สวัสดีท้ายปีที่รักและสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ

ช่วงนี้เป็นเทศกาลแห่งวันหยุดยาวที่หากใครลางานแบบกล้าๆหน่อย ก็อาจจะได้หยุดยาวกันเป็นสัปดาห์
หลายท่านก็อาจจะออกเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ แต่ถ้าเป็นคอรถตัวจริงล่ะก็
แน่นอนว่าคุณจะต้องไม่พลาดงานแสดงรถยนต์ประจำปี ซึ่งก็คืองาน Motor Expo 2012 หรือเรียก
ยาวๆกันแบบไทยๆว่างานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 29 ซึ่งยังจัดกันที่ Challenger Hall ศูนย์แสดงสินค้า
และการประชุม IMPACT เมืองทองธานีเหมือนหลายครั้งที่ผ่านมา

คุณผู้อ่านครับ เวลามันช่างผ่านไปเร็วเหลือเกิน นี่ก็ครบ 1 ปีแล้วที่เราฟันฝ่าอุทกภัยครั้งใหญ่มาได้ด้วยกัน
หลายท่านคงยังจำได้ว่าในงาน Motor Expo ครั้งที่แล้วนั้น เราเฉลิมฉลองการ “ไล่นังน้ำ” (ขอใช้อารมณ์
แบบ “แรงเงา”หน่อยเถอะ) ลงทะเลไปหมด และได้เห็นความพยายามของบริษัทรถยนต์มากมายในการ
พลิกฟื้นตลาดให้กลับมาบูมใหม่อีกครั้ง..แม้จะทำได้ไม่เต็มที่ด้วยปัจจัยสภาวะเศรษฐกิจและงบประมาณ
แต่มาวันนี้ ทุกคนถือดาบถือโล่ห์ พร้อมลงการศึกแบบถวายชีวิตได้อีกครั้ง!

ที่สำคัญ ไฮไลท์ของงานครั้งนี้ ไม่ได้กระจุกอยู่แค่อีโค่คาร์หรือรถปิคอัพ หากก้าวข้ามความนิยมในเรื่อง
การซื้อหา “รถคันแรก”มาใช้แล้ว คุณจะพบว่าที่จริงมันมีรถไว้ตอบโจทย์กันทุกระดับชั้น และมีรถจำนวน
ไม่น้อยเลยที่อาศัยเวทีในงานแห่งนี้ในการเผยโฉมให้สาธารณชนส่วนใหญ่ได้สัมผัสกัน

ถูกล่ะ..รถบนท้องถนนทุกวันนี้มันเยอะมากเสียจนไม่มีที่จะวิ่ง หลายคนอาจจะไม่สนใจที่จะมางาน
แบบนี้อีกต่อไปแล้ว แต่ผมสน! และอย่างน้อย ก่อนที่ผมจะแก่ตัวลงและรัฐบาลในอนาคตออกกฏหมาย
บังคับขึ้นภาษีทุกอย่างที่มีเครื่องเบนซินหรือดีเซลติดตั้งอยู่ และถีบราคารถส่วนตัวให้สูงจนคนธรรมดา
ต้องหันมาขึ้นรถเมล์พิเศษมลพิษสูงหรือรถไฟฟ้าที่ขยันเสียกลางราง.. ผมขอใช้โอกาสนี้เที่ยววิ่งขึ้นลง
นั่งจับนั่งขับรถเหล่านี้ให้เปรมจิต และคุณ! คอรถทั้งหลายก็ด้วยเช่นกัน

งานครั้งนี้มีอะไรที่คุณควรแวะชมบ้าง ตามผมมาเลยครับ!

AUDI

ไม่ทราบว่ารู้สึกไปเองหรือเปล่า แต่เหมือนไม่ได้เห็น Audi จากบริษัทแม่มาโชว์ในงานแสดงรถแบบนี้
มานานมากแล้ว ครั้งนี้ Audi เล่นจัดบูธราวกับได้รับอิทธิพลมาจากหยินหยาง คือรถสีขาวครองด้านหนึ่ง
ในขณะที่รถสีดำครองอีกด้านหนึ่ง น่าสนใจที่สุดในบูธก็คงหนีไม่พ้น A6 ซึ่งยังมีความสดอยู่มาก
และไม่สามารถหาพบได้ง่ายบนถนนเมืองไทย (เป็นคำชม) A6 เวอร์ชั่นไทยตอนนี้มีแค่เครื่องยนต์เดียวคือ
2.0TFSI 180 แรงม้า แลดูปราดเปรียวทั้งคัน

ส่วนใครที่กลัวจะหาแฟ้มใส่หรือหาปรินเตอร์มาพิมพ์ได้ยาก แนะนำว่าให้เลือก A4 จะเข้าท่ากว่า
เพราะขนาดตัวที่เล็กแลดูคล่องแคล่ว ยังคงเอกลักษณ์ของ Audi เอาไว้มากโดยเฉพาะเสน่ห์นัยน์ตา
ใช้เครื่องยนต์ 1.8 ลิตร 160 แรงม้า ตั้งราคาเอาไว้ 2.69 ล้านบาท และ A5 Coupe ที่เพิ่งไมเนอร์เชนจ์
ไปได้สักพักใหญ่ก็มีขาย ใช้เครื่องยนต์ 2.0TFSI ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ Quattro
มีแรงม้า 211 ตัว และขายในราคา 3.99 ล้าน ซึ่งดูเหมือนตั้งใจจะมาขัดขา C-Class C250 Coupe ชัดๆ

BMW/MINI

เริ่มที่ BMW ก่อน โดยในครั้งนี้ 3-Series F30 ที่ประกอบในประเทศได้เปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วยรุ่น
320d มาคราวนี้จัดหนัก! เปิดทัพเบนซินอย่างเอาจริงหลังจากที่ปล่อยดีเซลเป็นพระเอกมานาน
ประเดิมด้วยรุ่น 320i เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 184 แรงม้า มีการตกแต่งให้เลือก 3 แบบเหมือน 320d
คือ Sport/Modern และ Luxury จากนั้นตบยอดกับความแรงด้วย 328i ซึ่งจะมีแต่การตกแต่งแบบ Sport เท่านั้น
พลังเครื่องยนต์ถูกตอนจากสเป็คนอกลงมาเหลือ 219 แรงม้า ทั้งคู่ใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ
320i ราคาตั้งไว้ 2.679 ล้านบาท ส่วน 328i นั้น ณ วันที่เขียนบทความนี้ยังไม่ประกาศราคา
แต่มีพรายมากระซิบว่าไม่เกิน 3.2 ล้านบาทแน่นอน จริงเท็จประการใดก็ต้องคอยติดตามดู

ที่น่าแปลกใจกว่าคือมีการเปิดตัว 3-Series Touring ในรุ่น 320d Touring M Sport ด้วย เพราะโดยปกติรถ
 3-Series ในไทยมักเน้นแค่รุ่น 4 ประตู และมีรุ่นคูเป้กับเปิดประทุนมาผงชูรสทางตลาดเท่านั้นเอง

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัวรถรุ่นปรับโฉมเล็กน้อยอย่าง X1 sDrive18i Sport/xLine และ X1 sDrive20d xLine
ตามมาด้วยครอสโอเวอร์มาดมาเฟียอย่าง X6 ที่มีรุ่น xDrive30d ตกแต่งแบบ M Sport Edition และรถหรู
อย่าง 740Li ที่ใช้เครื่อง 6 สูบเทอร์โบ

ส่วน 5-Series ก็ยังมีขายอยู่ตามเดิมด้วยขุมพลัง 2 เครื่องเบนซิน และ 2 เครื่องดีเซลต่อไป

ทางด้าน Mini ก็มีรุ่น Cooper D Countryman และ Cooper SD ซึ่งเปิดตัวในประเทศไทยมาได้สักพักและ
มีสื่อมวลชนได้ทดลองขับกันไปบ้างแล้ว (ยกเว้นเรา??) Cooper D Countryman นั้นใช้เครื่องยนต์ดีเซล
2.0 ลิตร ทำกำลังได้ 112 แรงม้า แรงบิด 270Nm ขายในราคา 2.84 ล้านบาท ส่วน Cooper SD
จะมีกำลังเพิ่มอีกเป็น 143 แรงม้า แรงบิด 300Nm ขายในราคา 3.14 ล้านบาท

Chevrolet

ทีเด็ดอยู่ที่การเผยโฉม Chevrolet Spin ครั้งแรกในไทย โดย Spin นี้จัดเป็น MPV ขนาดเล็กที่มีตำแหน่ง
การตลาดอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกับ Honda Freed และ Proton Exora (แต่ในบางประเทศ ทาง GM
ก็ใช้ Spin นี้แหละทำตลาดแทน Zafira ซึ่งที่จริงเป็นรถระดับเดียวกับ Honda Stream

นอกจากนี้ จุดที่น่าสนใจภายในบูธ Chevrolet ก็ยังมีเจ้า Sonic รถยนต์นั่งขนาดเล็กระดับ B-Segment
ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการมาได้สักพักและกำลังทยอยส่งมอบให้ลูกค้าอยู่ สำหรับคนที่มองหารถในงบประมาณ
700,000 บาทบวกลบ ต้องการรถขนาดเล็กที่ช่วงล่างเนียนจริงๆ ก็มาลองคลำลองขับกันในงานนี้ได้
ส่วน Chevrolet Cruze ก็ยังมาโชว์กันครบรวมถึงรุ่น 2.0 ดีเซลที่ได้รับการเปลี่ยนเครื่องยนต์ใหม่ให้แรงขึ้น
ปรับปรุงการตอบสนองของคันเร่งให้ไวขึ้น อีกทั้งยังมี Chevrolet Trailblazer, Colorado และ Captiva
มาโชว์ตัวในงานอีกด้วย

Citroen

ถ้า Chevrolet มี So You ทาง Citroen ก็มี DS3 So Chic ไม่รู้จะโซอะไรกันนักหนา เดี๋ยวพี่พาไปกินข้าว
เอามั้ย? สีสันของตัวรถนั้นดูสดใส และเท่าที่สังเกต ผู้ชมวัยกระเตาะหลายคนจะมาหยุดอยู่ที่ Citroen
นานเป็นพิเศษ แม้ว่าอันที่จริงทั้งบูธนี้จะไม่มีอะไรใหม่มาสักพักแล้วก็ตาม

Ford

สำหรับค่ายวงรีสีน้ำเงินแห่งนี้ก็ไม่ขอนั่งอยู่เฉย ในงานนี้จึงได้นำเอา Ford Ranger 2.5 เบนซิน i-VCT
166 แรงม้า สามารถเติมน้ำมัน E20 ได้ออกมาขาย สำหรับคอกระบะที่อยากได้เครื่องเบนซินไปติดแก๊ส
สไตล์ตัวถังนั้นจะมีให้เลือกรุ่นเดียวคือโอเพ่นแค็บ ไม่มีรุ่นยกสูงให้เลือกแต่อย่างใด ล้อเหล็ก กระจังหน้า
เปาบุ้นจิ้น (หน้าดำ..น่ะ) และขายในราคา 609,000บาท

ส่วนรถรุ่นต่อมานั้น เคยนำมาจอดโชว์ในงานมอเตอร์โชว์ช่วงหน้าร้อนมาแล้ว มันคือ Ford Territory รถยนต์นั่ง
อเนกประสงค์ ผลงานของทีม Ford Australia นำมาขายคนไทยเป็น Generation ที่สองแล้ว คราวนี้คงเข็ด
ไม่นำเอาเครื่อง 4.0 ลิตร 6 สูบเรียงมานำเสนอ จึงเปลี่ยนไปเป็นเครื่องดีเซล V6 2.7 DuraTorq 190แรงม้าแทน
ไม่ได้หวังการทำตัวเลขยอดขายที่สวยหรู แต่ไปเล่นตลาดภาพลักษณ์ที่ก้าวเข้าไปหาความเป็นพรีเมียม
ตั้งราคาเอาไว้ 2.999 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังมีรถรุ่นอื่นๆที่นำมาจัดแสดงอีก 4 รุ่น ซึ่งได้แก่ Ford Focus และ Ford Fiesta ที่เป็นรถนำทำตลาด
รถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้กับ Ford มาตลอด ส่วนอีกสองรุ่นที่นำมาคือ Ford Escape (ที่ควรจะได้เวลา “Escape”
จริงๆกันได้แล้ว และ Ford Everest ที่ขายกันมานานเช่นกัน)

Honda

แน่นอนว่ากระแสมหาชนส่วนใหญ่ก็หลั่งใหลเข้ามาดูเจ้า Honda Brio Amaze ซึ่งถือเป็นหมัดล้างแค้น
ของ Honda หลังจากที่ Brio ตัว 5 ประตูนั้นไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร (ถ้าไม่ใช่ว่าแคมเปญการขาย
ดุเดือดชนิดมอเตอร์ไซค์ยังค้อนมาช่วย) Brio Amaze ชูจุดเด่นทางด้านความปลอดภัยโดยที่ไม่ว่าจะเป็น
รุ่นใด เกียร์อะไร ราคาจะถูกหรือแพงแค่ไหน ก็จะมีถุงลมนิรภัย “คู่หน้า”  ABS และล้ออัลลอยมาให้ครบทุกรุ่น!
ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่อีโคคาร์ค่ายอื่นๆควรเอาอย่างได้แล้ว เกียร์ธรรมดาก็ควรมีสิทธิ์ได้ ABS/ถุงลมคู่
เหมือนกัน

นอกเหนือไปจาก Amaze แล้ว รถที่นำมาจอดในงาน ก็ดูเหมือนจะคุ้นหน้าคุ้นตากันมานาน ไม่ว่าจะเป็น
 Civic ที่ยังครองใจผู้ใช้รถระดับ C-Segment ได้ดีพอควร รถครอบครัวอย่าง StepWGN รถคูเป้ไฮบริด CRZ
รวมถึงเจ้าตลาดอันดับรองในบรรดารถยนต์นั่ง 1,500 ซี.ซี.อย่าง Honda City แต่ที่เซอร์ไพรส์คือ Honda Jazz
ซึ่งมีการเปิดตัวสีใหม่ให้ลูกค้าได้เลือก (อันที่จริงก็เป็นสีแดง Rallye เก่าจากรถล็อตแรกโฉมก่อนไมเนอร์เชนจ์)

Hyundai

ยังมีแต่รถหน้าตาเดิมๆซึ่งเราเห็นกันมาตั้งแต่งานมอเตอร์โชว์หน้าร้อน ซึ่งได้แก่ Elantra 1.8, Sonata Sport 2.0
Hyundai Tucson และรถตู้อเนกประสงค์ H-1 โชคดีที่ยังมีรถสปอร์ตประตูปีกนกที่เป็นรถต้นแบบอย่าง I-oniq
มาให้ใจชื้นกับนวัตกรรมในวันข้างหน้า เพราะ I-oniq นั้นใช้เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร 3 สูบ ร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า
ซึ่งเมื่อทำงานร่วมกันแล้วก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 700 ก.ม. โดยที่ปล่อยมลพิษ CO2 ต่อก.ม.ที่วิ่งน้อยกว่า Prius
ถึงเท่าตัว และหากใช้มอเตอร์ไฟฟ้าอย่างเดียวก็ยังสามารถวิ่งได้ไกล 120 ก.ม.

Isuzu

เปิดตัว D-Max “รุ่นพิเศษ” ที่บางคนเข้าใจไปเองว่าเป็นไมเนอร์เชนจ์ D-Max X-Series ซึ่งมีการตกแต่งสติกเกอร์
ล้อรถและแนวหลังคาใหม่ที่ทำให้ดูไฉไลขึ้น Isuzu ช่วงหลังๆมานี้พยายามปรับตัวหลีกหนีภาพลักษณ์อนุรักษ์นิยม
มามาก และเข้าหากลุ่มลูกค้าที่เป็นวัยรุ่นมากขึ้น ผมไม่คิดเหมือนกันว่าวันนึงบูธ Isuzu จะฉายภาพรถกระบะ
แข่งคลอง 5 กำลังเบิร์นยางเป็น Background ในงานมอเตอร์โชว์

Jaguar

ไม่มีอะไรในกอไผ่มากไปกว่าสามสหายพันธุ์ X (โปรดอย่าสับสนกับภาพยนตร์ชื่อดัง) คือ XF 3.0 ดีเซล
240 แรงม้า แรงบิด 500 Nm กับรถระดับหรูอย่าง XJ และ XK ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V8 5.0 ลิตร 385 ม้าทั้งคู่
ตามแนวทางของตลาดโลก Jaguar มีแผนจะเปิดตัวรถรุ่นใหม่อีกภายในสามปีข้างหน้านี้ ซึ่งจะทำให้
แบรนด์เสือผงาด มีรถท้าชนกับ BMW ได้ครบรุ่น น่าเสียดาย ทำไมไม่ยอมเอา F-Type เข้ามาให้ลูบๆคลำๆ
สักนิดก็ยังดี

Kia

ลุยกันต่อไปกับ Carnival MPV รถเล็กอย่าง Picanto และรถขนาดใหญ่ขึ้นมาหน่อยอย่าง Rio
พักหลังนี้สังเกตได้ว่า Kia ในไทยเริ่มมีการประชาสัมพันธ์รถตัวเองมากขึ้น ดังนั้นแม้ยอดขายจะไม่ได้
มากอะไรนัก ก็ถือว่าเป็นการสร้างความคุ้นเคยกับแบรนด์ที่อนาคตยังมีความหวังอยู่
เสริมทัพด้วย Kia Sorento SUV เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร 197 แรงม้า มี 7 ที่นั่ง

Land Rover

เรียกได้ว่าฉับพลันควันไม่ทันหาย ต่างประเทศยังเห่อ Range Rover รุ่นใหม่กันอยู่ ทางประเทศไทย
ก็เอารถเข้ามาให้ได้สัมผัสกันในงาน Motor Expo เรียบร้อยและถือเป็นครั้งแรกในเอเชีย!
Range Rover รุ่นใหม่ เป็น SUV รุ่นแรกที่ใช้อลูมิเนียมทำโครงสร้างตัวถัง และทำให้สามารถ
ลดน้ำหนักลงได้ถึง 350 ก.ก. เมื่อเทียบกับการใช้โครงสร้างเหล็ก มีเครื่องยนต์ดีเซล V6 3.0 ลิตร
258 แรงม้า ดีเซล SDV8 4.4 ลิตร 339 แรงม้า และแรงสุดกู่กับรุ่น LR-V8 Supercharge 510 แรงม้า
สนนราคาเริ่มต้นไม่แพงเลย เพียง 10.499 ล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ก็ยังมีรถ SUV เล็กที่ได้รับการตอบรับดีเกินคาดเกือบทั้งโลกอย่าง Range Rover Evoque
สีแดงเข้มมาจอดเรียกความสนใจจากวัยรุ่นและสาวๆได้อย่างดี ส่วนสาวคนใดอยากดูเด่นต่าง
มีจุดยืนในรสนิยมที่แข็งแกร่ง แนะนำให้ไปลอง Defender คันที่จอดทางขวาของบูธ รับรองว่าต่างแน่นอน

Mazda

งานนี้ Mazda ใจถึง สั่งเอารถต้นแบบของ Mazda 6 vเข้ามาโชว์โฉมเรียกความสนใจตากล้องรถยนต์ได้มาก
มันมีชื่อว่า Shinari ซึ่งดีไซน์โดยใช้ธีม KODO- Soul of Motion หรือจิตวิญญาณแห่งการเคลื่อนไหว
ไม่แน่ใจว่านี่จะเป็นการส่งสัญญาณบอกความเป็นไปได้ในการเข้ามาทำตลาดของ Mazda 6 ในอีกนาน
แสนนานข้างหน้าหรือไม่

Mazda CX-5 ยังไม่เปิดตัวขายในงานนี้แน่นอน ดังนั้นไม่ต้องมองหาคนรับจองให้เสียเวลา แต่สำหรับคนที่
มองหารถยนต์นั่ง B และ C-Segment ก็ยังมี Mazda 2 และ Mazda 3 ให้เลือกชม สำหรับ Mazda 3 นั้น
มีรุ่นพิเศษ 1.6 ลิตร S Plus ที่ตกแต่งด้วยล้อ 17 นิ้ว สเกิร์ต สปอยเลอร์รอบคัน หลังคาสีดำด้าน ผลิตเป็น
จำนวนจำกัด 1,000 คัน นอกจากนี้ก็ยังมีรถกระบะนายพันอุ้มลูกซิ่งอย่าง BT-50 ก็มาจอดโชว์กันหลายคัน

Mercedes-Benz

นับได้ว่าปีนี้เป็นปีที่ Mercedes-Benz ดังด้วยการเปิดตัวรถใหม่ถึง 9 รุ่น และบางรุ่นก็กระหน่ำ
ด้วยการลดราคาเพื่อดึงดูดความสนใจลูกค้าและประกาศงดรับซ่อมรถเกรย์มาร์เก็ตและมาตรการอื่นๆ
ในงาน Motor Expo ครั้งนี้ยังรุกหนักอีกครั้งด้วย A-Class ใหม่ล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปก่อนหน้านี้
ไม่กี่สัปดาห์ สเป็คที่น่าสนใจที่สุดคือ A250 AMG ซึ่งได้ชุดแต่งรอบคัน เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ 211
แรงม้า เกียร์ 7 จังหวะ มีตราดาวใหญ่ตรงหน้า ตกแต่งสไตล์ซ่าในราคา 2.49 ล้านบาท ราคานี้ไม่ใช่เพียงกะจะ
พิชิตเกรย์ แต่ยังสะเทือนต่อมหลายคนที่กำลังมอง Hot Hatch ค่ายอื่นอย่าง Volkswagen Golf หรือ Mini อีกด้วย

ส่วนใครที่ไม่ชอบรถเล็ก ก็คงต้องหันไปมองรถ SUV หรูอย่าง M-Class M250CDI ซึ่งเมื่อนำมาประกอบใน
ประเทศเราเองแล้ว ราคาก็ลดลงมาเหลือ 4.49 ล้านบาท ซึ่งลงไปอยู่ในระดับเดียวกับพรีเมียมซาลูนขนาดกลาง
และอาจทำให้ลูกค้าเกิดสองจิตสองใจได้ว่างานนี้จะจอง E-Class ดีหรือ M-Class ดี หรือถ้าชอบเวอร์ชั่น AMG
ก็เพิ่มเป็น  4.99 ล้านบาท

ส่วนรถรุ่นอื่นๆที่มีมาโชว์อีกก็คือตระกูล CLS250CDI, CLS250CDI Shooting Brake, CLS500 Shooting Brake
E300 BlueTec ไฮบริดดีเซลเน้นประหยัด C250 ซาลูนรุ่น AMG และ C180 ตัวคูเป้ซึ่งตีราคาลงเหลือแค่ 2.99 ล้าน
สงสัยว่าเพราะคุณ PSY จะมาแสดงกังนัมสไตล์อยู่ในคอนเสิร์ทใกล้ๆกันนั้น คุณ CEO อเล็กซ์ เตรียมเพาฟ์เลอร์สไตล์
เตรียมมาลุยงานนี้โดยเฉพาะ

Mitsubishi

ยังใช้ Mirage อีโคคาร์เป็นตัวฟันยอดจองได้อย่างต่อเนื่องเพราะยอดขายที่ผ่านมาก็ถือว่าประสบความสำเร็จ
พอสมควร ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องมีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ในงานนี้ และถึงมีก็ไม่รู้ เพราะไปถึงตั้งแต่ก่อนเที่ยง
Press kit หมดเรียบร้อยจ้า ต้องรอส่งเป็นอีเมล์มาแทน ได้ข้อมูลจากคุณผู้อ่านในบอร์ดเพิ่มเติมว่า
Pajero Sport ก็มีรายการเปลี่ยนสีภายใน เพิ่มอุปกรณ์บางรายการและเพิ่มราคา สเป็คใหม่จะถูกใจ
คุณมากขึ้นหรือไม่ ลองไปแกะเกากันดูครับ

Nissan

ทำเซอร์ไพรส์กันดื้อๆ ด้วยการเอา Nissan Pulsar ใหม่มาโชว์ตัวให้เห็นกันจะจะ ก่อนลงขายจริงในปีหน้า
Pulsar นี้แท้จริงแล้วก็คือ Tiida ที่ขายอยู่ในประเทศจีนนั่นเอง แต่เนื่องจาก Nissan ที่ญี่ปุ่นมีนโยบายในการ
คัดชื่อ Tiida ออกจากสารบบ Nissan ไปให้พ้นๆ จึงต้องคิดชื่ออื่นมาใช้…โชคดีมากแล้วที่ไม่ได้ใช้ชื่อ
Sylphy Sport และใช้ Pulsar ซึ่งหลายคนรวมถึง J!MMY มองว่ามีเพ็ดดีกรี เคยใช้ในไทยมาก่อน
และมีความสัมพันธ์ไปถึงรถในตำนานอย่าง Pulsar GTi-R แต่ข่าวในเบื้องต้น ใครก็ตามที่กำลังรอ
รุ่นเทอร์โบก็ให้นั่งถักเสื้อสเวตเตอร์รอไปก่อน เพราะเบื้องต้นจะมีแค่รุ่น 1.6 และ 1.8 ลิตรซึ่งจะเปิดตัว
ในเร็วๆนี้

นอกจากนี้ก็ยังมีการนำรถ Nissan March มาเพิ่มสีใหม่ เป็นสีแดงเข้ม Radiant Red ผลิตในจำนวนจำกัด
แต่จะมีเฉพาะรุ่น E CVT เท่านั้นแถมยังจำหน่ายในราคาเดิมคือ 464,000 บาท ส่วนรถต้นแบบประจำบูธนี้
ก็คือ Nissan ESFLOW ซึ่งเป็นรถสปอร์ตพลังงานไฟฟ้า 100% ที่เผยโฉมที่เจนีวาตั้งแต่ปี 2011
ใช้เทคโนโลยีการขับเคลื่อนแบบเดียวกับ Nissan LEAF และสามารถวิ่งได้ไกล 240 ก.ม. ต่อการชาร์จไฟ
เต็มหนึ่งครั้ง น่าเสียดายว่าผมสะเพร่าเองที่ไม่ได้ถ่ายรูปมา แต่ตัวจริงสวยมากครับ

Peugeot

ยังมีรถหน้าเดิมอยู่ครบไม่ว่าจะเป็น 408 2.0 ที่ตั้งราคามาชนกับรถญี่ปุ่นเลยคือ 1.08 ล้านบาท แลกกับ
รถ C-Segment 4 ประตู 145 แรงม้า (แต่ยังใช้เกียร์อัตโนมัติ 4 สปีดอยู่) หรือถ้าอยากได้รถแรงหน่อย
ก็ยังมีรุ่น 408 Turbo เครื่อง 1.6 ลิตร 165 แรงม้า เกียร์ TipTronic 6 สปีด แค่เพิ่มเงินเป็น 1.25 ล้านบาท
คนที่ชอบรถทรงแปลกก็ยังมี RCZ 1.6 Turbo ราคา 2.95 ล้าน และรถใหญ่อย่าง 508HDi เครื่อง 2.0 ลิตร
ดีเซล 163 แรงม้า ราคา 2.499 ล้านบาท

Proton

บริษัทแม่ที่มาเลย์เซียประกาศกร้าวที่จะยกระดับคุณภาพของตัวรถให้ทัดเทียมกับนานาประเทศ
ลงทุนจ้างผู้บริหารฝรั่งมารับผิดชอบทางด้านการควบคุมคุณภาพการผลิตและประกอบให้ดีกว่าเดิม
Preve คือรถรุ่นแรกๆที่เกิดหลังนโยบายคุณภาพนี้ประกาศออกมา และในวันนี้ก็ได้นำมาเปิดตัวขายจริง
ในไทย เป็นตลาดที่สาม ถัดจากมาเลย์เซีย ออสเตรเลีย โดยสำหรับตลาดประเทศไทยนั้นจะขาย
ควบคู่กันไปกับ Persona แต่มีตำแหน่งทางการตลาดสูงกว่าเล็กน้อย

Preve มีจุดเด่นที่อุปกรณ์เพียบคัน ตัวท้อปมีถุงลมนิรภัย 6 ใบ ABS, ระบบควบคุมการทรงตัว, Cruise Control
ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ และอื่นๆอีกมากมาย เครื่องยนต์ที่ใช้ก็เป็นบล็อค 1.6 ลิตร ติดตั้งเทอร์โบชาร์จ
ให้กำลัง 138 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT เลือกโหมด Manual ล็อคอัตราทดได้ 7 จังหวะ (เป็นเกียร์
VT3 ซึ่งได้จะล็อคอัตราทดได้ 7 ระดับในขณะที่รุ่นเครื่องNA จะใช้ VT2 ล็อคได้6ระดับ รับแรงบิดได้น้อยกว่า)
ทั้งหมดนี้มาในราคา 759,000 บาทเท่านั้น และถ้าหากไม่ได้จำเป็นต้องใช้พลังเทอร์โบ เครื่องรุ่นธรรมดา
109 แรงม้าก็มีให้เลือก และราคาเริ่มต้นรุ่นเกียร์ธรรมดา Standard M/T อยู่ที่ 625,000 บาท
โดยที่ยังมีถุงลมคู่หน้าและ ABS ให้ด้วย

Preve เป็นรถคันหนึ่งที่ผมและ J!MMY กรี๊ด..แต่ไม่ได้กรี๊ดเพราะรถถูกใจ แต่ต้องกรี๊ดเพื่อเรียกขอ
ความช่วยเหลือจากคนรอบข้าง เนื่องจากใครไม่รู้มือซนไปกด Child Lock ประตูหลังไว้ เลยเปิดออกไม่ได้
ไอ้ครั้นจะปีนออกที่เบาะหน้า เราก็กลัวรถเขาจะเสียหายเหมือนไปโดนช้างเหยียบมา อย่าให้จับได้นะว่า
ใครมืออยู่ไม่สุข ผมไปนั่งคันสีเงินก็โดน J!MMY ไปนั่งคันสีดำก็โดน ต่างเวลา ต่างวาระ เวรกรรมเดียวกัน

นอกจาก Preve แล้วก็ยังมีรถ MPVเล็ก Exora Prime ที่แปลงที่นั่งแถวที่สองเป็นแบบ 2 ที่
ทำให้กลายเป็นรถ 6 ที่นั่ง

RUF

ขนรุ่นเดิมมาครบไม่ว่าจะเป็น RD30S หรือ 987 แต่คันที่น่าขโมยกลับบ้านมากที่สุด เห็นจะเป็นเจ้า
RUF RT12R คันที่เห็นในภาพนี้ เพราะเครื่องยนต์ 6 สูบนอนยันของมันนั้นถูกอัดพลังเทอร์โบ
จนได้ม้าออกมา 730 ตัว! แรงบิด 940Nm น่าจะเป็นรถสปอร์ตที่มีพละกำลังสูงที่สุดที่มาโชว์ในงานนี้
เลยด้วยซ้ำ น่าเสียดายไม่มีใครในบูธที่สามารถบอกราคาผมได้ รู้แต่ว่าขนาด RT35 ตัวรองๆลงมา
ก็ปาเข้าไป 20 ล้านแล้ว..ไม่ต้องถามนะครับว่ามีรถให้เทสต์หรือเปล่า

Skoda/MTM

งานนี้ไม่มีการเปิดตัวรถใหม่แต่อย่างใดเพราะยังต้องเตรียมพละกำลังเอาไว้สำหรับทำตลาดรถรุ่นใหม่
ในปีหน้า คาดว่าในช่วงกลางปี จะมี Skoda Rapid มาให้คนไทยได้สัมผัสกันในแบบพวงมาลัยขวา
และพยายามทำออพชั่นให้ดีขึ้นกว่าเท่าเราเห็นใน Fabia RS ดังนั้นงานนี้จึงต้องพึ่งพาแรงส่งจากรถรุ่นเดิมๆ
เช่น Superb, Fabia และ Yeti ไปก่อน

ส่วนทางด้าน MTM นั้น ในวันรอบสื่อไม่สามารถจัดรถ MTM R8 คันเท่ห์มาได้ทันเนื่องจากปัญหาระหว่าง
การขนส่ง แต่ใครก็ตามที่คิดจะไปเดินเล่นในช่วงต้นเดือนเป็นต้นไปจะได้เห็นแน่นอน ดังนั้นรถที่จอดโชว์
อยู่จะมี MTM Skoda Superb ซึ่งจะได้รับการตกแต่งด้วยล้ออัลลอยสีเข้มลายสปอร์ต และปรับเพิ่มกำลัง
เครื่องยนต์จาก 160 เป็น 215 แรงม้า ขายในราคา 2.25 ล้านบาท

Ssangyong

นอกจาก Stavic รถตู้หนูยักษ์พันปีที่ยืนยันและยืนหยัดขายมาหลายปี กับ Actyon Active SUV
และ Korando แล้ว สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจคือเวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ของ Ssangyong Rexton
ซึ่งอยากจะเรียนตามตรงว่าควรจะได้หน้าตาแบบนี้มานานแล้ว หล่อขึ้นกว่า Generation แรกๆจม
เครื่องยนต์ดีเซล 2.7 ลิตร 186 แรงม้าขับเคลื่อน 4 ล้อ ขายในราคา 2.78 ล้านบาท ถือว่าเป็นคู่แข่ง
ที่ใกล้เคียงกันมากกับ Ford Territory ในด้านเครื่องยนต์และราคา

Subaru

ช่างเป็นการรอคอยที่นานแสนนาน หลังจากที่ Subaru ได้นำรถเวอร์ชั่นต้นแบบมาเผยโฉมในวันที่ 8 ธ.ค.
ของปีที่แล้ว ในที่สุด Subaru XV ครอสโอเวอร์คันกระทัดรัด ขับเคลื่อน 4 ล้อก็ได้ฤกษ์ยกพลขึ้นบก
ในบ้านเราเสียทีด้วยราคา 1.35 ล้านบาท

Subaru XV มีพื้นฐานมาจาก Impreza แฮทช์แบ็ครุ่นใหม่ซึ่งยังไม่ขายในประเทศไทย ใช้เครื่องยนต์
BOXER 4 สูบนอน 2.0 ลิตร 16 วาล์ว 150 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT LinearTronic จึงเป็นที่น่าจับตา
ว่าครอสโอเวอร์ที่ราคาใกล้เคียง PPV/Urban SUV เจ้าตลาดในไทยจะสามารถสร้างยอดขายเป็นกอบ
เป็นกำให้กับ Subaru ได้หรือไม่ เพราะบอดี้ของรถนั้นแท้จริงแล้วมีขนาดเล็กสั้นเท่า C-Segment ทั่วไป
แต่ชิงความได้เปรียบในเรื่องความคล่องตัวมาแทน ใครที่กำลังเล็งอยากจะได้รถสีส้มเหมือนคันที่เห็น
ตามหนังสือสิ่งพิมพ์ต่างๆก่อนหน้านี้ แนะนำให้เปิดกิจการร้านกาแฟรอไปก่อนเพราะ ณ ปัจจุบัน
จะมีแค่สีดำ เทา น้ำเงิน เงิน และขาว

เซอร์ไพรส์สุดๆที่เจอในงานที่คือ BRZ เพราะมีข่าวว่าจะมา แล้วก็ไม่มาสักที ทำตัวเป็นผู้หญิงซ่อน
อารมณ์กันอยู่หลายเดือนจนในที่สุดก็แตะประเทศไทยจนได้ รุ่นเกียร์อัตโนมัติขายในราคา 2.76 ล้านบาท
นั่นไม่เท่าไหร่ แต่รุ่นเกียร์ธรรมดานั้นมี!และมาแบบออพชั่นจัดเต็ม ขายในราคา 2.68 ล้านบาท
ถ้าใครผ่านไปในจังหวะที่เขาเปิดรถให้เข้าไปนั่งได้ แนะนำว่าลองเข้าเกียร์กับเหยียบคลัตช์ดู
J!MMY กรี๊ดมาแล้ว

Suzuki

ตอนแรกนึกว่าจะมีการเผยโฉม Ertiga ให้ประหลาดใจสักนิด แต่ปรากฏว่าบูธ Suzuki ในปีนี้ ยังไม่มีรถ
รุ่นใหม่ๆมาดึงความสนใจแต่อย่างใด รถที่นำมาโชว์ ก็จะมีแต่ SX-4, Vitara และแน่นอน Swift อีโคคาร์
ประวัติศาสตร์ที่สร้างยอดขายได้มากจนน่าจะจดจำกันไปอีกนาน และเชื่อว่าคิวส่งมอบรถของบางคนที่จอง
ภายในงานนี้..ก็จะเป็นที่จดจำไปอีกนานเช่นกัน..สักพัก..อาจจะถึงช่วงใกล้ๆ Motor Expo 2013 ถึงจะได้รถ

Tata

มีรถกระบะ Xenon จอดอยู่เต็มไปหมดทั้งบูธเหมือนทุกปี ..ทั้งที่ใจคนเขียนเองอยากจะเห็นความ
เปลี่ยนแปลงในบูธบ้าง แต่ก็ชะงักลงเมื่อเดินไปข้างหลังแล้วพบกับรถต้นแบบคันจิ๋วที่ชื่อ
Tata Megapixel คันนี้

ดูแล้ว Tata จะกระโดดมาเป็นผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กชั้นนำของโลกในเร็ววัน หากสามารถใช้
วิธีการคุมต้นทุน (ที่สมเหตุสมผล)และนำดีไซน์ธีมอย่าง Megapixel มาขายให้คนจริงได้ซื้อใช้จริง
มันก็คงจะดีไม่น้อย เมื่อถึงเวลานั้นแล้ว ช่วยเปลี่ยนชื่อให้มันหน่อยก็จะดีมาก

Toyota/Lexus

คนที่กำลังหวังว่า Vios 2013 จะมาเผยโฉมในงานนี้ เลิกคิด! ยืนยันอีกครั้งครับว่ายังไม่มาจนกว่าปีหน้า
ดังนั้นรถที่โชว์ ก็ยังเป็นรุ่นเดิมๆคุ้นตากันจากงานมอเตอร์โชว์หน้าร้อน อันได้แก่ Vios เดิม, Yaris, Camry,
Vigo, Fortuner และรถสปอร์ตที่พัฒนาร่วมกันกับ Subaru อย่างเจ้า 86

รถที่มีการปรับรายละเอียดใหม่ที่สุดที่นำมาโชว์ในงานก็คือ Altis 1.8 E85 ใหม่ ซึ่งความสามารถในการ
รองรับ E85 ก็ทำให้ราคาของตัวรถนั้นลดลงมาจากรุ่นเดิม ทำให้มีหลายคนหันกลับมามอง Altis
เป็นทางเลือกหนึ่งมากขึ้น สำหรับ Camry ก็มีรุ่น 2.0 Extremo ออกมาตามที่คาดไว้ แต่แปลกตรงที่
มีการแบ่งออกเป็นรุ่น Extremo Beige กับ Extremo Black ซึ่งในรุ่นหลังนี้จะเปลี่ยนภายในเป็นสีโทนดำ
มีไฟหน้าและไฟท้ายรมดำมาให้ ส่วนคอรถกระบะก็อย่าลืมแวะชม Toyota Hilux Vigo TRD สีขาวที่มา
พร้อมกับกระจังหน้าสปอร์ตและชุดแต่ง TRD ที่ทำให้กระบะพันปีดูสวยน่ามองขึ้นได้อย่างประหลาด

ทาง Lexus นั้น นำรถต้นแบบ LF-LC ที่โด่งดังจากงานมอเตอร์โชว์เมืองDetroit เมื่อต้นปีมาจัดแสดง
รถต้นแบบคันนี้คือแนวคิดที่ผสมผสานเทคโนโลยีไฮบริดของฝั่งตะวันออก เข้ากับเส้นสายที่โดดเด่น
มีเอกลักษณ์ซึ่งเป็นฝีมือของทางหน่วยงานดีไซน์ Calty ของ Lexus ที่สหรัฐอเมริกา รถคันนี้คือแนวทาง
ที่ Lexus จะนำมาใช้กับรถสปอร์ตของทางค่ายในอนาคต

นอกจากนั้นก็ยังมีรถ LS-Series ที่เพิ่งเผยโฉมรุ่นไมเนอร์เชนจ์ไปในปีนี้ และยังนำมาขายเกือบครบทุกรุ่น
ไม่ว่าจะเป็น LS460 รุ่นธรรมดาราคา 9.85 ล้าน LS460 F-Sport ราคา 9.99 ล้าน รุ่นฐานล้อยาว LS460
LWB ราคา 11.68 ล้าน และแพงที่สุดกับ LS600h ไฮบริดไฮโซของแท้ ราคา 13.58 ล้านบาท
(ถ้าผ่อนชำระ 5 ปีก็งวดละ 220,760 บาท..เอามั้ย)

Volkswagen

นำ Amarok มาเซอร์ไพรส์กลางงานด้วยสีส้ม แต่ติดฟิล์มบังไว้จนมองข้างในไม่เห็น
เมื่อสอบถามว่านำมาโชว์หรือนำมาขายจริง ก็ได้รับคำตอบว่าขายจริง แต่เป็นการขายแบบ
สั่งซื้อ By Order ทีละราย โดยหากคุณต้องการใช้รถกระบะเยอรมันรุ่นนี้ ก็ต้องจ่ายเงิน 1.89 ล้านบาท
และรอรับรถประมาณก่อนสงกรานต์ปีหน้าครับ ส่วนรถคันอื่นที่มาโชว์นั้นก็ยังมี Scirocco และ Golf
GTi เป็นพระเอกอยู่ Golf รุ่นที่ 7 ยังไม่มาครับ

Volvo

ไม่มีรถรุ่นใหม่มาเผยโฉมในงานนี้แต่อย่างใด ยกเว้นการอัพเดทขุมพลังของพี่ใหญ่อย่าง Volvo S80
ซึ่งนำเอาเครื่อง 1.6DRIVe แบบเดียวกับของ S60 มาติดตั้งให้กับรถตัวใหญ่ ตามมาด้วย S80T4
ซึ่งก็ใช้เครื่อง 2.0 ลิตร 204 แรงม้าที่เคยพบกันใน S60 2.0 รุ่นประกอบเบลเยียมนั่นเอง ตบท้ายด้วย
รุ่น S80D4 ซึ่งมีรายละเอียดเกือบเหมือนกันกับ D3 ที่ทาง Headlightmag เคยรีวิวกันไปแล้ว แต่มี
การปรับปรุงช่วงการมาของแรงบิดให้กว้าง เร่งแซงได้ดีขึ้นกว่าเดิม

ในรถรุ่น S60DRIVe S, V60, S80D4 และ S80T4 ยังมีการติดตั้งระบบ Active High Beam ซึ่งทำการ
ปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติโดยอาศัยกล้องที่ติดอยู่บนกระจกหน้าในการสั่งหลบเป็นไฟต่ำเมื่อมีรถสวนมา

เป็นอย่างไรกันบ้างครับท่านผู้อ่าน จากที่ผมพาทัวร์แบบคร่าวๆกับ Motor Expo 2012 ในครั้งนี้
หลายท่านคงได้ไอเดียกันแล้วใช่มั้ยครับว่าจะไปบูธไหนอย่างไรบ้าง หรือวางแผนป้องกันไม่ให้กระทรวง
อันทรงพลังที่คุณใช้ชีวิตร่วมเตียงกันนั้นไปแวะเยี่ยมตรงไหนให้เสียเงินบ้าง แน่นอนครับว่าเมื่ออยู่ในงาน
อารมณ์บางท่านจะเปลี่ยน และสภาพแวดล้อมบริเวณนั้นอาจทำให้คุณถูกเร่งเร้าเพื่อปิดการขายให้เร็ว
แต่อย่าลืมนะครับ ไม่ว่าคุณจะรวยกว่าผมสิบเท่าหรือล้านเท่า การซื้อรถ มันก็คือการใช้เงิน ขอให้ใช้
โอกาสนี้ในการเดินเปรียบเทียบ ลองนั่ง ลองจับ ลองคลำ สัมผัส ลองขับ และศึกษาเงื่อนไขการผ่อนชำระ
และดอกเบี้ยให้ดี เพราะรถคันนึงไม่ใช่ถูกๆ พอซื้อมาแล้วก็จะอยู่รับใช้เราไปอีกนาน

เราก็ควรใส่ใจในการเลือก ถูกไหมล่ะครับ..ไม่ใช่ไปส่องคุณพริตตี้สามสี่ชั่วโมงแต่พอซื้อรถเซ็นต์สองวิ
เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน ขอให้สนุกกับการช้อปรถครับ


Commander CHENG! / พันธุ์สวัสดิ์ ไพฑูรย์พงษ์
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และภาพถ่าย โดยผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
29 พ.ย. 2012

Copyright (c) 2012 Text and Pictures
Use of such content either in part
or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
November 29, 2012