เมื่อวันที่ 27 กรกฏาคมนี้บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัดเปิดตัว Toyota Camry Hybrid เปิดตัวครั้งแรกในเอเชียก่อนประเทศจีนและญี่ปุ่นกระตุ้นตลาด D-segment สนนราคาตั้งแต่ 1,599,000 บาท ถึง 1,779,000 บาทเพิ่มจากรุ่นสันดาปภายในแค่ 70,000 ถึง 100,000 บาท ตั้งเป้าภายในสิ้นปีนี้ถึง 4,000 คัน

นายเคียวอิจิ ทานาดะ กรรมการผู้จัดการใหญ่บริษัทโตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ผลิตรถคัมรี่ ไฮบริดประเทศแรกในเอเชียนอกเหนือประเทศญี่ปุ่น เรามีความพร้อมสำหรับบริการหลังการขายที่ถูกฝึกฝนอบรมอย่างดีก่อนวางจำหน่าย เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าจึงรับประกันคุณภาพรถนาน 3 ปีหรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันแบตเตอรี่พิเศษนานถึง 5 ปีไม่จำกัดระยะทางขณะที่อายุการใช้งานมากถึง 10 ปี หากเสื่อมอายุบริษัทรับภาระกำจัดแบตเตอรี่ทั้งหมด

นายยูกิฮิโระ โอกาเน หัวหน้าวิศวกร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า แนวคิดหลักการ 4 ข้อ คือ การรักษาสิ่งแวดล้อมโดยลดการปล่อยไอเสีย,การประหยัดน้ำมันด้วยพลังขับเคลื่อนจากมอเตอร์ไฟฟ้า,อัตราเร่งอย่างต่อเนื่องจากพลังของเครื่องยนต์ผสานกับมอเตอร์และความเงียบขณะที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานอย่างเดียว

คัมรี่ไฮบริด เวอร์ชันที่เห็นนี้ ถูกออกแบบ และปรับปรุงให้เป็นเวอร์ชันสำหรับตลาดอาเซียนและเอเชีย โดยเฉพาะ แตกต่างจากเวอร์ชันอเมริกัน ที่ออกายกันมาตั้งแต่ปี 2006 สังเกตจากรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูโดดเด่นและล้ำสมัยกว่าคัมรี่ รุ่นปกติทุกมุมมอง อีกทั้งยังมีทดสอบการขับขี่ ภายใต้อากาศที่ร้อนและการจราจรที่ติดขัดในบ้านเราหลายปีแล้วดังนั้น โตโยต้าจึงมั่นใจว่าคัมรี่ ไฮบริด พร้อมแล้วสำหรับตลาดเมืองไทย

Camry Hybrid วางขุมพลังไฮบริด THS II หรือ Hybrid Synergy Drive รุ่นปัจจุบันด้วยเครื่องยนต์เบนซิน Atkinson-Cycle รหัส 2AZ-FXE (ไม่สามารถดัดแปลงให้ใช้พลังงาน CNG และ LPG ) ขนาด 2.4 ลิตรกำลังสูงสุด 110 กิโลวัตต์หรือ 150 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิด 187 นิวตันเมตรผสานกับมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูง 105 กิโลวัตต์ แรงบิด 270 นิวตันเมตร หากสองขุมพลังนี้ร่วมทำงานจะรีดแรงม้าถึง 140 กิโลวัตต์หรือ 190 แรงม้า ที่ 6,500 รอบต่อนาที แรงบิดผสานกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้า ผ่านมาตรฐานค่าไอเสียยูโร 4 ก่อนบังคับใช้ปี 2555 (ถือว่าตัวเลข แรงกว่าเวอร์ชันอเมริกัน แต่ท็อปสปีดของเวอร์ชันไทย จะถูกล็อกเอาไว้เพียงแค่ 170 กิโลเมตร/ชั่วโมง เท่านั้น!)

การขับเคลื่อนรถต้องมีจุดตั้งต้นจากพลังงานไฟฟ้าจากชุดมอเตอร์ไฟฟ้าที่ประกอบด้วย
-Motor Generator 1 สร้างกระแสไฟฟ้าจ่ายให้มอเตอร์ขับเคลื่อนและเก็บไว้ในแบตเตอรี่
-Motor Generator 2 ทำหน้าที่ขับเคลื่อนรถยนต์โดยใช้ไฟจาก MG1 และสร้างประจุไฟเพิ่มหากชะลอความเร็วหรือการเบรกเก็บไว้ในแบตเตอรี่

การออกตัวพลังแรงบิด 270 นิวตันเมตรจากมอเตอร์ไฟฟ้าก็มาฉับพลัน เมื่อเริ่มขับเคลื่อนด้วยความเร็วคงที่เครื่องยนต์จะทำงานผสานกันกับมอเตอร์ไฟฟ้าโดยมีอุปกรณ์แบ่งกำลัง (Power Split Device) ทำหน้าที่ตัดต่อส่งพลังงานต่อไปที่เฟืองท้ายเพื่อการขับเคลื่อนและสร้างกระแสไฟฟ้าเก็บไว้ในแบตเตอรี่

ชุดอินเวอร์เตอร์ แปลงกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่เป็นกระแสสลับความดันสูง 650 โวลต์สำหรับการขับเคลื่อน และแปลงกระแสไฟฟ้าลงเพื่อนำที่ได้จาก Motor Generator เก็บไว้ในแบตเตอรี่

แบตเตอรี่ไฮบริดชนิด Nickel-Metal Hydride ติดตั้งบริเวณชิดเบาะหลังซึ่งเป็นตำแหน่งที่ปลอดภัยเมื่อเกิดอุบัติเหตุ และระบายอากาศจากลมหมุนเวียนห้องโดยสารลงสู่แผงแบตเตอรี่ พร้อมหุ้มฉงวนไฟฟ้าป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร อายุการใช้งานยาวประมาณ 10 ปีโดยไม่จำเป็นบำรุงรักษาพิเศษนักแค่ขับใช้งานประจำวันประจุไฟฟ้าก็คงอยู่ครับ หรือหากจอดทิ้งไว้นาน 3 เดือนก็ควรแล่นออกเสียบ้างมิให้แบตเตอรี่คลายประจุ ส่วนแบตเตอรี่เสริมสำหรับจ่ายไฟให้กับ ECU และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่น ๆ

คัมรี่ไฮบริดให้ประสบการณ์การขับขี่ที่เงียบเมื่อเริ่มต้นออกตัวจนถึงขับขี่ความเร็วต่ำในเมืองเพราะใช้มอเตอร์ไฟฟ้าที่ทำงานเงียบมาก ๆ ตัวรถบุซับเสียงอย่างดีเหมือนรถยนต์ระดับหรูของตนเอง ขณะที่จอดรถรอสัญญาณไฟระบบจะตัดการทำงานอัตโนมัติ (Idle Stop) ลดการใช้พลังงานและลดเสียงรบกวนอีกระดับ

 

เพิ่มคุณภาพการขับขี่ให้เข้ากับพฤติกรรมคนไทยด้วยพวงมาลัยไฟฟ้าถูกปรับปรุงให้หนักแน่นเมื่อทะยานความเร็วสูงให้คุณรู้สึกสนุกและมั่นใจมากขึ้นกว่ารุ่นเครื่องยนต์ปกติ

ระบบความปลอดภัยเต็มพิกัดด้วยระบบจัดการรวมไดนามิคของตัวรถหรือ VDIM (Vehicle Dynamic Integrated Management) ที่ควบคุมการทำงานของระบบเสริมความปลอดภัยต่าง ๆ ในรถยนต์ ซึ่งเคยทำงานแยกกัน ให้มาทำงานร่วมอย่างมีประสิทธิภาพทั้งระบบเบรค ABS ระบบป้องกันการลื่นไถล TRC ระบบควบคุมการทรงตัว VSC ระบบพวงมาลัยไฟฟ้า EPS เพื่อสมรรถนะการขับขี่ทีดีขึ้นกว่ารุ่นมาตรฐานนิดหน่อย

ดีไซน์ภายนอกรถออกแบบแตกต่างจากตลาดอเมริกาเหนืออย่างมาก สนองรสนิยมลูกค้าชาวเอเชียและอาเซียนด้วยกระจังหน้า กันชน และโคมไฟหน้าใหม่ ล้ออัลลอยด์ 16 นิ้วลาย 10 ก้าน สีตัวถังสีฟ้าใหม่ Light Blue Mica Metallic เฉพาะคัมรี่ ไฮบริดเท่านั้น

แผนการตลาดคัมรี่ ไฮบริดครั้งนี้กลับมาทวงบัลลังก์ความเป็นผู้นำตลาด D-segment ด้วยภาพลักษณ์ผู้นำเทคโนโลยีเหนือใครสร้างความภักดีต่อตราสินค้าจนนำไปสู่ยอดขายอันดับ 1 อีกครั้ง ตามแผนกลยุทธ์การสื่อสารใหม่ว่า Intelligent Leader อัจฉริยภาพของผู้นำ สะท้อนอารมณ์ที่เหนือชั้นและเหตุผลที่หนักแน่นว่าทำไมถึงต้องเลือกรถคันนี้ พร้อมทั้งส่งคัมรี่ เครื่องยนต์ธรรมดารุ่นปรับปรุงโฉมเข้าสู่ตลาดพร้อมกัน

ราคาจำหน่ายคัมรี่รุ่นต่าง ๆ
3.5 Q 2,909,000 บาท
2.4 Hybrid (DVD และ Navigator) 1,779,000 บาท
2.4 Hybrid (DVD) 1,659,000 บาท
2.4 Hybrid (6CD) 1,599,000 บาท
2.4 G 1,449,000 บาท
2.0 G 1,269,000 บาท
2.0 E 1,214,000 บาท

ส่วนใครที่สงสัยเรื่องแบ็ตเตอรี ว่า รถลุยน้ำได้ไหม โตโยต้ายืนยันแล้วว่า ลุยน้ำได้เลย 35-50 เซ็นติเมตร หรือประมาณ ครึ่งคันรถ สบายๆ ส่วนแบ็ตเตอรี ยากนักที่จะพัง ยกเว้นช็อตตอนรถตกน้ำ ถ้าพัง โตโยต้าจะถอดเปลี่ยนของใหม่ใส่เข้าไป ราคาแบ็ตเตอรีลูกใหญ่ประมาณ 9 หมื่นกว่าบาท (ถูกกว่า แบ็ตเตอรี พร้อมอินเวอร์เตอร์ ของอัลฟาร์ด ไฮบริด และพรีอุสรุ่นเก่าๆเยอะ) ส่วนของเก่าที่พังจะถูกส่งไปรีไซเคิล ที่ญี่ปุ่น โดยโตโยต้าจะรับผิดอบค่าใช้จ่ายเองทั้งหมด! ด้านค่าบำรุงรักษา ตกสรุปแล้ว ประมาณ 18,000 บาท พอกันกับคัมรีรุ่นปกติ

พินิจดูแล้วราคาเพิ่มขึ้นจากรุ่นไฮบริดแพงกว่าเดิมเพียง 7 หมื่นถึง 1 แสนบาทเท่านั้นแม้ว่าชิ้นส่วนสำคัญ 7 ชิ้นยังไม่สามารถตกลงกับกระทรวงคลังว่าจะลดลง 0% เมื่อไรแต่โตโยต้ายอมแบกรับภาระตรงนี้จนถึงสิ้นปีนี้เพื่อแลกกับยอดขายคัมรี่ไฮบริด 900 คันต่อเดือนและรุ่นธรรมดาอีก 300 คัน รวม 1,200 คัน อันดับ 1 ของตลาดอีกครั้งก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะนี่คือการปิดประตูตายคู่แข่งที่ไม่มีแผนผลิตไฮบริดแน่นอนภายใน 4 ปี งานนี้ใช้ความแข็งแกร่งของตนเองให้เป็นประโยชน์มาก เชื่อว่าเหตุการณ์ที่คัมรี่ทำยอดขายทิ้งห่างอันดับ 2 และ 3 หนึ่งเท่าตัวจะเกิดขึ้นในไม่ช้านัก

เมื่อยักษ์ใหญ่รุกใส่ตลาดอย่างจังแล้วคู่แข่งจะเตรียมรับมือกันอย่างไร? สำรวจดูแล้วต้องยอมรับความจริงว่าไม่สามารถป้องกันน๊อคครั้งนี้ได้ก็ต้องเสียส่วนแบ่งตลาดรุ่นเครื่องยนต์ 2.4/2.5 ลิตรรุ่นบนสุดไปให้โตโยต้าโดยปริยาย  ทำได้แค่กันพื้นที่รุ่นเครื่อง 2.0 และ 2.4 รุ่นล่างเท่านั้น

ปีหน้าน่าจะเป็นจังหวะเหมาะที่คู่แข่งรุกใส่แน่นอนอย่าง  Honda Accord ที่เตรียมปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ (รหัส 2PV) เพิ่มความน่าสนใจเล็กน้อยตามกาลเวลา Nissan Teana จะมีลูกเล่นพิเศษชุดภายในสีดำและตกแต่งพิเศษกระตุ้นตลาดหลังรุ่นใหม่ทำยอดขายดี และน้องเล็ก Hyundai Sonata ไม่รอปีหน้าหั่นราคารุ่น CNG เหลือ 8 แสนบาทเท่านั้นเอาตัวรอดระยะสั้นหลังโดน 3 ค่ายใหญ่กว่ารุมตีกินมานาน

ตลาด D-segment ดูจะสนุกสนานกว่าตลาด SUV แม้ยอดจำหน่ายรวมจะน้อยกว่าแต่คู่แข่งแต่ละรายงัดลูกเล่นป้องกันส่วนแบ่งแบบไม่คิดชีวิตหากประมาทโตโยต้าก็คงพลาดพลั้งไปอีกนานจนกว่าจะครบรอบโมเดลใหม่ถึงจะสู้ได้สมศักดิ์ศรีอีกครั้ง

เหลือเวลาอีกไม่นานนักเราก็ทราบกันว่าหมัดหนักของโตโยต้าจะกวาดตลาดได้กี่มากน้อยกัน และคนไทยเปิดใจยอมรับเทคโนโลยีไฮบริดที่ใช้ในเมืองนอกนาน 12 ปีได้แล้วหรือไม่ หากตั้งใจเปิดดูข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ตสักนิดต้องยอมรับว่าไฮบริดพัฒนาไปไกลเกินกว่าจะหวาดระแวงไร้สาระ ประเทศที่พัฒนาแล้วล้วนใช้งานเกิน 10 ปีได้ดี ลองคิดดูว่านี่มันเป็นรถยุคใหม่ที่ดีกว่ารถยุค 10 ปีก่อนแน่นอน หาข้อมูลให้มาก ๆ แล้วจงดูความจริงให้มากกว่าหวาดระแวงสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นครับ

และถ้าอยากรู้ว่า สมรรถนะเบื้องต้น เป็นอย่างไร พี่ J!MMY ได้มีโอกาสไปลองขับ และทำรีวิว Exclusive First Impression เป็นสื่อรายแรกในไทย เรียบร้อยแล้ว

เชิญคลิกอ่านได้ทันที ที่นี่ครับ 

 

————————————///————————————–