อันที่จริง Nissan Altima ทำยอดขายในตลาดรถยนต์สหรัฐอเมริกาลำดับที่ 3 ต่อจาก Toyota Camry และ Honda Accord ก็ถือว่าได้รับความนิยมไม่เลว หนำซ้ำยังเป็นรถที่ครองใจคนอเมริกันในฐานะเป็นรถใหม่ที่คนนำมาแลกเป็น Nissan Altima ก็ไม่น้อยเหมือนกัน

แม้ยอดขายยังอยู่ในระดับรับได้แต่เมื่อผ่านกาลเวลาไปกว่า 3 ปีแล้วก็จำเป็นต้องเพิ่มความสดใหม่ให้กับสินค้าของตนเองตามฤดูกาลเพื่อให้ตนเองโดดเด่นอยู่ตลอดเวลา

 
 

Nissan Altima รุ่นปรับปรุงโฉมใหม่จึงตอบโจทย์ข้อนี้ได้อย่างดี แถมยังเปิดตัวครบทุกบอดี้ไม่มีกั๊ก รูปลักษณ์ภายนอกของเวอร์ชันซีดานถูกปรับปรุงกระจังหน้าทรงใหม่ที่ดูเฉียบคมและเพิ่มความหรูหรามากขึ้น กันชนหน้าใหม่ ฝากระโปรงหน้าเพิ่มความโหนกนูนไม่แพ้รถสปอร์ต ปรับปรุงรายละเอียดไฟท้ายเล็กน้อย และลายล้อแมกซ์ที่ดูสดใสมากขึ้น

 

ส่วนตัวถังคูเป้ลงทุนถึงขั้นเปลี่ยนทรงไฟหน้าเล็กน้อยบริเวณมุมล่างบริเวณไฟเลี้ยวตัดมุมมนกลายเป็นมุมแหลมมากขึ้น ส่วนบริเวณมุมล่างเฉียงใกล้กระจังกลับตวัดขึ้นเล็กน้อย แม้จะเปลี่ยนแค่เล็กน้อยแต่มันกลับดูลงตัวกว่าเดิม เพื่อให้สอดคล้องกันตลอดคันจึงต้องปรับปรุงกระจังหน้าลายใหม่ที่ดูสวยขึ้นกว่าก่อนปรับโฉม ที่สำคัญต้องดูดีกว่าเวอร์ชันซีดานด้วย กันชนหน้าใหม่มาแนวสปอร์ตเต็มขั้น ลายล้อแมกซ์ 5 ก้านลายใหม่ดูล้ำอนาคตมากขึ้น

 
 

ขุมพลังทั้งซีดานและคูเป้ยังยืนหยัดเครื่องยนต์รหัส QR25DE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,500 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผัน CVTCS 175 แรงม้า (HP) ที่ 5,600 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24.84 กิโลกรัมเมตรที่ 3,900 รอบต่อนาที

 
 

และบล๊อกใหญ่พลังแรงสุดรหัส VQ35DE V6 DOHC 24 วาล์ว 3,500 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผัน CVTCS 270 แรงม้า (HP) ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 35.60 กิโลกรัมเมตรที่ 4,400 รอบต่อนาที

ทั้งคู่ถูกจับคู่ด้วยเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ XtronicCVT เท่านั้น

ส่วนระบบ Hybrid ที่ขอยืมกลไกบางอย่างจาก Toyota มาปรับใช้เป็นของตนเองมีเฉพาะเวอร์ชันซีดานเท่านั้น อนาคตเราคงจะได้เห็นระบบ Nissan Hybrid แท้ ๆ มาวางจำหน่ายเป็นของตนเองในไม่ช้าครับ

 
 

ระบบ Altima Hybrid ประกอบด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายใน QR25DE 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,500 ซีซี พร้อมวาล์วแปรผัน CVTCS ถูกลดทอนกำลังลงเหลือ 158 แรงม้า (HP) ที่ 5,200 – 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดเหลือ 22.35 กิโลกรัมเมตรที่ 2,800 – 4,800 รอบต่อนาที ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าแบบแม่เหล็กไฟฟ้าถาวร 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 27.46 กิโลกรัมเมตร กำลังไฟสูงสุด 650 โวลต์ เก็บประจุด้วยแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดรายด์แบบเดียวกับ Toyota Camry Hybrid จับคู่ด้วยเกียร์ ECVT เท่านั้น

นอกจากจะปรับปรุงรูปโฉมแล้วยังปรับปรุงรายละเอียดสิ่งละอันพันละน้อยอีกด้วย ได้แก่ ปรับปรุงคุณภาพเบาะผ้าและพื้นผิววัสดุภายในห้องโดยสาร,เปลี่ยนแปลงสีตัวถังมีให้เลือกมากขึ้น,ติดตั้งระบบ VDC ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานทุกรุ่น

 
 

อุปกรณ์อำนวยความสะดวกมีให้ครบครับตั้งแต่ เครื่องเสียงคุณภาพเยี่ยมจาก BOSE พร้อมลำโพงรอบคัน 9 จุด พร้อมหน้าจอสีขนาด 4.3 นิ้ว รองรับ USB Port ไว้เชื่อมต่อกับเครื่องเล่น ipod และวิทยุผ่านเครือข่ายดาวเทียม XM Radio

 
 

หากยังไม่จุใจ Nissan ก็จัดชุดใหญ่ด้วยชุดเครื่องเสียงที่ติดตั้งฮาร์ดดิสก์ 9.3 GB สามารถบรรจุเพลงตามใจชอบ สั่งการผ่านหน้าจอสัมผัสขนาด 6.5 นิ้วความละเอียด VGA 640×480 พิกเซล พร้อมระบบนำทางในตัวที่สามารถขอใช้บริการรายงานการจราจรผ่านดาวเทียมได้ ทั้งยังรองรับ Bluetooth,เครื่องเล่น DVD และช่องต่อ AUX อีกด้วย

Nissan Altima Minorchange ทุกรุ่นทุกตัวถังจะถูกส่งขึ้นโชว์รูมทั่วสหรัฐอเมริกาภายในวันที่ 5 ตุลาคมนี้สนนราคาที่ไม่แพงกว่าเดิมนัก