างๆ ไม่เว้นแม้แต่ใน Internet แล้วก็ตาม

แต่เนื่องจาก ทางฝ่าย R&D ยังจำเป็นต้องทำตามกฎของบริษัทอยู่ เรื่องการทดสอบรถยนต์
ต้นแบบ ในสถานที่สาธารณะ เขาเลยยังจำเป็นต้องพรางหน้าพรางตากันไว้อยู่ดี แถมยัง
ไม่ยอมให้ สื่อมวลชนเข้าไปบันทึกภาพภายในห้องโดยสารได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า รถคันนี้
จัดอยู่ในขั้น Pre-Production แม้จะเข้าใกล้การผลิตจริงมากแล้วก็ตาม แต่ชิ้นส่วนพลาสติ
ประดับตกแต่งภายในรถบางรายการ ยังเป็นชิ้นส่วนประเภท ทดลองประกอบ อยู่ จึงมี
การติด ข้อความบอกในทำนองว่า “ชิ้นส่วนนี้ ยังไม่ใช่ชิ้นส่วนที่จะผลิตขายจริง” ไว้ ที่
ชิ้นงานพลาสติกแต่ละชิ้น ที่เข้าข่ายดังกล่าว

แต่ไม่เป็นไรครับ อย่างน้อย เราก็ยัง มี พี่แทน ช่างภาพมือฉมัง ฝีมือเยี่ยม ที่ได้รับความ
ไว้วางใจจาก Honda คอยช่วยบันทึกภาพไว้ให้ ในมุมที่เราต้องการ และฝีมือระดับพี่แทน
นั้น ผมยอมรับในมุมมอง และความทุ่มเทเพื่อภาพถ่ายรถยนต์ที่สวยงามของพี่เขามาตลอด

ดังนั้น รูปชุดนี้ ต้องบอกไว้ก่อนว่า แทบจะทั้งหมด จะเป็นรูปที่ทาง พี่แทน และ Honda
เขาบันทึกไว้ แล้วส่งมาให้กับเราอีกทอดหนึ่ง ช่างเหมือนกรณีเมื่อครั้งที่ Toyota เริ่ม
แนะนำ เจ้า Camry HYBRID สู่ตลาดบ้านเรา ในปี 2009 ไม่ผิดเพี้ยน (ตอนนั้น ก็ต้อง
ห้ามเอากล้องเข้าไปข้างในสนามทดสอบที่บ้านโพธิ์ เหมือนกัน) นั่นหมายความว่า
ภาพประกอบในบทความนี้ แทบทั้งหมด ไม่ใช่รูปที่ผมถ่ายเอง แต่อย่างใด มันเลย
อาจดูสวยกว่าปกติ!

แต่ตัวรถคันจริง จะสวยหรือไม่ ผมไม่เห็นหรอกครับ เจ้าหน้าที่ ฝ่าย R&D เขาใช้สติกเกอร์
ลายพรางสำรับรถยนต์ ของ 3M มาพรางตัวเท่าที่พอจะทำได้ เพื่อไม่ให้เห็นเด่นชัดเกินไป
กรนั้น แค่พอเดาแนวเส้นสายตัวรถได้ ก็ถือว่าเพียงพอแล้ว (จะว่าไป ผมก็เพิ่งรู้ละครับว่า
สติ๊กเกอร์ลายพรางที่คุณเห็นอยู่นี้ เป็นของ 3M)

Atsushi Arisaka  LPL  Honda R&D Asia Pacific Co.,ltd. เล่าว่า เขาตั้งใจสร้าง Sedan
1.2 ลิตร คันใหม่นี้ขึ้นมา ด้วยแนวคิดต่อยอดจาก Brio รุ่นเดิม โดยวางแนวทางไว้ให้เป็น
Small Micro Limousine…..คือ เน้นความกระทัดรัด คล่องตัว แต่มีพื้นที่ด้านหลังนั่งสบาย

เอ่อ มันลีมูซีนตรงไหนครับพี่ ช่วงบั้นท้ายรถพี่นี่ มองผ่านๆ แบบคนไม่รู้เรื่อง ก็ต้องถือว่า
สั้นกุด เสียด้วยซ้ำ แต่ในความเป็นจริง Honda มีการเพิ่มความยาวตัวรถ และขยายระยะ
ฐานล้อ มาเพิ่มให้ด้วย

มิติตัวถังของ Sedan ใหม่คันนี้ ยาว 3,990 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตร สูง 1,485 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ 2,405 มิลลิเมตร หากเปรียบเทียบกับ Honda Brio ซึ่งมีตัวถังยาวจากหน้า จรดหลัง
สั้นแค่ 3,610 มิลลิเมตร กว้าง 1,680 มิลลิเมตร สูง 1,485 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อสั้นเพียง
2,345 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหน้า (Tread Front) 1,480 มิลลิเมตร ความกว้างช่วงล้อหลัง
1,465 มิลลิเมตร ระยะห่างจากพื้นดินถึงพื้นตัวถัง 150 มิลลิเมตร น้ำหนักตัวเปล่า 920 กิโลกรัม
ในรุ่นเกียร์ธรรมดา และ 950 กิโลกรัมในรุ่นเกียร์ CVT ด้วยแล้ว…

จะพบว่า Sedan 1.2 ลิตร คันนี้ ยาวกว่า Brio ถึง 380 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อ ยาวขึ้น
60 มิลลิเมตร แต่ยังคงความกว้าง และความสูงไว้เท่ากับ Brio อย่างไรก็ตาม ด้วยการทำงาน
อย่างหนัก ส่งผลให้ น้ำหนักตัวรถที่เพิ่มขึ้นมาจาก Brio นั้น น้อยมากๆ เพียง 26 กิโลกรัม
เท่านั้น!!

ยางติดรถ ในคันทดลองขับ ก็ยังคงเป็นยาง Michelin ENERGY XM2 ขนาด 175/65 R14
สเป็กพิเศษสำหรับ Brio เหมือนเช่นเดิม

การตกแต่งภายนอก ในช่วงครึ่งคันหน้านั้น แทบจะยกมาจาก Brio กันเลย เกือบทั้งดุ้น
ไม่เว้นแม้เต่ เสากรอบประตู ที่ Honda ก็ยังเลือกจะลดต้นทุนในจุดนี้ ด้วยการ ไม่ติด
สติ๊กเกอร์ สีดำด้าน ข้างบานประตู หรือกรอบประตูของรถ เหมือนเช่นที่ทำกับ Brio
เป๊ะ ไม่ผิดเพี้ยน

ถ้ามองกันจริงๆ ด้านหน้า อาจมีรายละเอียดนิดหน่อย ที่ไม่เหมือนกัน นั่นคือ บริเวณ
เปลือกกันชนหน้า จากเดิม ที่มีพื้นที่ช่องดักลมหน้า เล่นลวดลายกราฟฟิก ด้วยโทนสี
ดำเงา แต่ใน Sedan ใหม่คันนี้ จะพ่นสีเดียวกับตัวถังมาให้เลย ขณะเดียวกัน ลวดลาย
ของชุดไฟหน้า ก็จะแตกต่างจากเดิมเล็กน้อย ท

ดังนั้น แม้กระทั่งเมื่อคุณเปิดประตูเข้าไปนั่งในตำแหน่งเบาะคู่หน้า รวมทั้งตำแหน่ง
คนขับ คุณจะพบว่า “มันก็เหมือน Brio นั่นแหละ!”  ทั้งแผงหน้าปัด พวงมาลัยแบบ
3 ก้าน ทรงสปอร์ต พร้อมถุงลมนิรภัย ฝั่งคนขับ แถมโทนสีที่ใช้ ก็ยังคงเป็นสีน้ำตาล
ตัดกับสีเบจ สว่างๆ เหมือนใน Brio ไม่มีผิด

แต่ความแตกต่างหนะ อยู่ที่ครึ่งคันด้านหลังต่างหาก มันถูกออกแบบขึ้นใหม่ ด้วยความ
พยายามอย่างหนัก ที่จะให้มันดูลงตัว ภายใต้ข้อจำกัดด้านเส้นสาย จาก ครึ่งคันหน้า
ของ Brio

บานประตูคู่หลัง และช่องทางเข้าห้องโดยสารด้านหลัง กว้าง และช่วยให้เข้า – ออกจาก
เบาะหลังง่ายดายขึ้น นิดหน่อย แต่พอหย่อนยก้นลงไปบนเบาะหลังแล้ว จะพบความ
น่าประหลาดใจ

ก็ใครจะคิดละครับว่า เห็นภายนอก ดูสั้นๆกุดๆ พอนั่งเบาะหลังปุ๊บ ต่อให้ปรับเบาะฝั่ง
คนขับ กันยังไง ผู้โดยสารตอนหลัง ก็จะมีพื้นที่วางขา กว้างพอ ขนาดที่สามารถจะยก
ท่อนขาว ขึ้นมานั่งไขว่ห้าง ได้สบายๆ เลยทีเดียว แต่สำรับพื้นที่เหนือศีรษะนั้น จะ
มีเหลือ พอให้คนตัวสูง 171 เซ็นติเมตร ได้นั่งสบาย ในระดับ ศีรษะเฉี่ยวๆ กับแผง
เพดานหลังคา ขาดอีกเพียงแค่ 2 นิ้วมือคน สอดในแนวนอน ได้ก็ตาม

เบาะหลัง มีเบาะรองนั่งที่ถือว่า ปรับปรุงฟองน้ำมาใช้ได้ ขณะที่พนักพิงหลัง ก็นุ่ม
กำลังดี ไม่แข็งเกินเหตุ เสียดายที่ว่า พับเบาะหลังเพื่อเพิ่มพื้นที่ห้องเก็บของไม่ได้

ถือว่า ภายในห้องโดยสาร ด้านหลัง มีพื้นที่ ยาวขึ้น ผู้โดยสารด้านหลัง จะ Happy
กระดี๊กรนะด๊า มากขึ้นแน่ๆ แต่นอกเหนือจากประเด็นนี้แล้ว ก็แทบไม่ได้แตกต่าง
กันมากมายนัก

ส่วนพื้นที่ห้องเก็บของด้านหลังที่ยื่นออกมานั้น แบ่งเป็น พื้นที่หลัก ขนาด 400 ลิตร ตาม
มาตรฐาน VDA เยอรมัน และ ลุมสำหรับใส่ยางอะไหล่ และข้าวของอีกนิดหน่อย 20 ลิตร
รวมแล้วได้ 420 ลิตร ตามมาตรฐาน VDA ซึ่งถือว่า มีขนาดใหญ่โตกว่า สิ่งที่สายตาคุณจะ
ได้เห็น จากภายนอกตัวรถ Arisaka-San บอกว่า รถคันนี้ ใส่กระเป๋าเดินทางใบเขื่องได้
2 ใบ หรือใส่ถุงกอล์ฟ ได้ 2 ใบพอดี

ด้านขุมพลังนั้น ไม่ต้องคิดมาก ไม่ต้องสงสัย มันไม่ใช่เครื่องยนต์อื่นไกลที่ไหนเลย เพราะ
มันก็คือ เครื่องยนต์ แบบเดียวกัน รุ่นเดียวกัน หน้าตาเหมือนกันกับที่วางอยู่ใน Honda Brio
ไม่มีผิดเพี้ยน เซ็นชื่อรับรองสำเนาถูกต้องได้เลย!

ถูกต้องแล้ว พี่น้องประชาชนทั้งหลาย มันคือเคริ่องยนต์ รหัส L12B3 บล็อก 4 สูบ SOHC
16 วาล์ว 1,198 ซีซี  กระบอกสูบ x ช่วงชัก 73.0 x 71.6 มิลลิเมตร กำลังอัด 10.2 : 1 พร้อม
ระบบแปรผันวาล์ว i-VTEC จ่ายเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดอีเล็กโทรนิคส์ PGM-FI พร้อมระบบ
คันเร่งไฟฟ้า และ ลิ้นปีกผีเสื้อไฟฟ้า DBW (Drive-By-Wire Electronics Throttle Control)
นั่นเอง

กำลังสูงสุด ? ก็เท่ากับ Brio อีกนั่นแหละ! อยู่ที่ 90 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิด
สูงสุด 11.2 กก.-ม. (110 นิวตัน-เมตร) ที่ 4,800 รอบ/นาที

ส่งกำลังส่ระบบขับเคลื่อนล้อหน้า ทั้งด้วยเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT ซึ่ง
ไหนๆ ก็ไหนๆ ยกเครื่องยนต์ Brio มาแล้ว ก็ควรจะยกเกียร์ ชุดเดิมมาให้เลือกกัน ครบๆ
ทั้ง 2 ลูก ไปเลยดีกว่า ประหยัดต้นทุนในการพัฒนาดีออก!

บังคับเลี้ยวด้วย พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้าผ่อนแรง EPS
(Electronics Power Steering) ส่วนระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบ แม็คเฟอร์สัน
สตรัต ส่วนด้านหลัง ยังคงเป็นแบบ ทอร์ชัน บีม รูปตัว H ขณะที่ระบบห้ามล้อนั้น
คู่หน้าเป็นแบบ ดิสก์เบรกมีรูระบายความร้อน คู่หลัง ก็ยังคงเป็นดรัมเบรกอยู่ดีละ

เฮ้ยยย!! ไอ้ที่เขียนมาข้างบนทั้งหมดนี้ มันก็แทบยกเอาข้อความใน Full Review ของ
Honda Brio ที่ผมทำเอาไว้เมื่อปีที่แล้ว มาวางแหมะ ใส่ลงไปได้สบายๆ เลยนี่หว่า!

อ้าว!? แล้วแบบนี้  Sedan คันใหม่นี้ จะแตกต่างไปจาก Brio กันที่ตรงไหนละเนี่ย?
อย่าบอกนะว่า ต่างกันแค่ มีบั้นท้ายที่เพิ่มเข้ามา?

ไม่หรอก มันไม่ใช่แค่นั้น….

ความแตกต่างหลักๆ จะอยู่ที่การเซ็ตช่วงล่าง แม้ว่าชิ้นส่วนปีกนกและคานบิดต่างๆ
จะเหมือนกันเลยก็ตาม แต่จากคำบอกเล่าของ LPL หรือหัวหน้าวิศวกร บอกผมว่า
ช็อกอัพ กับสปริง จะสูงกว่าของ Brio นิดนึง ดังนั้น Part Number ก็จะไม่เหมือนกัน
 ด้านหลัง ให้มีความแตกต่างกัน

ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกของผม นิดหน่อย ที่เลือกจะเดินทางมาถึงสนามแก่งกระจาน
ก่อนเวลา หลายชั่วโมง จึงมีโอกาส ลองนำเอา Honda CR-Z ไปทำความคุ้มเคยกับโค้ง
อันตรายทั้ง 2-4 จุด จนผ่านพ้นไปด้วยดี แล้วก็ได้โอกาส นำ Brio ลงไปวิ่งเล่น เพื่อ
จับสัมผัส ย้อนความทรงจำของตัวเองทุกสิ่งอย่าง ที่เกี่ยวกับ Brio จนออกมาได้ครบ
นั่นทำให้เมื่อถึงเวลาทดลองขับจริง ผมไม่ต้องเสียเวลา กับการสร้างความคุ้นเคย
กับลักษณะทางวิ่ง ของสนามอีก

ในเมื่อ เครื่องยนต์ กับเกียร์ และระบบขับเคลื่อนล้อหน้า กับหัวรถครึ่งคันหน้า
แทบจะยกมาจาก Brio กันเกือบทั้งดุ้น และไม่มีการปรับเปลี่ยนอะไรจากเดิม
ทั้งสิ้น ยังคงล็อกความเร็วสูงสุด เอาไว้ที่ 145 กิโลเมตร/ชั่วโมง (หรือ ระดับ
140 กิโลเมตร/ชั่วโมง ตามมาตรวัดอยู่ดี ดังนั้น การตอบสนองของเครื่องยนต์
ทั้งขณะ เร่งส่งออกจากโค้ง หรือจะออกตัวจากจุดหยุดนิ่ง ยังคงถือว่าทำได้ดี
สมตัว แบบเดียวกับ Brio ไม่ผิดเพี้ยน

สิ่งที่แตกต่างกันก็คือ การตอบสนองของระบบกันสะเทือนด้านหลัง ในช่วง
ที่ต้องเข้าโค้ง การมีบั้นท้ายยื่นออกมา แม้เพียงนิดหน่อย ตามหลักแล้วก็จะ
มีส่วนให้ ตัวรถ เกิดอากาศ ท้ายปัด (Oversteer) เล็กๆ ได้ง่ายขึ้น เป็นปกติ

Sedan คันใหม่นี้ ก็เช่นเดียวกัน บั้นท้าย พยามจะส่งสัญญาณไปยังคนขับ
ว่า ใกล้จะหลุดแล้วนะจ้ะเธอว์ แต่ฉันก็พยายามรักษาหน้าที่ ไม่ให้หลุดนะ

นั่นคือความแตกต่างเดียว ที่ผมพอจะพบได้ ในช่วง 3 รอบสนามแก่งกระจาน
กับ Sedan 1.2 ลิตร รุ่นใหม่ คันนี้

เพราะที่เหลือ แม้กระทั่ง ระบบห้ามล้อ ยังคงเป็นแบบ หน้าดิสก์ หลังดรัม
พร้อมตัวช่วยมาตรฐาน ทั้งระบบป้องกันล้อล็อก ABS ระบบกระจายแรงเบรก
EBD ก็ยังคงตอบสนองได้ เหมือนกันกับ Brio แทบจะทุกประการ

********** สรุป (เบื้องต้น) **********
ถ้าอยากได้ ECO Car ตัวถัง Sedan ในตอนนี้ ที่ไม่ใช่ Almera ก็คงหนีไม่พ้นคันนี้แหละ……

รู้กันดีอยู่ว่า นี่คือ ก๊อก 2 ของ Honda ที่จะมาฟาดฟันส่วนแบ่งตลาดของรถยนต์พิกัด
ECO Car 1.2 ลิตร (ที่ยังมีคนเรีนยกผิด จนความหมายผิดเพี้ยนไปเป็น EGO Car!)
หลังจากที่ น้องเล็ก Brio ไม่อาจต้านทานการยอมรับในสังคมได้

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้น บุคลิกการขับขี่อาจต่างไปจาก Brio น้อยมาก และต้อง
จับสังเกตกันจริงๆ จึงจะพบว่า ช่วงล่าง จะถูกเซ็ตในแนว เอาใจลูกค้าผู้ใหญ่
มากกว่า Brio Hratchback 5 ประตู รุ่นมาตรฐาน อยู่นิดนึง

แต่สิ่งที่ต้องถือว่าเกินความคาดหมายไปสักหน่อย คือ พื้นที่ห้องโดยสาร โดยเฉพาะ
เบาะหลัง ที่ถือว่า ทำได้ดีมากๆ มีพื้นที่นั่งสบาย ขนาดคนตัวใหญ่อย่างผม ยังไม่มี
เสียงบ่น กับการนั่งบนเบาะหลังของรถคันนี้เลย (เมื่อต้องนึกถึงประเภท บุคลิก
และราคาของรถ ประกอบรวมเข้าด้วยกันแล้ว)

ในเมื่อสมรรถนะเบื้องต้น จัดอยู่ในระดับ ทำออกมาขายได้แล้ว สิ่งที่เรายังต้องรอดู
กันอีกต่ไป ก็คือ การจัดอุปกรณ์มาตรฐานและการกำหนดราคาขายปลีกของแต่ละ
รุ่นย่อย  ว่าจะแพงขึ้นกว่า Brio เล็กน้อย ได้จริงอย่างที่ทุกฝ่ายคาดหมายกันหรือไม่

เหลือเวลาอีกไม่นาน ที่คนไทยจะได้สัมผัส และต่อคิวสั่งจองรถรุ่นนี้ กันในงาน
Motor Expo ที่ Challenger Hall เมืองทองธานี หลังวันที่ 28 พฤศจิกายน เป็นต้นไป

ถ้าคิดว่ารอไหว อยากรอดูคันจริง ขอแนะนำว่า รอดูก่อน ก็ไม่เสียหายครับ แต่ไหนๆ
ก็รอแล้ว หากคิดอยากจะรอดูต่อไปว่า Headlightmag.com จะจับอัตราเร่ง รวมทั้ง
อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ว่าจะดีขึ้น หรือด้อยกว่า Brio มากน้อยแค่ไหน

การรอต่อไปอีกสักระยะ ก็น่าจะช่วยให้คุณได้คำตอบ ที่ตรงต่อการตัดสินใจของคุณมากขึ้น!

————————///————————



ขอขอบคุณ
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด
เอื้อเฟื้อและอำนวยความสะดวกในการเดินทางอย่างดียิ่ง
————————————————

บทความของรถยนต์ในกลุ่มตลาดเดียวกัน ที่ควรอ่านเพิ่มเติม
รวมบทคตวามทดลองขับรถยนต์ในกลุ่ม ECO Car (Sub-B Segment / A-Segment 1,000 – 1,300 cc.)

————————————————

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน ภาพวาดกราฟฟิกทั้งหมด เป็นลิขสิทธิ์ของ Honda Motor Co.
ประเทศญี่ปุ่น ส่วน ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
30 ตุลาคม 2012

Copyright (c) 2012 Text and Pictures (All Illustration is own by Honda Motor Co.)
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
October 30th,2012

แสดงความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่ / Comments are Welcome! Click Here!