สืบเนื่องจาก เว็บไซต์ TIIDA Club มีผู็ถ่ายภาพสปายช็อตของ Nissan ECO Car
ที่จะทำตลาดในชื่อ MARCH ใหม่ อย่างแน่นอนแล้ว บนถนนสาธารณะของ
ประเทศไทยเรา ได้แล้ว แถมยังไปพบเห็นกันไกลถึงระยองเลยเชียวแหนะ

เมื่อช่วงบ่ายวันเสาร์ที่ผ่านมา จู่ๆ ผมเกิดนึกหากิจกรรมสนุกทำขึ้นได้ เลยลองเดาสุ่มเล่นๆ ว่า
ถ้าเว็บ Thaimarch เขาถ่ายภาพสปายช็อตได้ และรถก็เริ่มออกวิ่งทดสอบแล้ว ไปไกล
ถึงระยองแหนะ แถมวิ่งตอนกลางคืน ดังนั้น ถ้าสมมติจะออกไปล่าสัตว์ ไปซุ่มถ่าย
ที่ไหนสักแห่ง ก็คงน่าจะเจอ…

แต่ จะไปซุ่มถ่ายที่ไหนกันดีละ?
ถ้าจะเดา มันก็ต้องมีตรรกะ นิดหน่อย
ต้องคิดให้รอบคอบ และที่สำคัญ ต้องเสี่ยงดวงเอาดาบหน้า

ในเมื่อ เราไม่รู้ว่าเส้นทางที่พวกเขาจะใช้วิ่งนั้น เขาจะวิ่งไปไหนกัน…
รู้แต่ว่า ถ้าสามารถไปโผล่ไกลถึงระยองได้ ก็คงเป็นไปได้เพียง สองทาง

1. น่าจะวิ่งออกจากโรงงาน เลี้ยวซ้าย ตรง โค้งบางวัว
ตรง โรงงานของ บริษัท ไมร์ (ในเครือ Samsung รายนี้ผมเคยขับรถไปเก็บเช็ควางบิลกันอยู่)
เข้ามอเตอร์เวย์ แล้วค่อยออก บายพาส ไปโผล่ระยอง

2. น่าจะวิ่ง ตรงไปตามถนนสุขุมวิท ไปถึงระยอง ซึ่งข้อหลัง ไม่น่าเป็นไปได้อย่างรุนแรง
เพราะเดาว่า Nissan ไม่อยากให้คนเห็น “เจ้าเก้งน้อย” เยอะนัก

มีทางเดียวก็คือ ต้องไปดักที่หน้าทางเข้าโรงงาน กม. 22

แต่ เฮ้ย! จะดักยังไงละเนี่ย…แล้วเราต้องรอกันกี่ชั่วโมงละเนี่ย
ดักหน้าโรงงาน พวก Nissan เขาก็รู้กันหมดหนะสิ
โอย เห็นทีจะไม่ได้เรื่องแหะ…

ตามรูปการณ์ ถ้าทีมของ Nissan จะเอารถออกไปวิ่งทดสอบตอนกลางคืน เขาก็ต้องเติมน้ำมัน ข้างนอก
เพราะเท่าที่จำได้ และเคยไปเหยียบ Facility ของ Nissan เมื่อครั้ง เข้าไปขับ Navara ตอน
ปลายปี 2006  รู้แต่ว่า ก่อนเปิดตัว ในอีก 1 เดือนต่อมา ในนั้น ไม่น่าจะมีปั้มน้ำมัน
เป็นหลักเป็นแหล่งนัก

เดี๋ยวก่อน…ตรงนั้น มันมีปั้ม Esso นี่หว่า นั่นก็น่าจะเป็นทำเลที่ดีในการดักซุ่ม

แต่ อีกความคิดในสมองก็แวบขึ้นมาว่า
เฮ้ เดี๋ยวก่อน แต่ในอดีตกาล ผมคิดว่า Nissan น่าจะเติมเชลล์ นะ
เพราะขนาดน้ำมันเครื่อง หล่อลื่นต่างๆ สมัยก่อน ยังเคยแปะ
คำแนะนำ เป็นโลโก้ของ เชลล์ และคาสตรอล ไว้ใต้ฝากระโปรงเลยนี่นา…

อย่างไรก็ตาม ในฐานะ ผมมีนิวาสถานอยู่ในย่านบางนา
ไปขับรถเก็บเช็คส่งของตามโรงงานต่างๆ ให้คุณพ่อ เป็นประจำ
ถนนเส้นนี้ จำทางกลับรถ จำตำแหน่งปั้มน้ำมัน และตำแหน่ง
โรงงานต่างๆ แทบจะขึ้นใจแล้วด้วยซ้ำ

ก็เลยนึกออกว่า ถัดจาก ปั้มเอสโซ่นี้ไปแล้ว มันแทบจะไม่มีปั้มน้ำมันอะไรไปอีกไกลโขอยู่เหมือนกัน
คราวล่าสุด ตอนไปขับรถวางบิลกับคุณพ่อ เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ก็เพิ่งจะพยายามหาปั้มน้ำมันแถวนั้น
เข้าห้องน้ำฉี่อยู่ แล้วไม่เจอ…

เอาวะ ปั้มเดียวนี่แหละ  เสี่ยงดวงดู ไปจอดซุ่มสักหน่อยดีกว่า เผื่อจะเจออะไรดีๆ
ถ้าโชคดีก็ได้เจอ แต่ถ้าโชคไม่ดี รอจนถึงสัก 4 ทุ่ม ก็ขับกลับบ้าน ไม่เสียหาย อาจจะ
เสียแค่เวลาโดยเปล่าประโยชน์ไปหน่อย

ก็เลยลองโทรชวน ผู้การแพน Commander CHENG กับเจ้ากล้วย BnN ใน The Coup Team กัน ว่า

“หัวค่ำนี้ เราไป ส่องเก้ง กันดีไหม” Wink

ทุกคนเห็นดีด้วย เตรียมความพร้อมเต็มพิกัด ราวๆ 5 โมงกว่า ก็เลยไปจอดรถกันที่ปั้ม Esso
เลยทางเข้าโรงงาน Nissan ถนนบางนา-ตราด กิโลเมตร ที่ 22 กันนิดนึง

ซุ่มรออยู่นาน จนแทบจะหมดความหวัง กำลังคิดถอดใจ
บอกเจ้ากล้วย ขับรถกลับไปหาข้าวกินดีกว่า

แต่ในที่สุด…มีเจ้า “เก้งน้อย” พรางตัวอย่างที่เห็นในรูป
ก็ “พุ่งกระโจนพรวดพราด” โผล่เข้ามาจอดเติมน้ำมันในปั้ม ทะอยขับเข้ามา
รวมแล้ว 3 คัน

วินาทีแรกที่ได้เห็นคันจริง พวกเราทั้ง 3 คน “ตะลึงไปเลย” Surprised

เฮ้ยย ตัวจริง คันมันใหญ่กว่าที่คิดมากเลยวะ!

ตัวรถหนะสูงเท่า ยาริส แต่ยาวกว่า ขนาดตัวถังกว้างพอกัน
(แหงละ ส่งขายญี่ปุ่น ก็ต้องกว้าง ไม่เกิน 1.7 เมตรนั่นแหละ
จะให้ใหญ่โตไปเกินเหตุ ให้ลูกค้าแดนปลาดิบ เสียภาษีแพงเล่น
หรือยังไงกัน หืม?) แถมรูปลักษณ์ต่างๆ ก็ไม่ต่างจาก รูปที่เรา
เคยนำเสนอ หรือเคยเห็นจากต่างประเทศ ไม่ผิดเพี้ยน เป๊ะ!

เล่นเอา ทั้งผม ทั้ง ผู้การแพน Commander CHENG
และเจ้ากล้วย BnN ถึงกับตกใจเล็กน้อย มือสั่น ลั่นชัตเตอร์ ไม่ออก อยู่แป๊บนึงเลยทีเดียว
แหงละ ไม่คาดว่า จู่ๆ เก้งน้อย จะกระโจนพรวดเข้ามาในปั้มกันแบบนี้ โดย
ไม่ได้ตั้งตัวเลยนี่นา

เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ทุกประการ ว่า March ใหม่ เจเนอเรชันที่ 4
ซึ่งจะขายในบ้านเรา ยังคงมีขนาดตัวถังที่ควรจัดอยู่ในพิกัด
“B-Segment, Sub-Compact Hatchback”
เท่า Jazz,Yaris และ Mazda 2

แล้วทำไมรถคันนี้ถึงเข้าข่าย ECO Car ของรัฐบาลไทยได้ละ?
เอาง่ายๆก็คือ จากที่มีความพยายาม ร้องขอกับทางภาครัฐ ว่า
ได้โปรด อย่ากำหนดขนาดตัวถัง กันเลย เพราะไม่เช่นนั้น จะเป็นการ
ขัดขวาง การพัฒนารถ ในระยะยาว อย่างนั้น อย่างนี้
เหมือนตลาดกลุ่ม Kei-Jidosha หรือ K-Car 660 ซีซี ในญี่ปุ่น
ที่กำหนดขนาดตัวถัง จนรถไม่สามารถมีพัฒนาการเติบโต
ไปไกลกว่าที่เป็นอยู่

ผลก็คือ เมื่อเปิดข้อกำหนดขั้นสุดท้ายของโครงการ ECO Car ออกมา
รัฐบาลไทย เลยไม่ได้กำหนดขนาดตัวถัง เพียงแต่ กำหนดว่า เครื่องยนต์
ต้องมีขนาดความจุกระบอกสูบ ไม่เกิน 1,300 ซีซี สำหรับเครื่องยนต์เบนซิน
ส่วน ดีเซล หนะ ต้องไม่เกิน 1,400 ซีซี และต้องประหยัดน้ำมันในรดับ
20 กิโลเมตร/ลิตร ถ้าใช้ความเร็วในระดับ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมง และต้องปล่อย
มลพิษออกมา ต่ำ ตามมาตรฐานไอเสีย ที่ภาครัฐกำหนด ก็ว่ากันไป

หมายความว่า โครงการ ECO Car ไม่ได้กำหนดขนาดตัวถังของรถตายตัว
นั่นคือ ต่อให้คุณ จะทำรถออกมา ให้ใหญ่เท่า Mercedes-Benz S-Class
หรือ BMW 7-Series ถ้าเครื่องยนต์ของคุณ มีแค่ เบนซิน 1,300 ซีซี
หรือดีเซล 1,400 ซีซี แล้วสามารถทำอัตราส้ินเปลืองเชื้อเพลิง ได้เกิน
20 กิโลเมตร/ลิตร ตามมาตรฐานการทดสอบ ECE อะไรก็ว่าไป
และสามารถปล่อยมลพิษได้ต่ำ ทดสอบการชน ผ่าน Euro NCAP

รถคันนั้น ก็ เข้าข่ายที่ควรจะถูกเรียกว่า ECO Car ได้เหมือนกันทั้งสิ้น!

Nissan เลยใช้วิธี เล่นง่ายๆ โยก สายการผลิต March ใหม่ เจเนอเรชันที่ 4
มาลงที่เมืองไทย พยายามทำรถออกมาให้ได้ตามข้อกำหนด ECO Car
ทุกประการ ดังนั้น Nissan เลยสามารถเรียก รถคันนี้ได้เต็มปากว่า ECO Car

โดย Nissan สร้าง March ใหม่ ขึ้นบนพื้นตัวถัง A-Platform ที่เปลี่ยนชื่อใหม่ว่า
V-Platform โดยตัว V มาจากคำว่า Versatility แปลว่า แพล็ตฟอร็มที่สามารถ
ดัดแปลงให้ใช้งานได้หลากหลาย พื้นตัวถังนี้ จะใช้ร่วมกับ Sedan ตัวใหม่
ที่จะเปิดตัวในไทย ปี 2011 รวมทั้ง Nissan Note รุ่นต่อไป ในเบื้องต้น
จะมีรถยนต์ที่ใช้แพล็ตฟอร์มนี้ รวม 3 คัน

นอกจาก Nissan จะต้องผลิต เจ้า March รุ่นใหม่นี้ ในเมืองไทย
เพื่อทำตลาดในประเทศเราเองแล้ว ยังจะส่งรถรุ่นนี้กลับไปขาย
ในประเทศญี่ปุ่นกันอีกด้วย เพราะโรงงานในไทย ถือเป็น
Mother Plant สำหรับการส่งออกรถยนต์รุ่นนี้ ทั้งในแบบประกอบ
เสร็จสำเร็จรูปแล้ว ทั้งคัน และ แบบแยกชิ้นส่วน CKD ส่งออกไปยัง
ตลาดต่างๆทั่วโลก ที่เกี่ยวข้อง

กระนั้น ตัวรถ เวอร์ชันไทย จะมีรายละเอียดทางเทคนิคที่ เหมือนเวอร์ชันส่งออก
ไปยังตลาดอื่นๆใดในโลก เพราะเครื่องยนต์ จะเป็นบล็อก 3 สูบ 12 วาล์ว
แต่ใช้รหัส HR12DE (เท่ากับว่า ต่อจากนี้ไป ตระกูล HR จะมีทั้งเครื่องยนต์
3 สูบ สำหรับรถเล็ก ระดับ B-Segment และ 4 สูบสำหรับรถยนต์ขนาดใหญ่กว่า
B-Segment ขึ้นไป) ความจุ 1,198 ซีซี หรือ ปัดขึ้นไปเลยเป็น 1,200 ซีซี
กำลังสูงสุด จะอยู่ในช่วง 70-80 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุดระหว่าง 105-110 นิวตันเมตร
ดูเหมือนไม่น่าจะมีเรี่ยวแรง แต่เท่าที่ได้ยินมา อัตราเร่ง น่าจะดีเกินคาดคิด

มาพร้อมเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด idle Stop ครั้งแรกในเมืองไทย สำหรับ
ระบบดับเครื่องยนต์เองเมื่อจอดติดไฟแดงในเครื่องยนต์เบนซินเพียวๆ
(ถ้าไม่นับรวมระบบ HYBRID ใน Toyota Camry HYBRID)
มีทั้งเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ และอัตโนมัติ CVT แบบใหม่ล่าสุด รายแรกของโลก
ที่มี Sub-Planetary Gear ช่วยเพิ่มกำลังขับเคลื่อน ก่อนจะส่งแรงบิดสู่ล้อ
ระบบกันสะเทือนหน้า แบบแม็คเฟอร์สันสตรัต ส่วนด้านหลัง ยังคงเป็นแบบทอร์ชันบีม
พวงมาลัยแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฟฟ้า แต่จะปรับความหนืดเมื่อความเร็วรถสูงขึ้น

ระบบเบรกเบรก หน้าดิสก์ หลังดรัม คราวนี้ มาพร้อมระบบป้องกันล้อล็อกขณะเบรก ABS 
และระบบกระจายแรงเบรก EBD ที่ว่ากันว่า อาจมีมาให้ครบทุกรุ่น!

อุปกรณ์ ที่น่าสนใจก็คือ ถุงลมนิรภัยคู่หน้า ว่ากันว่า จะถูกติดตั้งมาให้ “เกือบครบทุกรุ่น”
รุ่น Basic ถูกสุด เกียร์ธรรมดา จะไม่มีมาตรวดรอบ มาให้ แต่รุ่นกลาง เกียร์ธรรมดา จะเริ่มมีวิทยุ
เครื่องเล่น CD/MP3 1 แผ่น มี ระบบ Bluetooth ฝังมาให้ในตัว! ส่วน รุ่นท็อป
เกียร์อัตโนมัติ CVT มีหน้าจอ ให้เราตั้งค่า แจ้งเตือนวันครบรอบ และวันเกิด รวมทั้ง
จะทักทายเมื่อผู้ขับ ขึ้นรถ และจะบอกลา Good Bye เมื่อดับเครื่องยนต์ แล้วลงจากรถ
ซึ่งทั้งหมดนี้ หลายท่านคงทราบกันดีจากแหล่งข่าวอื่นๆ ที่ปล่อยหลุดกันออกมาอยู่แล้วก่อนหน้านี้

กำหนดเปิดตัว คือวันที่ 12 มีนาคม นี้ น่าจะมีการจัดพิธี JOB 1 Line-Off Ceremony
และจะมีงานเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ 13 มีนาคมนี้ ซึ่งเชื่อได้ว่า Nissan น่าจะเตรียม
แผนงานโฆษณา พร้อมพรีเซ็นเตอร์ ที่เชื่อแน่ว่า จะสะท้านใจ สาวๆ ทุกประเภท อย่างแน่นอน

และ ไม่ดู ฮาแตก เหมือนป้ายโฆษณา ที่ สยามนิสสัน ชุมพร เขาโปรโมทไปทั่วทุกสี่แยก
ในเขตตัวเมือง จังหวัด ชุมพร กันอย่างที่เห็นอยู่นี้…(^0^)

แต่…ในช่วงแรก ที่เปิดตัว  มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ จะพร้อมส่งมอบได้ก่อน
เพราะ เกียร์อัตโนมัติ CVT จะตามออกมาในอีก 3 เดือนหลังจากนั้น เนื่องจาก มีความขัดข้อง
ในการเตรียมแผนผลิต ที่ติดขัดชะงักไปนิดนึง ดังนั้น ใครอยากได้รุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะจอง
ก็จองได้เลย ทันทีที่เปิดตัว แต่กว่าจะรับรถรอกันนานกว่ารุ่นเกียร์ธรรมดานิดนึงครับ

รอพบคันจริง ตัวเป็นๆ ของ “เจ้าเก้งน้อย” ได้ อีก ไม่เกิน 3 – 4 สัปดาห์ข้างหน้า

—————————————-///—————————————–

J!MMY , Commander CHENG , BnN
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ภาพถ่ายทั้งหมด เป็นผลงานภายใต้ลิขสิทธิ์ของ Commander CHENG
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
15 กุมภาพันธ์ 2010

Copyright (c) 2010 Text and Pictures  
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
Febuary 15th,2010

แสดง ความคิดเห็น เชิญได้ คลิกที่นี่