ชื่อ Vanette ในไทยบางท่านอาจจะคุ้น ๆ หูอยู่บ้างไม่มากก็น้อยถ้าคนอายุ 35 ขึ้นไปหรือใครยังจำความกันได้ สยามกลการเคยนำเข้ามาเพื่อประกบกับ Toyota Liteace ด้วยกันมาแล้วเมื่อสมัย 20 ปีก่อนที่นิสสันยังครองความยิ่งใหญ่อยู่ อาศัยจุดเด่นของขนาดที่เล็กสามารถขนของในเมืองได้คล่องตัวกว่าหรือจะดัดแปลงเป็นรถโดยสาร 3 แถวก็ยังได้ แต่จนแล้วจนรอดยอดขายก็ไม่ประสบความสำเร็จรวมไปถึงคู่แข่งด้วยเพราะราคาห่างจาก Nissan Urvan ไม่มากนักแต่ขนาดใหญ่กว่า เครื่องแรงกว่าทำให้ดูไม่คุ้มค่ามากนัก

ตระกูล Vanette ถูกทำออกมาเพื่อเป็นรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กระดับใกล้เคียง Sub-compact (ไม่มีมาตรวัดที่ชัดเจนเหมือนรถยนต์นั่งมากนัก แต่แนวคิดต้องเป็นรถที่เล็กระดับหนึ่งไม่ใช่เล็กจิ๋วแบบเคคาร์) เปิดตัวโฉมแรกในปี 1978 รหัสตัวถัง C120 จำหน่ายทั่วโลกแม้แต่อเมริกาเหนือ เจเนเรชั่นที่สองรหัสตัวถัง C22 ปี 1985 มาแนวทันสมัยขึ้นซึ่งเป็นโฉมเดียวกับที่เคยนำเข้าขายในไทยมาก่อน

จุดเปลี่ยนของตระกูล Vanette คือนิสสันคิดอยากแตกย่อยตระกูลนี้ออกไปสู่เป็นรถตู้เพื่อขนคนที่อิงพื้นฐานจากรถเก๋งกลายเป็นตระกูลใหม่ Serena รหัสตัวถัง C23 ในปี 1991 ทรงโค้งมนล้ำสมัยมากรุ่นหนึ่ง ใส่เทคโนโลยีรถขนคนระดับเล็กไม่ยั้งเป็นรุ่นบุกเบิกรถทรงตู้ขนคนในญี่ปุ่น สยามกลการเคยนำเข้ารุ่นนี้มาจำหน่ายเช่นกัน

ขณะที่ C22 ยุติการผลิตปี 1994 ทำให้นิสสันขาดแคลนรถตู้หน้าตัดสั้นขนาดเล็กทันที หากจะออกแบบผลิตใหม่ก็ไม่แน่ใจว่าประสบความสำเร็จหรือเปล่า จึงต้องซื้อรถตู้ขนาดเล็กจาก Mazda รุ่น Bongo มาประทับตราแทนในปัจจุบันทำตลาดเฉพาะในญี่ปุ่นเท่านั้น

ช่องว่างที่มองเห็นข้างหน้าต้องมีรถตู้ขนาดเล็กที่สามารถขนของและดัดแปลงให้เป็นรถขนคนได้อย่างไม่น่าเกลียด รูปทรงต้องสวยสมัยนิยมสไตล์ยุโรปไม่ใช่หน้าตัดสั้น สามารถส่งขายทั่วโลกได้จึงเป็นที่มาของ NV200 หากจำหน่ายในญี่ปุ่นจะใช้ชื่อ NV200 Vanette เพื่อบ่งบอกว่าเป็นตระกูลรถตู้ขนาดเล็กได้เป็นอย่างดี ส่วนตลาดยุโรปจะมาแทนที่ Nissan  Kubistar ซึ่งเอารถ Renault Kangkoo โฉมที่แล้วมาแปะตราของตนเอง

จุดเด่นของ NV200 คือการออกแบบภายนอกสวยดูดี ไม่แข็งทื่อเหมือนรถเพื่อการพาณิชย์ขนาดเล็กรุ่นอื่น ๆ ขนาดจัดอยู่ในระดับ 5 Number ของญี่ปุ่นทำให้เสียภาษีไม่แพง แม้ว่ารูปทรงจะไม่ปราดเปรียวมากแต่ภายในมีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุดในคลาส เครื่องยนต์ HR16DE ประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 14 กม./ลิตร โหมด 10-15  ขับขี่ง่ายเพราะใช้พื้นฐานของรถเก๋ง B-platform ร่วมกับ Tiida

 

การออกแบบภายในแม้จะไม่ดูหรูหราเหมือนรถยนต์นั่งแต่เน้นความปลอดภัยและนั่งสบาย นิสสันเคลมว่าท่าตำแหน่งคนขับและพวงมาลัยถูกจัดให้เหมือนรถเก๋งมากที่สุด หลายคนสงสัยว่ามันเป็นจุดเด่นอย่างไร? หลายท่านน่าจะเคยนั่งพวกรถตู้หรือมินิแวนสูง ๆ ท่านั่งส่วนใหญ่จะเหมือนขับรถบรรทุกมากกว่ารถเก๋งทำให้ความคล่องในการบังคับเลี้ยวลดลงไปนั่นเอง

ช่วงล่างแม้จะใช้พื้นฐานจาก B-platform แต่ก็ถูกปรับปรุงให้รองรับน้ำหนักบรรทุกได้มากขึ้น กันสะเทือนหน้าแบบแมคเฟอสันสตรัทพร้อมโช๊คอัพที่ดูดซับแรงสะเทือนดีขึ้น แต่ด้านหลังถูกเปลี่ยนจากทอร์ชันบีมเป็นแหนบแข็งแทน เน้นรองรับน้ำหนักบรรทุกสัมภาระแต่ปรับจูนให้นิ่มนวลให้ความมั่นใจในการขับขี่

ตั้งราคาจำหน่ายตั้งแต่ 1,572,900 – 1,899,450 เยน
ตั้งเป้าจำหน่ายที่ 1,300 คัน/เดือนในญี่ปุ่น