ฟอร์ดเผยโฉมหน้างานดีไซน์ใหม่ ให้กับ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่
ช่วยเติมสัมผัสแห่งดีไซน์แกร่งให้กับรถยนต์เอนกประสงค์ 7 ที่นั่งสำหรับครอบครัว
จากเดิม ที่เคยมีหน้าตาทื่อๆ เหมือนเรือข้ามฟากแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กลายมาเป็น
เอสยูวีที่ตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้นกว่าเดิม ปรับทั้งงานออกแบบใหม่
ทั้งภายในและภายนอก เติมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกชั้นเลิศเข้าไป อาทิ ระบบนำทาง GPS
ไปจนถึง จอมอนิเตอร์ สำหรับผู้โดยสารแถวหลัง

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ นับว่าเป็นรถที่สำคัญรุ่นหนึ่งในบรรดารถยนต์ทั้งหมดของฟอร์ด
ที่ทำตลาดในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิค เนื่องจากเป็นรถที่ใช้เทคโนโลยีสำคัญหลายประการ
ร่วมกับรถในตระกูลเรนเจอร์ อาทิ พลัง แรงบิด และความประณีต ยืนหยุ่น ของ
เครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล โครงสร้างเฟรมแชสซี ที่แข็งแกร่ง ร่วมทั้งชิ้นส่วน
อะไหล่ต่างๆในห้องโดยสาร อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างที่สำคัญ ของรถทั้ง 2 รุ่น
อยู่ที่การติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่าง ๆให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า
ทั้งสองกลุ่ม ที่มีรูปแบบการใช้ชีวิต อันแตกต่าง อย่างปัจเจก ในรูปแบบของตนเอง

 

 

สก็อต เฟอร์เรียร์ ผู้จัดการฝ่ายออกแบบ ฟอร์ด ประจำภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและแอฟริกา กล่าวว่า
“การออกแบบใหม่ในรถเอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 ถูกปรับปรุงให้ดูหรูหรายิ่งขึ้น ขณะที่สมรรถนะ
และความคล่องตัวยังคงอยู่ภายใต้มาตรฐานชั้นยอดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เช่นเดิม เพียงแต่เราเติมสัมผัส
ของงานดีไซน์ที่ทันสมัยเพื่อทำให้รถดูดีมีสไตล์มากขึ้น โดยนำเอางานออกแบบใหม่ๆ
มาช่วยเสริมความแข็งแกร่งที่มีอยู่แล้วในฟอร์ด เอเวอเรสต์ ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น”

” เป้าหมายในการออกแบบของเราคือการเสริมความแข็งแกร่งและพละกำลังที่มีอยู่ใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์
ให้เด่นชัดยิ่งขึ้น” เฟอร์เรียร์ กล่าว “เราเชื่อว่ารายละเอียดเหล่านี้เข้ากันได้ดีกับความแข็งแรงและความทนทาน
ของ งานออกแบบตัวถัง ซึ่งจะทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นรถที่ดึงดูดใจยิ่งขึ้น” 

 

 

ดีไซน์ของกระจังหน้าใหม่ประกอบด้วย แถบโครเมี่ยมมันวาว 3 แถบที่ได้รับการออกแบบมาอย่างประณีต
ซึ่งเป็นชิ้นส่วนสำคัญในดีเอ็นเอของการออกแบบรถฟอร์ด  ส่วนกลางของกระจังหน้ารองรับตราสัญลักษณ์
บลูโอวอล ของฟอร์ด  เพื่อสื่อถึงความประณีตที่พบได้ในรถยนต์รุ่นหรู แถบด้านบนสุดของกระจังหน้า
เป็นแถบโครเมี่ยมขนาดกว้างพร้อมสลักตัวอักษร EVEREST โดยเชื่อมต่อกับฝากระโปรงหน้า ทรง Power Dome
ต่อเนื่องไปยังรูปทรงโฉบเฉี่ยวของไฟหน้า  นอกจากนี้ แถบแนวนอนยังสื่อถึงความกว้างขวางของตัวรถ
และความมาดมั่น สะท้อนจิตวิญญาณของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจและพร้อมทุกการผจญภัย

ไฟหน้าโปร่งใสได้รับการออกแบบให้ทนทานต่อแรงกระแทก พร้อมรายละเอียดของคิ้วไฟหน้า
ที่เน้นความหรูหราเช่นเดียวกับที่เห็นได้จากเครื่องแก้วคริสตัลชั้นดี กรอบไฟหน้าทำจากโครเมี่ยม
เชื่อมต่อกับกระจังหน้า ฝากระโปรง และรูปลักษณ์ “เรียบเนียน” ของบังโคลนที่ให้ความรู้สึกแกร่ง
ชุดโคมไฟตัดหมอกฝังอยู่ภายในกรอบที่เป็นตัวเรือนรูปร่างคล้ายปีกนกสีเงินขนาบสองข้างของ
กระจังหน้าด้านล่างในรุ่น LTD 

ล้อขนาด 18 นิ้วที่เป็นมันวาวคือตัวเลือกสำหรับรถในรุ่นท็อป โดยซี่ล้อสีเงินวาวทั้ง 6 ซี่
ถูกออกแบบภายใต้แนวคิดแบบ ‘ไร้ขอบ’ แต่ละซี่สลักลวดลายเรียวแหลม (venturi shape)
พร้อมลงสีเทาเข้มทับพุ่งตรงไปตัดสีกับขอบยางใหญ่ขนาด 255/60R18 ล้อรุ่นนี้
เคยผ่านตาสาธารณชนกันมาแล้ว ในรถกระบะต้นแบบ เรนเจอร์ แมกซ์ โชว์ทรัค
ที่ในงาน Motor Expo 2008 เมื่อ เดือนธันวาคม 2008 ที่ผ่านมา

ส่วนล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้วใหม่ภายใต้การออกแบบซี่ล้อแบบ 6 ซี่ที่เป็นเอกลักษณ์
คือล้ออัลลอยสำหรับรุ่นมาตรฐานที่เข้ากันกับยางขนาด P245/70R16

ตัวถังด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เผยความโดดเด่นด้วยโป่งซุ้มล้อที่สะท้อนความแกร่ง
สื่อถึงจุดยืนด้านความสามารถในการควบคุมทิศทางระหว่างขับบนถนนและประสิทธิภาพ
ในการขับขี่แบบออฟโร้ด และเมื่อมองจากด้านข้าง กระจกเคลือบสีจางๆ เสริมภาพความพิเศษ
แบบเอ็กซ์คลูซีฟยิ่งขึ้น อีกทั้งยังมี กาบตกแต่งเหนือบังโคลนสีเดียวกับตัวถังด้วย  

มุมมองด้านข้างของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วยรายละเอียดสะดุดตามากมาย
แต่ละชิ้นส่วนเลือกใช้โทนสีของโลหะและโครเมี่ยมที่ตัดกันเพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์
แบบเดียวกับการเปล่งประกายของ เครื่องประดับ ในโลกแห่งแฟชั่น

บังโคลนหน้าของฟอร์ด เอเวอเรสต์ โดดเด่นด้วยช่องระบายอากาศที่เป็นเอกลักษณ์ ล้อมรอบด้วย
กรอบสีเงินด้านรองรับตราสัญลักษณ์ของเอเวอเรสต์ที่เป็นตัวหนังสือสีดำบนพื้นโครเมี่ยมแฝงตาข่ายสีดำ

 

 

แร็คบรรทุกของบนหลังคา ช้วัสดุสีเงินด้านตัดกับก้านรองรับน้ำหนักสีดำ ความยาวของแร็คหลังคา
เริ่มต้นจากเบาะนั่งแถวหน้ายาวไปจรดส่วนท้ายของรถให้ความรู้สึกมีสไตล์และใช้ประโยชน์ได้จริง

อีกรายละเอียดที่น่าสนใจของฟอร์ด เอเวอเรสต์ คือบันไดข้างอลูมิเนียมที่ยื่นออกมาจากตัวรถแต่งลาย
เป็นร่องด้านบนเพื่อการรองรับที่มั่นคงและเพิ่มความสวยงาม ทั้งยังยกตัวขึ้นไปขนานกับกรอบล่างของประตูรถ
เพิ่มความกลมกลืนกับโป่งซุ้มล้อทั้ง 2 ด้าน ปลายบันไดหุ้มด้วยวัสดุสีไทเทเนียมตัดกัน

กระจกมองข้างตกแต่งด้วยรายละเอียดที่น่าสนใจและสามารถใช้งานจริง โดยกรอบกระจกด้านล้างใช้วัสดุสีดำด้าน
ขณะที่ส่วนบนเป็นโครเมี่ยมฝังไฟเลี้ยวในตัว และสำหรับรุ่น LTD บริเวณด้านล่างของก้านกระจกยังมีไฟส่องสว่าง
เพื่อความปลอดภัยขณะขึ้น-ลงในที่มืด โดยไฟจะทำงานอัตโนมัติเมื่อปลดล็อกประตูด้วยรีโมต คอนโทรล

กระจกหน้าต่างด้านหลัง แบบ ‘โอบรอบ’ ที่ชาญฉลาดทำให้เกิดความกลมกลืนแบบไร้รอยต่อจากมุมมองด้านข้าง
ของตัวรถไปถึงด้านหลัง เข้ากันกับไฟท้ายใหม่ที่ถูกยกให้สูงขึ้น ชิ้นส่วนที่มีประโยชน์ใช้สอยหลากหลายอันประกอบด้วย
ไฟส่องสว่างท้ายรถ ไฟเบรก และไฟเลี้ยว ได้รับการปกป้องภายในกรอบกระจกใสตัดขอบสีดำ ทุกชิ้นส่วน
ได้รับการออกแบบบางเฉียบเพื่อให้พื้นผิวของกรอบไฟกลมกลืนในระนาบเดียวกันกับกระจกด้านข้าง
ต่อเนื่องมายังกระจกหลัง ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของกระจกใสที่โอบรอบรถทั้งคันเหนือแนวเส้นด้านข้าง (belt line)
ชุดไฟท้าย อยู่ในระดับสูง ได้รับการออกแบบมาเพื่อให้เห็นอย่างชัดเจน (ไฟเบรกดวงที่สามอยู่ตรงกลางด้านบนกระจกหลัง)

เทคนิคการออกแบบที่ให้ความรู้สึกกลมกลืนโอบล้อมรอบรถทั้งคัน (wraparound effect)  
นับว่าเป็นทิศทางการออกแบบสำคัญ ในรถเอสยูวีของฟอร์ดที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด
ไม่ว่าจะเป็นร่องเล็กๆ บนไฟท้ายไปจนถึงการออกแบบตัวถังด้วยมุมตัดจากด้านข้าง
มายังท้ายรถอย่างแม่นยำ  

นอกจากนี้ ยังมีองค์ประกอบสำคัญอื่นๆ ในการออกแบบท้ายรถใหม่ทั้งหมดของฟอร์ด เอเวอเรสต์ ประกอบด้วย  
– ฝาครอบล้ออะไหล่บริเวณท้ายรถใหม่ที่สะดุดตายิ่งขึ้น ด้วยลวดลายภูเขาโดดเด่นไม่เหมือนใคร
เส้นสายในแนวนอนทั้งด้านบนและล่างเข้ากันได้ดีกับแนวเส้นด้านข้างตัวรถ

– มือจับประตูท้ายรถชุบโครเมี่ยมประดับตราสัญลักษณ์บลู โอวอล ของฟอร์ด
พร้อมไฟส่องสว่างป้ายทะเบียนรถที่ซ่อนอยู่ด้านหลัง  

– กันชนท้ายแบบสามชิ้นใหม่สีเดียวกับตัวรถ พร้อมกล้องมองหลังและไฟถอยหลัง กาบตกแต่งท้ายรถ
สีเดียวกับตัวรถเข้ากับกันชนท้ายอย่างสมส่วน โดยตกแต่งสัญลักษณ์เอเวอเรสต์อย่างโดดเด่น

“ส่วนประกอบทั้งหมดนี้ เมื่อเวลาที่ขับรถตามหลังรถคันนี้ คุณจะสังเกตเห็นจุดเด่นต่างๆ
ที่ทำให้รู้ได้ทันทีว่านี่คือ ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่” เฟอร์เรียร์ กล่าว “แน่นอนว่านี่คือ ลุคใหม่ล่าสุด”

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มีสีตัวถังให้เลือก 5 สี ได้แก่ โดยมีสีใหม่ คือ สีน้ำตาล Desert Bronze
รวมทั้งสีขาว Cool White, สีเงิน Highlight Silver, สีทอง Gloming Silver, และสีดำ Black Mica 

 

 

พื้นที่ภายในของฟอร์ด เอเวอเรสต์ กว้างขวาง โปร่งโอ่โถง มอบความสะดวกสบาย
ให้แก่ผู้โดยสารราวกับรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ทั้งยังครบเครื่องความเป็นรถเอนกประสงค์แบบ 7 ที่นั่งอย่างแท้จริง  

เบาะนั่งได้รับการออกแบบตามหลักสรีระศาสตร์ พร้อมพื้นผิวที่มีให้เลือกทั้งแบบเบาะหนังและแบบผ้าลายใหม่
แผงประตูหุ้มด้วยวัสดุแบบเดียวกับเบาะที่นั่งเพื่อความกลมกลืนลงตัว เบาะนั่งแถวที่สองติดตั้งระบบ Synchronic
ทำให้พับเก็บได้ในจังหวะเดียว ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในการเพิ่มความสามารถใช้งานพื้นที่ภายใน
ให้ความหลากหลายในการปรับแต่งเพื่อตอบสนองการใช้งานในทุกรูปแบบ เนื่องจากระบบนี้
ช่วยให้สามารถพับพนักพิงลงมาด้านหน้าได้อย่างแบนราบ

เบาะนั่งแถวที่สามสามารถพับลงมาด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของท้ายรถให้กว้างขวางจนมีความจุสูงสุดถึง 1,433 ลิตร
หรือมากกว่ารถคู่แข่งเกือบ 10 เปอร์เซ็นต์ ผู้ใช้ยังอาจยกที่นั่งแถวที่สามออกเพื่อเพิ่มความยาวในการบรรทุกของให้มากยิ่งขึ้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพับเบาะแถวที่สองลงด้วย
 
ความกว้างขวางของฟอร์ด เอเวอเรสต์ เป็นอีกหนึ่งลูกเล่นสำคัญที่เพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน
พื้นที่วางขาของผู้โดยสารทั้งสามแถวโอ่โถง โดยแถวหน้ากว้าง 1,088 มิลลิเมตร แถวสองกว้าง 978 มิลลิเมตร
และแถวสามกว้าง 722 มิลลิเมตร โดยผู้โดยสารในแถวสามมีพื้นที่ว่างบริเวณเข่ามาถึง 120 มิลลิเมตร ซึ่งมากกว่ารถคู่แข่ง

อีกหนึ่งจุดเด่นที่แตกต่างจากรถอื่นๆ ในประเภทเดียวกันคือพื้นแบบไล่ระดับ
ที่ช่วยให้ผู้โดยสารทั้งสามแถวมีทัศนวิสัยที่ดีเยี่ยม และยังทำให้การเข้า-ออกจากรถง่ายขึ้น

 

 

 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ รับมือกับอากาศร้อนด้วยระบบปรับอากาศที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารทั้ง 7 ที่นั่ง
ได้รับความเย็นสบายตลอดทั้งคัน ด้วยช่องแอร์เหนือศีรษะสำหรับผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม

แผงควบคุมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกภายในออกแบบมาอย่างทันสมัยและสะดวกต่อการใช้งาน พร้อม
ระบบนำทางผ่านดาวเทียมแสดงผลบนหน้าจอทัชสกรีนขนาด 6.5 นิ้ว พร้อมเครื่องเล่น DVD CD MP3 ของ ALPINE
ติดตั้งบริเวณคอนโซลกลางเพื่ออำนวยความสะดวกในการเลือกเส้นทางแก่ผู้ขับขี่ 

 

 

 และยังมีจอติดตั้งบนเพดาน เพื่อให้ความบันเทิงแก่ผู้โดยสารในแถวที่สองและสาม
นอกจากนี้ บริเวณท้ายรถยังมีกล้องมองหลังแบบมุมกว้าง พร้อมแสดงผลบนหน้าจอ
แบบอัตโนมัติเพื่อความปลอดภัยในขณะถอยหลัง

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกและพื้นที่ใช้สอยภายใน ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้รับการออกแบบอย่างชาญฉลาด
และยังมีถาดวางของเอนกประสงค์ที่รับน้ำหนักได้มากถึง 10 กิโลกรัม เพียงพอสำหรับการรับประทานอาหาร
ในรถหรือใช้วางเครื่องคอมพิวเตอร์ขนาดพกพา ขณะที่ช่องเก็บของบริเวณประตูถูกออกแบบให้เหมาะกับการใช้งานมากขึ้น

 

 

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ใหม่ เป็นเอสยูวีสำหรับครอบครัวรุ่นแรกและรุ่นเดียวในตลาด
ที่ติดตั้งถุงลมนิรภัย ทั้งด้านหน้าและด้านข้างจำนวน 4 ใบ

ถุงลมนิรภัยแบบ 2 จังหวะสำหรับที่นั่งด้านหน้าของคนขับ (ความจุ 45 ลิตร) และผู้โดยสาร (70 ลิตร)
ส่วนถุงลมนิรภัยด้านข้างขนาดความจุ 18 ลิตร สำหรับผู้ขับและผู้โดยสารด้านหน้าที่ได้รับการออกแบบมา
เพื่อปกป้องอันตรายที่อาจเกิดขึ้นบริเวณศีรษะและทรวงอกจากการชนด้านข้าง  เสริมการทำงานกับเข็มขัดนิรภัย
แบบ 3 จุด โดคู่หน้าติดตั้งระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner & Load Limiter)

ความปลอดภัยบริเวณตัวถังเกิดจากการทำงานของคานเหล็กนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง
และคานของเสา A, B และ C-pillars ที่สามารถกระจายแรงจากการชนออกจากห้องโดยสาร
และช่วยลดแรงกระแทกได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของทั้งคนขับและผู้โดยสาร  

อุปกรณ์ความปลอดภัยก่อนการชนที่ช่วยลดอัตราการเกิดอุบัติเหตุให้แก่ผู้ขับขี่ประกอบ ด้วยระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)
และระบบกระจายแรงเบรก (Electronic Brake force Distribution – EBD) พร้อม G-sensor รวมทั้งระบบ LSPV (Load-sensing
Proportioning Valve) ควบคุมแรงดันน้ำมันเบรกตามน้ำหนักบรรทุกเพิ่มประสิทธิภาพในการเบรก

เพื่อความมั่นใจสูงสุด ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ยังติดตั้งระบบป้องกันการโจรกรรม (Passive Anti-Theft System – PATS)
ที่มีการฝังชิพคอมพิวเตอร์ในกุญแจสตาร์ทซึ่งจะอ่านรหัสกุญแจกับตัวรถ ถ้ารหัสตรงกันจึงจะสตาร์ทได้
โดย PATS จะทำงานต่อเนื่องกับสัญญาณเตือนภัยบริเวณรอบตัวรถ

ฟอร์ด เอเวอเรสต์ มาพร้อมทางเลือกของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล 16 วาล์วที่ให้การตอบสนองรวดเร็ว
ซึ่งต่างให้แรงบิดเหนือชั้นพร้อมประการณ์การขับขี่ที่นุ่มนวล ทั้ง 2 ขนาด คือ

– เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 2.5 ลิตร 143 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 330 นิวตัน-เมตร
อัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 8.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (11.36 กม. /ลิตร) เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 678 กิโลเมตร
– เครื่องยนต์ DuraTorq คอมมอนเรล ขนาด 3.0 ลิตร 156 แรงม้า ให้แรงบิดสูงสุดที่ 380 นิวตัน-เมตรที่ 1,800 รอบต่อนาที
รุ่น 4×4 พร้อมเครื่องยนต์ 3.0 ลิตร มีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันอยู่ที่ 9.2 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร (10.82 กม. /ลิตร)
เมื่อเติมน้ำมันเต็มถังจะวิ่งได้ระยะทาง 644 กิโลเมตร สูงกว่ารถเอนกประสงค์ในระดับเดียวกันมากกว่า 10%   
ทำให้ฟอร์ด เอเวอเรสต์ ได้เปรียบในด้านการตอบสนองที่รวดเร็ว และเป็นรถที่ขับสนุก ให้ความมั่นใจสูงสุด
ในการแร่งแซงบนท้องถนนและการรับมือกับสภาวะการขับขี่ แบบออฟโรด (ความจุถังน้ำมันของฟอร์ด เอเวอเรสต์ อยู่ที่ 71 ลิตร)

ฟอร์ด เอเวอเรสต์รุ่นปี 2009 มาพร้อมตัวเลือกในรุ่นขับเคลื่อนแบบสองล้อและสี่ล้อ
พร้อมระบบขับเคลื่อนที่มีให้เลือกทั้งแบบเกียร์ธรรมดา 5 สปีด และระบบเกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด
สำหรับระบบเกียร์อัตโนมัติในรุ่น 4×4 มาพร้อมกับระบบ electronic shift-on-the-fly  
ที่สามารถปรับเปลี่ยนระบบการขับเคลื่อนระหว่างขับสองล้อและสี่ล้อได้ในขณะที่รถวิ่ง
เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน และยังใช้ชุดเกียร์ทรานสเฟอร์สุดแกร่งระดับโลกจาก Borg-Warner

ระบบเกียร์อัตโนมัติได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับแรงบิดของเครื่องยนต์ดูราทอร์ค คอมมอนเรล
ประสิทธิภาพและความต่อเนื่องของการเปลี่ยนเกียร์จึงอยู่ในระดับสูง ระบบเกียร์ธรรมดาใช้ระบบ
การถ่ายทอดกำลังแบบ Dual-mass flywheel และเฟืองเกียร์แบบ triple-cone synchronizers ในเกียร์หนึ่งและสอง
ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ง่ายขึ้นและขับขี่ได้อย่างนุ่มนวลยิ่งขึ้น

ระบบช่วยกระจายแรงบิดและป้องกันล้อหมุนฟรีแบบ torque-sensing limited slip differential
แบบ 2 ทางที่ติดตั้งบริเวณเพลาหลังช่วยกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หลังให้ยึดเกาะถนนได้ดีเยี่ยม
และเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำแม้จะขับด้วยความเร็วสูง 

 

 

ราคาของ เอเวอร์เรสต์ใหม่ มีดังนี้

– รุ่น 4X2 2.5 XLT
ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์ธรรมดา ราคา 959,000 บาท
– รุ่น 4X2 2.5 XLT AT ขับเคลื่อน 2 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ 5 สปีด  ราคา 1,029,000 บาท
– รุ่น 4X2 2.5 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 2 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,126,000 บาท
– รุ่น 4X4 3.0 LTD AT NAVI ขับเคลื่อน 4 ล้อ + ระบบนำทางผ่านดาวเทียม (GPS) Entertainment ราคา 1,226,000 บาท

พิเศษสุดในช่วงเปิดตัว แถมโปรแกรมฟรีค่าบำรุงรักษา 5 ปี
พร้อมขยายเวลารับประกันตัวรถเป็น 5 ปี  วันนี้ถึง 30 มิถุนายน 2552

 

 

—————————-///————————–