ความสำเร็จ Wish ในญี่ปุ่นด้วยยอดขายมากกว่า 5 แสนคันนับตั้งแต่เปิดตัวมกราคม 2003 ด้วยตัวรถที่ทั้งให้ความสปอร์ต,ความอเนกประสงค์และการขับขี่ที่สะดวกสบาย ไม่น่าแปลกใจว่าทำไมยอดขายในประเทศไทยจึงพุ่งกระฉูดเกินหน้าเกินตาคู่แข่งเช่นกัน

ไม่น่าเชื่อว่า Toyota Wish จะเป็นรุ่นที่โตโยต้า ประเทศไทยงัดข้อนำเข้ามาขายจนชนะคนญี่ปุ่นได้สำเร็จ ทั้ง ๆ ที่เป็นโมเดลสำหรับตลาดบ้านเกิดเท่านั้น น่านับถือความพยายามของทีมงานคนไทยอย่างยิ่งที่ทำให้คนไทยได้ใช้รถที่หลากหลายและตรงกับความต้องการมากกว่าจะยึดถือหัวโขนตามแบบคนญี่ปุ่น

ความสำเร็จตัวปัจจุบันถูกปรับปรุงให้ดีขึ้นในเจเนเรชั่นที่เปิดตัววันนี้ (2 เมษายน 2552) เพิ่มความสปอร์ต,ความอเนกประสงค์,ความสะดวกสบาย รวมทั้งเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ที่เป็นมิตรสิ่งแวดล้อมและความปลอดภัยเพิ่มขึ้นจากเดิมมากด้วยเพื่อให้สมกับชื่อรุ่นรถที่ทุกคนคาดหวัง แน่นอนว่าลูกค้ากลุ่มใหม่จะต้องเพิ่มขึ้นจากการปรับปรุงตัวรถเอาใจลูกค้าครอบครัวมากขึ้น

ดีไซน์ภายนอกถูกปรับปรุงให้ดูทันสมัยขึ้นได้รับอิทธิพลจาก Mark-x Zio และ Estima บางส่วนเน้นความนุ่มนวลพลิ้วไหวของเส้นสายแทนที่จะเน้นความแรงและดุดันจับกลุ่มลูกค้าเดิมและกลุ่มใหม่ที่เคยเมิน Wish เพราะเน้นความสปอร์ตมากเกินไป ภาพรวมถึงแม้จะไม่ Aggressive เหมือนรุ่นที่แล้วแต่เป็นเส้นสายที่มองได้นาน ๆ

ภายในถูกปรับปรุงให้อเนกประสงค์เพิ่มขึ้น คอนโซลกลางถูกออกแบบใช้งานรวมศูนย์ (Center Cluster) ปรับคุณภาพชิ้นส่วนให้ดูสวยงามมีราคามากขึ้น งานออกแบบบางส่วนได้แรงบันดาลใจปีกเครืองบิน บรรยากาศภายในดูผ่อนคลายไม่เร่งเร้าอารมณ์เหมือนกับรุ่นเดิมที่เป็นแนวสปอร์ตเต็มที่ หากใครหวังว่าจะมีช่องลมสำหรับผู้โดยสารตอนที่สามต้องบอกว่าผิดหวังแน่นอน

มีสีห้องโดยสารให้เลือกสองโทนคือสีดำ และสีสว่าง การพับเบาะแถวที่สองลำบากขึ้นเล็กน้อยเพราะต้องยกที่รองนั่งกระดกขึ้นก่อน

ไฮไลต์เด็ดคือเครื่องยนต์ใหม่ที่ล้ำหน้าสองบล็อกติดตั้งDual VVT-I + Valvemetic ที่ปรับระยะยกวาล์วได้เพื่อเพิ่มสมรรถนะและลดค่าไอเสียจับคู่กับเกียร์ Super CVT-I  ได้แก่
-เครื่อง 1.8 ลิตร 2ZR-FAE 144 แรงม้าที่6,400รอบต่อนาที แรงบิด 17.9 กก-ม.ที่4,400 รอบต่อนาที
รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าประหยัดน้ำมัน 16 กิโลเมตรต่อลิตร
-เครื่อง 2.0 ลิตร 3ZR-FAE 158 แรงม้าที่6,200 รอบต่อนาที แรงบิด 20.0 กก-ม.ที่4,400 รอบต่อนาที
รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้าประหยัดน้ำมัน 15.2 กิโลเมตรต่อลิตร

กำหนดราคาระหว่าง 1,840,000 เยน ไปจนถึง2,280,000 เยน ไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมาก ตั้งเป้าขาย 6,000 คันต่อเดือนตามสภาพตลาดที่ยอดขายลงเมื่อเทียบกับปี 2003 ส่วนใครที่รอลุ้นว่าจะมาประเทศไทยไหมคงได้รับคำตอบจากหลาย ๆ ฝ่าย ผมก็ยังยืนยันคำเดิมว่า คนไทยหมดสิทธิ์ครับ

 


ภาพบางส่วนจาก carview.co.jp