Nissan Qashqai กลายเป็นตำนานหน้าใหม่ของ Nissan ยุคใหม่ที่เล่าต่อกันยาว ๆ ถึงรุ่นลูกรุ่นหลานกันเสียแล้ว เมื่อ Nissan เพิ่งประสบความสำเร็จในการตีตลาดยุโรปแตกละเอียดอีกครั้งในรอบ 15 ปีนี้หลังจาก Nissan Micra เจเนเรชั่นที่ 2 ทำตลาดในยุโรปปี 1992 และได้รับความสำเร็จมากมายทั้งกล่อง(รางวัล คำชื่นชม) ยอดขาย และรายได้

แต่รถยนต์นั่งในสายการผลิตอื่น ๆ ของ Nissan ช่วงนั้น ได้แก่ Almera ในตลาด C-segment  และ Primera D-segment กลับมียอดขายแค่พอเอาตัวรอดได้ในระดับที่แบรนด์รถญี่ปุ่นส่วนใหญ่จะพอมีที่ยืนในตลาดยุโรป แม้ Nissan จะพยายามปรับเปลี่ยนแนวคิด Primera ให้ล้ำสมัยสุดในปี 2001 แต่กลับไม่ประสบความสำเร็จเท่ากับ Primera รุ่นก่อน ๆ จนต้องถอนจากตลาดในปี 2006 หรือแม้กระทั่ง Almera โฉม N16 (โฉมเดียวกับ Sunny Neo) ก็ยังไม่โดดเด่นมากพอที่จะทำให้ยอดขาย Nissan ขึ้นอยู่แถวหน้าในตลาดยุโรปได้

 
 

ปัญหายอดขายรถยนต์ญี่ปุ่นในยุโรปเปรียบเสมือนพายเรือวนในอ่างที่แก้เท่าไรก็ไม่หาย จนบริษัทรถยนต์แทบทุกค่ายจะต้องพัฒนารถยนต์บางรุ่นเอาใจความต้องการคนยุโรปเป็นที่ตั้งจนประสบความสำเร็จได้ ยกตัวอย่าง Toyota Yaris รุ่นปี 1999 สามารถคว้ายอดขายรถยนต์ยอดเยี่ยมในยุโรปปี 2000 และเอาคว้ายอดขายได้มากถึงปีละเกือบ 2 แสนคันโดยเฉลี่ย เป็นต้น

 
 

Nissan เองก็มีปัญหาอย่างหนักกับตลาด C – segment ของตนที่ยังสู้คู่แข่งขันในตลาดยุโรปไม่ได้เสียที คราวนี้เลยเปลี่ยนวิธีคิดใหม่โดยการพัฒนารถรุ่นใหม่ที่มาแทนที่ตลาดดั้งเดิมโดยหันไปหาตลาด Crossover ระดับ C-segment นามว่า Qashqai แล้วทำราคาคร่อม C – D Segment แทนเพราะเชื่อว่าเทรนด์ต่อไปของรถระดับนี้ต้องมาแรงในยุโรป (เมื่อเทียบราคา SUV ระดับคอมแพคท์ส่วนใหญ่ตั้งราคา “ทับ” กับ รถ D-segment ทั่วไปเสมอ) ผลที่ได้คือมียอดขายสะสมตั้งแต่ปี 2007-ปัจจุบัน ร่วม 5 แสนคันแล้วเป็นยอดขายที่มากกว่า Almera และ Primera มารวมกันเสียอีก นั่นเป็นเพราะว่า Qashqai สามารถดูดลูกค้า C-segment ดั้งเดิม,Compact SUV และ D-segment มาได้สำเร็จครับ

 
 
 

เมื่อตลาด Crossover ระดับ C-segment ประสบความสำเร็จแล้วคิวต่อคือรถ Crossover ระดับ B-segment ย่านราคาระดับเดียวกับ B-C Segment ที่ Nissan ต้องการตีตลาดให้บูมมากกว่านี้ แม้ว่าในตลาดยุโรปจะมีรถ SUV ขนาดเล็กขายมากหน้าหลายตา อาทิเช่น Daihatsu Terios,Suzuki Jimny หรือกระทั่ง Crossover กลายพันธุ์ก็ยังมีแค่ 2 รุ่นได้แก่ Suzuki SX4 และ Toyota Urban Cruiser ที่นำเอา Toyota IST จากญี่ปุ่นมาขายทั้งดุ้น

หากเจาะลึกถึงตลาด Crossover B-segment ในยุโรปแล้วช่องว่างทางการตลาดก็แทบจะยังว่างอยู่มาก เมื่อเราดูคู่แข่งหลัก ๆ อย่าง Suzuki SX4 ก็สามารถทำยอดขายได้ค่อนข้างดีเพราะราคาอยู่ในย่าน B-segment และ Suzuki เน้นการทำตลาดไปในทางรถเก๋งมากกว่า Crossover ส่วน Toyota Urban Cruiser นั้นกลับมีราคาเท่ากับ Toyota Auris ที่เป็นรถขนาด C-segment แท้ ๆ ถือว่าค่อนข้างแพงและยอดขายก็ไม่ถึงกับดีนัก

 
 
 

และอีกสาเหตุสำคัญคือ Nissan Micra รุ่นต่อไปจะย้ายฐานการผลิตไปยังอินเดียและถูกส่งนำเข้ามาทำตลาดในยุโรปแทนที่จะประกอบในประเทศอังกฤษเหมือนเคย ทำให้ Micra รุ่นต่อไปจะมีราคาจำหน่ายที่ถูกลงไปอีกระดับทำให้มีช่องว่างราคาห่างจาก Nissan Note เข้าไปอีก การมี Crossover B-segment ของ Nissan น่าจะเป็นช่วงที่ถูกที่ถูกเวลามากที่สุด

Nissan จึงซุ่มพัฒนา Crossover ระดับ B-segment โดยประกาศให้โลกรู้ผ่าน Qazana Concept ในงานเจนีวา มอเตอร์โชว์ปีนี้ มาในมาด SUV ผสมกับรถสปอร์ตคูเป้ชื่อดัง 370Z ที่สำคัญยังกล้านำรถแนว Buggy มาผสมในรถคันนี้อีกด้วย แค่ผู้ชมเห็นรถต้นแบบครั้งแรกก็น่าจะแบ่งได้ 2 กลุ่มคือไม่รักก็เกลียดเลย

 
 

แม้การดีไซน์ Qazana ปฏิวัติวงการออกแบบจนซุ่มเสี่ยงต่อความสำเร็จไม่น้อย แต่ Nissan เปิดเผยว่า Qazana เป็นรถยนต์รุ่นแรกเพื่อก้าวไปสู่แบรนด์ Nissan ยุคใหม่ที่เป็นรถที่มีรูปลักษณ์ดึงดูดใจและเร้าอารมณ์มากกว่าเดิม (ผมขอคาดเดาว่าขั้นตอนการพัฒนา Qazana น่าจะเริ่มต้นในช่วงไตรมาส 3 ของปี 2006 และรถยนต์รุ่นต่อ ๆ ไปที่พัฒนาหลังจากนั้นคาดว่าน่าจะมีพัฒนาการความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นอีกระดับ)

Nissan มั่นใจว่ารถแนวทางการออกแบบ Qazana อันนำไปสู่การออกแบบรถยุคใหม่ของ Nissan จะประสบความสำเร็จเพราะ Nissan ใกล้ชิดกับตลาดและลูกค้าเพื่อตอบสนองความต้องการอย่างแท้จริง

เพื่อเป็นการยืนยันว่า Nissan กล้าฉีกแนวการออกแบบจริงเราจึงขอนำเสนอภาพแอบถ่าย Nissan Qazana ขณะวิ่งทดสอบบนทะเลสาบที่จับตัวเป็นน้ำแข็งในประเทศสวีเดน ซึ่งภาพทั้งหมดค่อนข้างชัดเจนแล้วว่าแทบจะไม่แตกต่างจากต้นแบบเลย หนำซ้ำรถคันจริงยังจะดูลงตัวกว่าคันต้นแบบอีกต่างหาก

Nissan Qazana เวอร์ชันผลิตจริงปรับปรุงให้เป็นรถที่พร้อมจะวางขายได้มากกว่าคันต้นแบบที่เห็นได้ชัดคือบานประตูทั้ง 4 บานกลายเป็นประตูเปิดแบบปกติทั่วไปมิใช่ประตูตู้กับข้าว,กระจังบังลมหน้าและหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้น,บั้นท้ายของรถที่ลดความกลมลง ส่วนตำแหน่งไฟหน้าและกระจังหน้าทรงแปลกใหม่และไฟท้ายทรง L ยังคงเหมือนกับรถต้นแบบทุกประการ

 
 

รายละเอียดทางเทคนิคทราบแต่เพียงว่าถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง B-platform ร่วมกับ Nissan Cube รุ่นใหม่ ส่วนระบบขับเคลื่อนสี่ล้อที่จะติดตั้งใน Qazana จะเป็นรุ่นใหม่ที่สามารถกระจายแรงบิดอิสระ 4 ล้อได้

กำหนดการณ์เปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Geneva Motorshow 2010 และวางขายครั้งแรกในยุโรปเดือนตุลาคม 2010 ส่วนประเทศไทยและอาเซียนมีโอกาสสัมผัส Qazana แน่นอนเพราะ Nissan เล็งเห็นช่องว่างตลาดรถ Crossover/SUV ราคาระดับ 6-8 แสนบาทในภูมิภาคนี้มีการขยายตัวสูง อีกทั้งสามารถอุดช่องว่างในตลาด B-segment Hatchback ขนาด 1.5 ลิตรที่มีราคาระดับกลางถึงบนได้อีกด้วย

ที่มาของภาพและข่าว : Worldcarfans และ Car Magazne