งานจัดแสดงรถยนต์ New Delhi Auto Expo ในอดีตไม่ค่อยโด่งดังมากนัก และยังมีอายุของงานน้อยกว่างาน MotorShow ชื่อดัง ๆ ของโลก เพราะงานนี้เพิ่งเริ่มจัดครั้งแรกในปี 1986 ซึ่งสมัยนั้นวิวัฒนาการยานยนต์ของตลาดอินเดียยังด้อยกว่าตลาดโลกอย่างมากจึงทำให้การจัดงานครั้งที่ 2 ต้องขยับมาไกลถึงปี 1993 หรือนับนิ้วไป 7 ปี!!! ครั้งที่ 3 ก็ร่นให้เร็วขึ้นภายในปี 1996 และครั้งต่อ  ๆ ไปก็จะมีระยะห่าง 2 ปีต่อครั้งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

 
 

ไม่น่าเชื่อว่างานแสดงรถยนต์ระดับ New Delhi Auto Expo จะก้าวเข้าสู่ระดับสากลได้รวดเร็วขนาดนี้ จากเดิมงานจัดแสดงรถยนต์งานนี้เป็นเกรดเดียวกับงานพระรองคล้าย ๆ จำพวก Helsinki Motorshow เน้นการโชว์รถยนต์ที่มีขายในประเทศเสียส่วนใหญ่ไม่ค่อยเน้นการโชว์รถต้นแบบและเทคโนโลยีระดับ World Premier

โชคดีที่งาน New Delhi Auto Expo ได้รับการรองรับจากสมาพันธ์ผู้จัดงาน MotorShow สากลหรือสถาบัน OICA ที่แม้แต่งาน Bangkok International MotorShow ในประเทศไทยก็ถูกรองรับมาตรฐานความเป็นสากลนี้ไว้แล้วเช่นกันจึงทำให้เวที New Delhi Auto Expo จึงเริ่มคลาคล่ำไปด้วยรถยนต์ต้นแบบรุ่นใหม่ ๆ มากหน้าหลายตาตามกระแสอุตสาหกรรมรถยนต์ในอินเดีย

 
จุดเปลี่ยนสำคัญก็คือ New Delhi Auto Expo 2008 ซึ่งเป็นการจัดงานครั้งที่ 9 มีรถยนต์ที่สร้างความฮือฮาให้สะเทือนตลาดรถยนต์โลกคือ Tata Nano และยังมีการเปิดตัวตัวรถต้นแบบครั้งแรกของโลกได้แก่ Suzuki A-Star concept และ Bajaj Lite Concept ทั้งหมดนี้ทำให้งาน MotorShow แห่งนี้เริ่มกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดขนานใหม่เสียแล้ว

สำหรับงาน New Delhi Auto Expo 2010 ครั้งที่ 10 ค่ายรถยนต์ชั้นนำของโลกพร้อมใจกันเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่สำหรับทำตลาดอินเดียโดยเฉพาะ เรียกว่าแทบทุกค่ายพร้อมใจกันเสิร์ฟออเดอร์ร้อนที่ซุ่มพัฒนามานานกว่า 3-4 ปี ออกจากเตาร้อน ๆ กันเลยทีเดียว

ที่สำคัญงานนี้มีรถยนต์รุ่นสำคัญ 1 รุ่นและรถต้นแบบ 1 รุ่นจากค่าย Toyota และ Honda ที่ประชันหน้ากันในงานนี้ ทั้ง 2 คันขอให้ผู้อ่านเตรียมจับตาเอาไว้ให้ดีเพราะมีความเกี่ยวข้องกับเมืองไทยสูงมาก

ถ้าพร้อมแล้วเราไปเปิดโลกทัศน์ให้ถึงแก่นภารตะโชว์เลยครับ

Audi

 

รถหรูในเครือ VW อวดโฉมรถต้นแบบที่เตรียมอวดสายตาชาวโลกในปีนี้นั่นคือ Audi A7 Sportback Concept สปอร์ตซีดานคูเป้ตั้งเป้าพุ่งชน Mercedes-Benz CLS อย่างจัง ไหน ๆ ก็นำรุ่นนี้มาโชว์แล้ว เศรษฐีชาวอินเดียที่รักความสปอร์ตปราดเปรียวแต่อยากให้ครอบครัวพอนั่งได้ก็โปรดรอปี 2011 ได้เลย

 
 

ส่วนรถรุ่นใหม่ซิง ๆ สำหรับเศรษฐีชาวอินเดียนั่นก็คือรุ่น Q7 รถ SUV ขนาดเขื่องวางเครื่องยนต์ดีเซล V8 4.2 ลิตร พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 1 เมษายนเป็นต้นไปแปะป้ายราคาที่ 65 ล้านรูปีย์ส ราคานี้ถ้าลูกค้าไม่รวยล้นฟ้าจริงคงซื้อไม่ได้นักสำหรับชาวอินเดีย

 

Audi ทุ่มทุนสร้างขนาดนี้ก็เพราะยอดขาย Audi ปีที่แล้วทำได้มากถึง 1,650 คัน ปีนี้ Audi ขอตั้งเป้ามากถึง 2 – 2.5 พันคัน ถือว่าตลาดอินเดียเป็นจิ๊กซอว์ตัวหนึ่งของนโยบายบริษัทแม่ที่จะตั้งเป้ายอดขาย Audi ทั่วโลกภายในปี 2015 มากถึง 925,000 คัน

BMW

 
 
 

ราชันย์รถยนต์หรูในตลาดอินเดียกระหน่ำเปิดตัวรถใหม่ชนิดไม่ให้คู่แข่งหายใจทั้ง 5-Series GT รถยนต์นั่งพันธุ์เก๋งแท้ไม่ใช่อเนกประสงค์แท้ไม่เชิง จำนวนจำกัดเพียงแค่ 100 คันเท่านั้น เคาะราคา 65 ล้านรูปีย์ส , X6M ครอสโอเวอร์คูเป้เวอร์ชัน MotoGP ราคา 130 ล้านรูปีย์ส ,760Li ราคา 129 ล้านรูปีย์ส และยังอวดโฉม X1 เอสยูวีรุ่นเยาว์อีกด้วย

Chevrolet

 

เจ้าพ่อตลาดรถอเมริกันยังไปได้ดีกับตลาดประเทศกำลังพัฒนาหลาย ๆ ประเทศ คงจะมีเพียงประเทศอินเดียที่ยังสยายปีกไม่เต็มที่นักเพราะ GM ใช้กำลังภายในกับประเทศจีนและอเมริกาใต้อย่างหนักในช่วง 5 ปีที่แล้ว คราวนี้ GM ตั้งใจบุกตลาดอินเดียเต็มที่ซึ่งมาในช่วงพอเหมาะพอเจาะที่ตลาดเริ่มบูม

เริ่มจาก Chevrolet BEAT รถเล็ก A-segment ซึ่งคือรุ่น Spark โฉมใหม่ในตลาดโลกนั่นแหล่ะ เพียงแต่ว่าในตลาดอินเดียยังมีรุ่น Matiz/Spark โฉมเก่าวางจำหน่ายควบคู่ไปด้วย เลยทำให้ Chevrolet India ได้สิทธิ์พิเศษใช้ชื่อนี้โดยเฉพาะ  สนนราคาก็เพียงแค่ 3.34 – 3.94 แสนรูปีย์ส แถมยังใช้เครื่อง 1.2 ลิตร ราคานี้บี้รถเล็กเจ้าตลาด A-segment ให้ตายไปข้างหนึ่ง

 
 
 

ส่วนรุ่นอื่น ๆ ที่เป็นไฮไลต์รองลงมาคือ Electric Spark เป็นความร่วมมือระหว่าง Reva และ GM India โดยการนำโครงร่าง Spark รุ่นเก่าจับใส่มอเตอร์ไฟฟ้ามีระบบการขับขี่อัจฉริยะหลายอย่าง

 
 

นอกจากนั้นยังมีรถยนต์รุ่นใหม่มาอวดโฉมอันได้แก่ Aveo CNG ,Spark LPG และยังรถพิเศษ ๆ มาอวดโฉมชาวอินเดียได้แก่ Camaro สปอร์ตคันเหลืองขวัญใจชาว Transformer,WTCC Cruze,Captive Xtreme ตกแต่งพิเศษ และ Volt รถไฟฟ้าทั้งคัน (แอบสงสัยว่านางแบบแตะตัวรถได้คงจะเป็นรถ mock-up มากกว่า)

Honda

 
 

อันที่จริง Honda ในประเทศอินเดียอยู่ในช่วงริเริ่มตั้งไข่ตอนปลาย มิได้มีประวัติศาสตร์ยาวนานเหมือนบางประเทศที่ริเริ่มบุกมานาน 30-50 ปีเพราะ Honda ญี่ปุ่นเพิ่งก่อตั้งบริษัท Honda Siel Cars India ตั้งแต่เดือนธันวาคม 1995 หรือแค่เพียง 15 ปีเท่านั้น แม้จะมาก่อน Hyundai ถึง 3 ปีแต่ก็โดน Hyundai แซงหน้าไปไม่เห็นฝุ่น เพราะช่วงต้นปี 2000  Hyundai ทุ่มทุนเปิดตัวรถเล็กในตลาดอินเดียอย่างจริงจังและเลือกใช้สูตรสำเร็จจาก Maruti Suzuki คือขายรถตกรุ่นในตลาดโลกพร้อมกับรถรุ่นใหม่ของโลก (พฤติกรรมการซื้อรถชาวอินเดียไม่สนใจว่ารถที่ตนเองจะซื้อกำลังตกรุ่นหรือไม่) ทำให้จำนวนรุ่นรถมากกว่า Honda ซึ่งเน้นนโยบาย Global Honda มากกว่า

 
 

Honda ก็ย่อมรู้ดีว่าตลาดอินเดียเป็นตลาดสำคัญต่ออนาคตของ Honda แน่นอน เพื่อมิให้พลาดโอกาส Honda จึงซุ่มพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่สำหรับตลาดประเทศกำลังพัฒนา แน่นอนรวมถึงประเทศไทยอีกด้วยซึ่งรถคันนี้จะเป็นรถ Ecocar ในประเทศไทยที่เตรียมเปิดตัวราวปี 2011 – 2012

 
 

รถคันนี้มีชื่อว่า Honda New Small Concept ชื่อง่าย ๆ แม้ Honda จะไม่บอกรายละเอียดของรถคันนี้มากนักทำให้เราทราบแต่เพียงว่ารถต้นแบบคันนี้ เป็นรถที่มีขนาดห้องโดยสารนั่งได้ 5 ที่นั่งและมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ ขณะที่ดีไซน์ภายนอกเน้นความโฉบเฉี่ยว เฉียบคมในสไตล์ Efficient Energetic Exterior ดูมีพลังแต่แฝงความประหยัดพลังงาน

 
 

แต่รถคันจริงคงจะต้องโทนดาวน์ลงกว่านี้ เชื่อว่าขนาดของรถน่าจะมีความยาวระหว่าง 3.6-3.7 เมตร น่าจะต้องใหญ่กว่า Suzuki Alto ที่มีความแค่เพียง 3.5 เมตรซึ่งอาจจะดูเล็กเกินไปสำหรับตลาดบางประเทศโดยเฉพาะคนไทยที่แคร์เรื่องขนาดตัวถังมากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะเป็นตัวบอกสถานภาพทางสังคมได้

ค่อนข้างแน่ชัดว่า Honda น่าจะทำ Ecocar ในแนวโฉบเฉี่ยว ไม่เน้นทรงสูงก็ถือเป็นจุดขายที่ต่างจากคู่แข่ง เพียงแต่รอลุ้นว่าเส้นสายของรถคันจริงน่าจะเรียบง่ายกว่านี้ ขอให้จับตาให้ดีครับ


Hyundai

 

เจ้าตลาดรถยนต์อันดับ 2 ในอินเดียงานนี้ขอพักร้อนงดส่งรถใหม่ชิงตลาด แต่เพื่อมิให้แฟนในอินเดียลืมจึงต้องส่ง Hyundai i10 Electric ที่จับใส่มอเตอร์ไฟฟ้า 66.6 แรงม้า (PS) พร้อมแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน ที่เพิ่งอวดโฉมในงาน Frankfurt MotorShow เดือนกันยายน 2009

Jaguar

 
 

ปีนี้เข้าร่มใบบุญ Tata Motor ในฐานเป็นบริษัทแม่ของ Jaguar ระดับโลก เพื่อมิให้เสียแรงที่ซื้อมาขออวดโฉม Jaguar XJ สุดยอดซีดานหรูปฏิวัติขนบธรรมเนียมอย่างสุดขั้งในตลาดอินเดียครั้งแรก งานนี้ Ratan Tata ถึงขั้นลงมือเปิดตัวรุ่นนี้ด้วยเองเชียวนะครับ

Land Rover

 

นี่ก็เป็นอีก 1 ผลผลิตที่ Tata ซื้อควบร่วมกับ Jaguar งานนี้ไม่มีอะไรมากนักเพียงแค่อวดโฉมรถยนต์ที่มีอยู่ในสายการผลิตเท่านั้น

Maruti Suzuki

 

เจ้าบัลลังก์ตลาดรถยนต์อันดับ 1 ของประเทศอินเดียที่กินส่วนแบ่งการตลาดมากกว่า 50% อวดโฉมรถต้นแบบมินิแวนขนาดกลางที่สร้างบนพื้นฐานรถเก๋งคันแรกของ Suzuki นามว่า Maruti Suzuki rIII ภายใต้รูปลักษณ์ที่แข็งแกร่ง ดูสปอร์ต แม้ดูภายนอกจะมีขนาดกะทัดรัดแต่ทีมงาน Maruti Suzuki ยืนยันว่า rIII ตอบสนองความต้องการของครอบครัวขนาดใหญ่ได้ครบถ้วนโดยเฉพาะเนื้อที่ห้อง โดยสารทั้งหมด

 
 

น่าสังเกตว่าการดีไซน์ภายนอกมีกลิ่นอายของ Opel Meriva รถมินิแวนขนาดซับคอมแพคท์ 5 ประตูที่เพิ่งเปิดตัวไม่นานนักอย่างมาก จนผู้เขียนแอบมีความรู้สึกว่ารถคันนี้น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับ GM บางประการ แต่คำตอบนี้คงยังไม่ได้รับในเร็ววันจนกว่าผู้บริหารจะไขกระจ่างด้วยตนเอง

รายละเอียดภายในห้องโดยสารเน้นความล้ำสมัยของคอนโซลหน้าและความปลอดโปร่งของ ผู้โดยสารตอนหน้าด้วยการออกแบบคอนโซลหน้าให้ลาดเอียงเอามาก ๆ

 
 

ส่วน รายละเอียดทางเทคนิค Maruti Suzuki ไม่เผยแพร่รายละเอียดมากมายนักรวมไปถึงรูปภาพที่ปล่อยให้สื่อมวลชนต่าง ประเทศก็น้อยมากจนต้องนั่งควานหาให้เสียเวลา จุดด้อยนี้อยากให้ผู้ผลิตรถยนต์ที่ริจะเปิดตัวรถในประเทศอินเดียและจีนสนใจ อัพเดทข้อมูลรูปภาพและข้อมูลในเว็บไซต์ให้ครบถ้วนจะดีกว่าครับ

 
 
 
 

นอกจากนี้ยังมีรถต้นแบบระดับ World Premier อาทิเช่น SX4 Hybrid ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์เบนซินสันดาปภายใน 1.2 ลิตร ผนวกมอเตอร์ไฟฟ้าแรงถึง 68 แรงม้า (PS) ใครอยากได้แว่ว ๆ มาว่าจะต้องไปถึง 5 ปีเราคงได้เห็น Suzuki SX4 Hybrid กัน

 
 

นอกจากนี้ยังนำเข้ารถ Suzuki Kizashi มายลโฉมและนำเอาเจ้า Maruti Suzuki Versa รถตู้เก่ากึ้กมาแปลงโฉมในชื่อใหม่ Eeco ลากขายกันยาวววว


Mercedes-Benz

 

1 ในเจ้าสัวตลาดรถหรูเมืองภารตะเช่นเดียวกับ Audi และ BMW ใจป้ำนำรถ SLS AMG Gulwing ที่เพิ่งเปิดตัวไปหมาด ๆ มาในมาดสีทองทะเลทรายสวยงามเชียวล่ะครับและรถต้นแบบ Fascination รถสไตล์ Shooting หรือที่เรียกกันกันว่าสเตชั่นแวกอนแบบ 3 ประตูนั่นเอง

ส่วนอีกเรื่องที่ยังไม่มีใครรู้นั่นก็คือยอดขาย Mercedes-Benz ปีที่แล้วสูงถึง 3,220 คัน แต่ก็ยังน้อยกว่าปี 2008 ที่ทำยอดขาย 3,250 คัน แม้ยอดขายจะน้อยกว่าประเทศไทยเล็กน้อยแต่ก็อย่าดูถูกตลาดอินเดียเป็นอันขาด

Skoda

 

ชื่อนี้(แทบจะ)ตายในประเทศไทย แต่ประเทศอินเดียกลับขายรถคอมแพคท์ชื่อสาวแตกนามว่า Laura ซึ่งก็คือ Octavia ในตลาดโลกนั่นเอง ผมก็ไม่ทราบเคล็ดลับที่ขายดีนะครับ แต่นั่นไม่น่าสนใจเท่ากับการเปิดตัว Skoda Yeti รถ SUV ขนาดคอมแพคท์

Tata Motor

 

ราชาตลาดรถยนต์อันดับ 3 รองจาก Hyundai ย่อมแสดงอภินิหารความบ้าบิ่นออกมาทุกครั้งเมื่อมีงานแสดงรถยนต์ในอินเดียจนกลายเป็นโรคประจำตัวของแบรนด์นี้ไปแล้ว ปีนี้ต้องไม่พลาดกับการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ถึง 3 รุ่นรวดด้วยกัน เอากับ Ratan Tata เขาสิครับ

 
 

รุ่นแรก Tata Aria มองแว้บแรกก็รู้ได้ทันทีเลยว่ารถคันนี้แหล่ะที่จะมาต่อกรกับ Toyota Innova ที่เป็นรถชาวอินเดียชอบเรียกว่า MUV ซึ่งจริง ๆ มันก็คือ MPV ที่ชาวโลกเขาเรียกกันล่ะครับ รูปลักษณ์ Tata Aria ถูกออกแบบด้วยแนวคิดของ Tata สมัยใหม่เส้นสายต่าง ๆ จึงได้เห็นกับรถรุ่นต่าง ๆ ได้แก่ Indica Vista และ Indigo Manza

 
 

แนวคิดของ Aria เขาบอกว่าเป็นรถอเนกประสงค์สำหรับครอบครัวใหญ่ที่มีบุคลิกคล้าย ๆ SUV สังเกตจากใต้ท้องรถที่สูงจากพื้นถนนมาก แบบนี้ผมถือว่าเป็นรถครอสโอเวอร์เพิ่มมูลค่าสินค้าได้เลยนะเนี่ย  ส่วนเครื่องยนต์หมดห่วงเพราะใช้เครื่องดีเซล 2.2 ลิตรบล๊อกเดียวกับ Tata xenon ในบ้านเรา

 
 

ภายในน่าจะเป็นไฮไลต์เด็ดเพราะมันดูปลอดโปร่งมากและดีไซน์ภายในออกแนวรถยุโรป ถ้าเรียกันตามตรง ๆ เลยมันเหมือนรถในสังกัด Land Rover มากพอดู อันที่จริงก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่านักเพราะ Tata Motor ก็เป็นบริษัทแม่ของ Land Rover ครับ

Tata Aria สนนราคาที่ 7 แสนรูปีย์สถึง 1 ล้านรูปีย์ส รุ่นนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยทีเดียว

 
 

คันต่อมาคือรถตู้เล็กหน้าตาประหลาดมีชื่อว่า Tata Magic Irsi ชื่อไฮโซมากกว่าตัวรถอีกแต่กระนั้น Tata พัฒนาเพื่อมาแทนที่รถตุ๊ก ตุ๊ก 3 ล้อในบ้านเมืองเขา หน้าตาก็คล้าย ๆ รถ ตุ๊ก ตุ๊ก ในเมืองไทยนี่ล่ะครับ เพียงแต่บ้านเมืองเขานำรถแบบนี้เป็นรถบรรทุกคนและมีห้องเก็บสัมภาระเยอะด้วย ครั้นจะไปซื้อรถเก๋งอเนกประสงค์ก็แพงน่าดู

Ratan Tata จึงมีวิสัยทัศน์กว้างไกลว่า เราก็ควรจะพัฒนารถรุ่นใหม่ราคาต่ำ ๆ ให้ลูกค้าชาวอินเดียเปลี่ยนพฤติกรรมจากการซื้อรถ 3 ล้อที่ทั้งไม่ปลอดภัย ไม่ค่อยกันแดดกันฝนนัก (รถ 3 ล้อพวกนี้มีแต่หลังคาผ้าใบ กันแดดพอได้ แต่กันฝนนั้นคงจะไม่รอด)

 
 

ฉะนั้น รถรุ่นนี้ก็เป็นการต่อยอดแนวความคิดจาก Tata Nano มาอีกทีหนึ่ง ถ้าให้พูดง่าย ๆ มันก็คือ Tata Nano เวอร์ชันรถตู้คงไม่ผิดนัก รถรุ่นนี้วางเครื่องยนต์ 611 ซีซี 11.2 แรงม้า (อย่าหวังความแรงมาก) ตั้งราคาขายแพงกว่า Tata อีกเท่าตัว

 
 
 

รุ่นสุดท้าย Tata Venture รถตู้ขนาดกลางที่พัฒนาจากพื้นฐานกระบะขนของขนาดเล็ก Tata Ace ดีไซน์ทั้งคันถือว่าดูดีไม่เลวเลย  ซึ่งเราไม่แน่ใจว่าจะมีแนวโน้มนำเข้ามาไทยหรือไม่

 
 

นอกจากนี้ Tata ยังอวดรถต้นแบบ Tata Indica EV และรถรถต้นแบบ รถตกแต่งพิเศษรุ่นอื่น ๆ อีกด้วย


Toyota

 

ยักษ์ใหญ่อันดับ 1 ของโลกแต่ไม่ใช่อันดับ 1 ในตลาดอินเดียต้องการเบ่งส่วนแบ่งการตลาดให้แตะ 10% ภายใน 1 ปี ก็ถือว่าอหังการข้ามหน้าข้ามตาพอสมควร แต่ก็ถือว่ามีเหตุผลเพราะ Toyota เป็นเจ้าใหญ่ในเอเชีย ๆ หลายประเทศ และส่วนแบ่งการตลาด Toyota ในอินเดียน้อยขนาดนี้ญี่ปุ่นคงไม่ยอม

 
 

ไม่รอช้า Toyota จึงเร่งเปิดตัว Etios รถยนต์ต้นทุนต่ำเปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ประเทศอินเดียในงาน New Delhi Auto Expo 2010 มางวดนี้เอาให้กระหึ่มไปเลย Toyota จึงขอเปิดตัวทั้ง 4 และ 5 ประตูด้วยกัน

 

คุณสมบัติที่โดดเด่นของ Toyota Etios คือเป็นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยการออกแบบที่ล้ำหน้าบ่งบอกสถานะเจ้าของ ห้องโดยสารกว้างขวางรวมไปถึงพื้นที่ห้องสัมภาระที่มากพอสมควร การขับขี่ทั้งนุ่มนวลทั้งแรง และประหยัดน้ำมัน หมดกังวลค่าใช้จ่ายต่าง ๆ เพราะรถคันนี้ถูกประกอบโดยใช้ชิ้นส่วนภายในประเทศที่ต้นทุนต่ำที่สุด

 
 

ขุมพลังที่ Toyota คัดสรรติดตั้งให้กับ Etios แบ่งเป็นเวอร์ชันซีดานจะติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ 1.5 ลิตร ส่วนรุ่นแฮทช์แบคจะติดตั้งเครื่องยนต์ใหม่ 1.2 ลิตร  

Toyota ตั้งใจให้ Etios เป็นรถราคาไม่แพงสำหรับตลาดประเทศกำลังพัฒนาอย่างแท้จริงจึงมอบหมายให้คุณ Yoshinori Noritake เป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ โดยคุณ Yoshinori Noritake จะต้องเรียนรู้ความเป็นอยู่ของชาวอินเดียและเก็บข้อมูลจากลูกค้าโดยตรงมานาน มากกว่า 4 ปีเต็ม และใช้วิศวกรร่วมกันพัฒนามากกว่า 2,000 ชีวิตเพื่ออุทิศให้รถ Etios ด้วยจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการเป็นรถยนต์คุณภาพที่ทำให้ผู้ใช้มีความสุขและ คุณภาพชีวิตดีขึ้น

 
 

จับตาดูรถคันนี้ให้ดีเพราะมีข่าวแว่ว ๆ ว่ารถโครงการ EFC จะมาแทนที่โครงการ Yaris ซึ่งในอนาคตมีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะไม่นำ Yaris ตัวต่อไปมาประกอบในบ้านเรา จับตาดูให้ดีครับ

Volkswagen

 

ยักษ์ใหญ่ค่ายรถเยอรมันจริงจังกับตลาดอินเดียอย่างมาก ก็เพราะผลพวงความสำเร็จของตลาดจีนที่เคยบุกและสยายปีกอย่างแข็งแกร่งมาแล้ว Volkwagen จึงตัดสินใจสร้างงานแห่งใหม่ในเมืองฉกรรจ์แล้วเสร็จภายในปีนี้รุ่นแรกที่จะคลอดสายการผลิตนั่นคือ Polo รถซับคอมแพคท์รุ่นใหม่ล่าสุด

 
 

และที่น่าอิจฉาคนอินเดียยิ่งกว่าเมื่อ Volkswagen เลือกประเทศอินเดียเป็นประเทศแรกของโลกเปิดตัว Polo ตัวถังซีดาน เพราะความหวังของ Volkswagen คือการมีแชร์ 10% ภายใน 4 ปีนี้

 
 

ทั้งหมดนี้คือไฮไลต์เด็ดในงาน New Delhi Auto Show 2010 ที่ยิ่งใหญ่กว่าทุกครั้ง งานนี้ต้องยกความดีให้กับอุตสาหกรรมยานยนต์ในอินเดียและผู้จัดงานที่เกี่ยวข้อง และงานครั้งต่อไปก็นับนิ้วได้เลยอีก 2 ปีคือปี 2012 เมื่อนั้นตลาดรถยนต์อินเดียคงจะร้อนแรงเหมือนอาทิตย์ที่แผดเผา

ผมเชื่อว่าการจัดงานประจำปี 2012 น่าจะขึ้นแท่นแซงงานจัดแสดงรถยนต์บางประเทศเสียด้วยซ้ำ ก็เมื่อบ่อเงินบ่อทองอยู่ในอินเดียแล้วนี่ครับ จับตาดูไว้ให้ดี ๆ