วอลโว เปิดตัว ครอสโอเวอร์ SUV รุ่นล่าสุด XC60 นำเข้าทั้งคันจากเบลเยียม
เปิดตัวในไทยแล้ว ด้วยราคา 3.999 ล้านบาท สร้างความเคลื่อนไหว
ให้ทุกคนยังคงรับรู้และเชื่อมั่นว่า วอลโว ยังคงทำตลาดอยู่ในเมืองไทย
และเป็นอีกราย ที่ยังไม่คิดจะหนีไปไหน

นอกจากนี้ ยังมีการประกาศ เปลี่ยนตัวประธานคนใหม่ ในประเทศไทย
โดย ลุงพอล สโตคส์ จะบินกลับไปรับตำแหน่งอื่นๆ ที่สูงขึ้นไป ณ บริษัทแม่ในสวีเดน

ส่วนผู้ที่จะมาแทนลุงพอล ไม่ใช่ใครอื่นไกล คือ คุณฉันทนา วัฒนารมย์ นั่นเอง
ซึ่ง Headlightmag.com คงต้องขอแสดงความยินดีกับทั้งคู่ด้วย

แต่เชื่อว่า คุณผู้อ่านคงอยากรับรู้เรื่องราวของ XC60 ใหม่กันมากกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
และข้างล่างนี้ คือข้อมูล โดยละเอียด ในเบื้องต้น ของ ครอสโอเวอร์ SUV คุ่นใหม่ของวอลโว รุ่นนี้

ตลาดรถยนต์อเนกประสงค์ ขนาดเล็กระดับพรีเมี่ยม กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
ผู้ซื้อจะมีรถยนต์ครอสโอเวอร์ให้เลือกอย่างน้อย 10 รุ่น  และคาดว่าภายในปลายปี 2009 นี้
ตลาดดังกล่าวจะเติบโตขึ้นอีก 75% เป็นปีละ 443,000 คันทั่วโลก แม้ว่าสภาพเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร
วอลโว ก็ยังเล็งเห็นศักยภาพการขยายตัวของตลาดกลุ่มนี้ อันเนื่องมาจากพฤติกรรมของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
พวกเขาเริ่มมองหารถยนต์ที่ มีรูปลักษณ์ ใกล้เคียงกับรถเก๋งมากขึ้น แต่ยังต้องความอเนกประสงค์
สมรรถนะอันดีเลิศ และความปลอดภัย อันเป็นเยี่ยม ในแบบที่พวกเขาเคยสัมผัสมาแล้วจากวอลโวรุ่นก่อนๆ

วอลโว่ XC60 เผยโฉมเป็นครั้งแรกในงานมอเตอร์โชว์นานาชาติที่เมืองเจนีวาเมื่อเดือนมีนาคม 2550
และหลังจากนั้นเป็นต้นมา วอลโว่ก็ได้ทุ่มเทอย่างเต็มที่ในการผลิตรถยนต์รุ่นนี้ออกสู่ตลาด

การแนะนำวอลโว่ XC60 รุ่นใหม่ล่าสุด นับเป็นการเพิ่มทางเลือกในตลาดรถครอสโอเวอร์ขนาดกลาง
ซึ่งเป็นตลาดเซ็กเมนต์ใหม่ ตามนโยบายระดับโลกประเทศไทยที่จะเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์  
ทั้งยังเป็นการสร้างคลื่นระลอกใหม่หลังจากการเปิดตัววอลโว่ C30 รถยนต์สปอร์ตคูเป้ขนาดเล็กไปแล้ว
ในประเทศไทยในไตรมาสแรกของปี 2008  

วอลโว่ XC60 ได้ยกระดับการออกแบบรถยนต์ครอสคันทรีขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการผสมผสมผสานรูปทรงของ
รถยนต์นั่งอเนกประสงค์ เข้ากับรถคูเป้  โดยยังยึดถือจารีตแห่งแนวเส้นสายอันเป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่
ที่ทั่วโลกคุ้นเคยกันดี จนกลายเป็น รูปลักษณ์แบบใหม่ ที่ต้องตาต้องใจลูกค้าทั่วโลก มากยิ่งขึ้นกว่า
รถยนต์รุ่นอื่นๆของวอลโว และของคู่แข่งในตลาดกลุ่มเดียวกัน นอกจากนี้ ด้วยการทรงตัวที่ดีเยี่ยม
การเข้าโค้งที่สมบูรณ์แบบ โครงสร้างที่ยกสูงขึ้น เส้นกึ่งกลางตัวรถที่อยู่สูงขึ้น และความปลอดภัยที่ก้าวล้ำ
ล้วนทำให้ วอลโว่ XC60 คันนี้ดูหนักแน่น แกร่ง และปราดเปรียว  ดีไซน์รูปตัววีเช่นที่สปอยเลอร์หน้า
ไฟหน้า LED ฝากระโปรงรถ ก็ปรากฏอยู่ตลอดคันลื่นไหลไปจนจดท้ายรถ

หลังคาโปร่งแสง Panoramic Roof  (เป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ) แบ่งออกเป็นสองส่วนที่เพิ่มอากาศโปร่งสดชื่น
ให้กับผู้โดยสารภายในรถ  หลังคาแบบใหม่นี้ติดตั้งกระจกและฟิล์มกรองแสงคุณภาพดี

แร็คหลังคาในตัวทำให้ดูแกร่ง แน่นหนา การที่แร็คหลังคานี้ถูกเคลือบด้วย “Silk Metal”
และติดตั้งมาจากโรงงานทำให้ตัวรถดูปราดเปรียวมากขึ้น

การออกแบบด้านหลัง มีเอกลักษณ์ที่ไฟท้ายซึ่งใช้เทคโนโลยีไมโครออพติก และเทคนิค LED
ช่วยกระจายแสงได้ดี โดยยังคงเอกลักษณ์แนวเส้นสายในสไตล์วอลโว่เอาไว้ให้คู่กับกาลเวลา

สตีฟ แมททิน อดีตผู้อำนวยการฝ่ายออกแบบ วอลโว่ คาร์อธิบายแนวคิดการออกแบบ วอลโว่ XC60  ไว้ว่า
“รถยนต์รุ่นนี้ได้รับการออกแบบมาให้เปี่ยมด้วยอารมณ์ความรู้สึกและทำให้ผู้ที่พบเห็นสัมผัสได้ถึง
พลังที่ซ่อนอยู่มากกว่ารถยนต์วอลโว่รุ่นไหนๆ  ในรถคันนี้ วอลโว่ยกระดับ DNA ของการออกแบบรถยนต์
ให้สูงขึ้นอีกระดับซึ่งสังเกตได้ชัดตั้งแต่แรกเห็น  ถ้าวันนี้คุณบอกว่าคุณจำรถยนต์วอลโว่ได้ในระยะ 100 เมตร
ผมขอบอกว่ารถยนต์ วอลโว่ XC60 คันนี้จะสะกดสายตาคุณด้วยเอกลักษณ์ทางดีไซน์ที่เหนือกว่าใคร
ในระยะไกลกว่านั้นอีกเท่าตัวเลยทีเดียว”

การที่ วอลโว่ XC60 มีขนาดกระทัดรัด คือสั้นกว่ารุ่น XC70 ถึง 20 เซ็นติเมตร และเตี้ยกว่า XC90 แสดงให้เห็นว่า
วอลโว่กำลังพยายามพัฒนารถยนต์ให้มีขนาดเล็กลงและมีประสิทธิภาพในการใช้พลังงานได้ดียิ่งขึ้น  

การออกแบบภายในห้องโดยสาร คำนึงถึงความสะดวกสบายของผู้ขับขี่เป็นหลัก รวมถึงสร้างบรรยากาศให้ได้สัมผัส
ถึงความปราดเปรียวของรถอย่างเต็มที่ เส้นสายบนหน้าจอและพื้นผิวเชื่อมต่อระหว่างแต่ละส่วนของแผงหน้าปัด
ได้อย่างกลมกลืนเพื่อสร้างสไตล์ที่ลื่นไหลต่อเนื่อง เส้นหนาและบางที่ตกแต่งนี้สะท้อนถึงจุดเด่นของรถ ครอสคันทรีได้อย่างชัดเจน

คอนโซลกลางด้านหน้าแบบลอยตัวเพิ่มความปราดเปรียวและสปอร์ตให้กับรถได้อย่างชัดเจน โดยทำมุมหันมาทางผู้ขับขี่
เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายในการใช้งาน  ลวดลายตัว X ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถข้ามสายพันธุ์บนเบาะนั่งและพนักพิง
ก็ช่วยเพิ่มรูปลักษณ์ความปราดเปรียวภายในตัวรถด้วย

ภายในห้องโดยสารตกแต่งด้วยหนังทั้งหมด โดยมีทั้งโทนสีดำขรึม และสีครีมนุ่มนวล  โทนสีดำขรึมจะขลิบด้วย
สีเขียวเลมอนกรีน ส่วนโทนสีครีมจะขลิบด้วยสีน้ำตาลเอสเพรสโซบราวน์  ส่วนอื่นๆ ในห้องโดยสารตกแต่งด้วยไม้แท้
“นอร์ดิกไลท์โอ๊ค”

สีของเบาะและขอบมีหลากหลายในเฉดสีตัดกัน ส่วนสีไฮไลต์ในวอลโว่ XC60 ก็เป็นเฉดสีใหม่ เขียวเลมอนกรีน
“เราออกแบบสีนี้มาให้โดดเด่นเห็นสะดุดตา และมีความล้ำลึก แผงคอนโซลหน้าที่ไม่สมมาตรกันนี้มีกรอบสีเงิน
ซิลเวอร์ฟรอสต์ตัวแผงคอนโซลสีอลูมิเนียม แต่ก็มีขอบให้เลือกหลายสี  สำหรับในประเทศไทย เราเลือกขอบไม้สีด้าน
เพิ่มจุดเด่นของความเป็นไม้จากสแกนดิเนเวียอันเป็นเอกลักษณ์ของวอลโว่” มร. พอล สโตคส์กล่าว  ส่วนสีด้านนอก
ก็มีสองเฉดคือ Terra Bronze และ Lime Grass Green ซึ่งเป็นสีพิเศษฉลองการเปิดตัวครั้งแรกในโลก

ฝาประตูห้องเก็บสัมภาระด้านท้ายรถของ วอลโว่ XC60 เปิดได้กว้างกว่าใครในตลาดเดียวกัน และจุสัมภาระได้มาก
อย่างไม่น่าเชื่อถึง 480 ลิตร  กระโปรงท้ายปรับด้วยไฟฟ้าสามารถเปิดได้อัตโนมัติ 3 แบบ คือ ใช้รีโมทคอนโทรล  
กดปุ่มที่แผงหน้าปัด หรือเปิดด้วยมือจับด้านท้าย  ระบบเปิดกระโปรงท้ายอัตโนมัตินี้ให้ความสะดวกสูงสุด
เมื่อคุณขนของหรือถุง  ช็อปปิ้งมาเต็มมือ และมีระบบดีดกลับอัตโนมัติ เมื่อมีสิ่งกีดขวาง (แต่ต้องใช้เวลา 2-3 วินาที
ในการดีดตัวกลับขึ้นไปดังเดิม)

เบาะนั่งหลังที่ปรับพับได้ 3 แบบ (40/20/40) และที่พิงหลังให้ความสบาย มีที่วางแขนตรงกลาง แบ่งที่นั่งด้านหลังออก
เป็นสองด้านได้ หรือแบ่งเป็น 3 ที่นั่งได้ด้วยเข็มขัดนิรภัย เบาะที่นั่งติดตั้งอยู่กับที่ ขณะที่ที่พิงหลังสามารถปรับได้แยกชิ้น
และส่วนสามารถพับราบลงได้ง่ายเพื่อความสะดวกในการขนสัมภาระจำนวนมาก

ชุดเครื่องเสียง เป็นแบบ Premium Sound Dolby Pro Logic  II 5 x 130 W. พร้อมลำโพง Dynaudio 12 ตัว
ระบบเก็บเสียงใต้พื้นในห้องเก็บสัมภาระทำให้เพิ่มเสียงได้ถึง 260 วัตต์   สำหรับรถรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย
วอลโว่ได้ติดตั้งเครื่องเสียงรุ่น High Performance Sound แบบ 4×40 วัตต์พร้อมลำโพง 8 ตัว

ระดับเสียงสามารถตั้งได้ 3 ระดับตามตำแหน่งที่นั่ง คือ ที่บริเวณที่นั่งคนขับ ที่นั่งคู่หน้า หรือที่นั่งด้านหลัง
ชุดเครื่องเสียง High Performance Sound และ Premium Sound สามารถรองรับแผ่น CD เพลงแบบ MP3 และ WMA
จึงสามารถรื่องเล่นซีดีสามารถเก็บเพลงได้หลายร้อยเพลง ระบบเสียงทั้ง 3 รุ่นมี AUX Port สำหรับเชื่อมต่อเครื่องเล่น
MP3 และมี USB Port เฉพาะในรุ่น High Performance Sound และ Premium Sound เพื่อใช้เชื่อมต่อเครื่องเล่น
MP3, iPOD และ USB  (iPOD Port เป็นอุปกรณ์เสริม)

เทคโนโลยีด้านความปลอดภัย อัดแน่น ล้นคันรถ

นวัตกรรมที่สำคัญที่สุด ที่วอลโวระบุว่า เป็นครั้งแรกในโลก และครั้งแรกในเมืองไทย คือระบบ “City Safety”
ระบบนี้จะวัดความเร็วของรถและระยะห่างจากรถคันหน้า หากระบบคำนวณแล้วว่าถึงเวลาที่ผู้ขับขี่
ควรจะต้องเหยียบเบรกด้วยความแรงระดับที่กำหนด แต่ผู้ขับขี่ก็ยังไม่ได้เหยียบเบรกหรือแบรกไม่แรงพอ
ระบบซิตี้เซฟตี้ก็จะคิดว่าจะเกิดอุบัติเหตุได้และช่วยเบรก

ระบบนี้ ติดตั้งเป็นมาตรฐานและจะทำงานเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วต่ำกว่า 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
หากระยะห่างและความเร็วของรถ 2 คันที่ขับตามกันมากแตกต่างกัน 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมงหรือน้อยกว่านั้น
ระบบจะช่วยชะลอความเร็วของรถลงเพื่อป้องกันไม่ให้ชนท้ายคันหน้า

อย่างไรก็ตาม วอลโว ก็เตือนมาว่า ในกรณีที่อาจเกิดการชน โดยที่ความแตกต่างระหว่างความเร็วของรถกับคันข้างหน้า
อยู่ระหว่าง 15-30 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบซิตี้เซฟตี้เพียงอย่างเดียวจะไม่สามารถช่วยป้องกันการชนได้  อย่างไรก็ดี
หากเกิดอุบัติเหตุขึ้น ระบบนี้ก็จะลดความรุนแรงลงได้ด้วยการลดความเร็วขณะชน

( – ถ้ารถตัดหน้า หรือมีสิ่งกีดขวางใดๆตัดหน้ากระทันหัน ระบบจะไม่ทำงาน
– ถ้าเป็นคน หรือ จักรยานยนต์ แบบบ้านเรา ระบบจะไม่ทำงาน
– ถ้าเหยียบเบรกอยู่แล้ว แต่ เกิดปล่อยเบรก จนรถไหล ระบบจะไม่ทำงาน และจะทำให้รถพุ่งชนคันข้างหน้า
ดังนั้น ระวังกันหน่อยนะครับ)

โครงสร้างด้านหน้าของรถ ประกอบด้วยบริเวณที่ยุบตัวได้เมื่อเกิดการชนซึ่งผลิตจากเหล็กหลายชนิด แต่ละชนิด
จะมีหน้าที่ในการรับและกระจายแรงชนในระดับที่แตกต่างกัน เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยและปกป้องให้แก่ผู้ที่อยู่ในรถ
เมื่อเกิดอุบัติเหตุ

โครงสร้างรถด้านหน้ายังมี คานขวางใต้กันชนหน้า (cross member) ที่ปรับระดับความสูงให้อยู่ในระดับเดียวกับ
รถยนต์นั่งขนาดปกติ ในกรณีที่เกิดการชนด้านหน้า ส่วนนี้จะสัมผัสกับรถที่อยู่ด้านหน้าตรงจุดที่ทำจากเหล็กที่ยุบตัวได้
เพื่อลดความรุนแรงของการชน ตามที่ถูกออกแบบมา ซึ่งจะช่วยปกป้องผู้โดยสารที่อยู่ในรถนั้นได้ด้วย

โครงสร้างด้านข้างของรถก็ใช้เหล็กที่มีคุณภาพหลากหลายเช่นกัน รวมทั้งมีท่ออีกจำนวนหนึ่งซึ่งถูกออกแบบมา
ให้ตัวถัง “ขยับ” ไปด้านข้าง  ระบบปกป้องการชนด้านข้าง Side Impact Protection System (SIPS) ของวอลโว่
จะช่วยดูดซับแรงกระแทกเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากแรงกระแทกที่พุ่งเข้ามาจากทางด้านข้าง

มี ระบบควบคุมการโคลงของตัวรถ หรือ Roll Stability Control (RSC) จะทำงานเมื่อรถตรวจจับอาการเหวี่ยงออกด้านข้างอย่างรุนแรง
จนอาจทำให้พลิกคว่ำได้ ระบบนี้เป็นเทคโนโลยีที่ติดตั้งเป็นครั้งแรกในวอลโว่ XC 90 และคราวนี้ก็ติดตั้งมาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน
ใน วอลโว่ XC60 เพื่อช่วยให้รถทรงตัวได้ดีและลดความเสี่ยงต่อการพลิกคว่ำเมื่อเกิดอุบัติเหตุ

และเมื่อเกิดการพลิกคว่ำจริงๆ  ระบบปกป้องเมื่อพลิกคว่ำหรือ Roll-Over Protection System (ROPS) จะทำงานเพื่อปกป้องผู้โดยสาร  
เซ็นเซอร์ที่ตรวจจับการพลิกคว่ำซึ่งติดตั้งในระบบ RSC จะอ่านค่าของอัตราการพลิกของรถตลอดเวลา ถ้าค่าดังกล่าวสูงถึงขีดอันตราย
ระบบก็จะทำงาน เช่น สั่งการให้ม่านนิรภัยด้านข้างทำงาน  ระบบ ROPS เป็นระบบที่ซับซ้อน ประกอบด้วยหลายๆ ส่วน
อาทิ โครงสร้างความปลอดภัยของตัวถัง ถุงลมนิรภัย พร้อมม่านลมนิรภัย รอบคัน Safety Restraint System ต่างๆ

ระบบ Trailer Stability Assist (TSA) เพื่อความปลอดภัย
ระบบช่วยบังคับการลากจูง หรือ Trailer Stability Assist (TSA) ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อให้ตัวรถและส่วนลากจูงมีความมั่นคงมากขึ้น  
ระบบจะตรวจจับได้ทันทีเมื่อส่วนลากจูงเริ่ม “ส่าย” ซึ่งเป็นเรื่องปกติเมื่อความเร็วของรถยนต์เพิ่มขึ้น แต่การส่ายนี้จะขึ้นกับน้ำหนัก
และวิธีบรรทุกของในส่วนลากจูงด้วย เมื่อระบบ TSA ตรวจพบการส่ายในส่วนลากจูง ก็จะเบรกทีละล้อเพื่อปรับระดับการเหวี่ยง
ระบบ TSA จะทำงานเมื่อความเร็วของรถอยู่ในช่วง 60-160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (TSA เป็นอุปกรณ์เสริมพร้อมกับขอเกี่ยวลากรถพ่วง
สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย)

ด้านระบบควบคุมเสถียรภาพ Dynamic Stability and Traction Control หรือ DSTC ในวอลโว่ XC60 ยังถูกพัฒนาเพิ่มเติม
เพื่อเพิ่มการทรงตัวในการขับขี่  ระบบดังกล่าวจะบันทึกอัตราความเบี่ยงเบนระหว่างทิศที่ผู้ขับขี่ต้องการไปกับทิศทางจริงที่
รถแล่น  นอกจากนี้ยังถูกพัฒนาให้บันทึกอัตราการโคลงตัวของรถอย่างต่อเนื่อง ทำให้สามารถทราบได้ว่าถึงจุดที่รถอาจไถลได้หรือยัง
ซึ่งก็เป็นเหตุการณ์ที่อาจเกิดขึ้นได้หากผู้ขับถอนเท้าจากคันเร่งอย่างกระทันหันขณะหักเลี้ยว เช่น เมื่อจะเลี้ยวลงจากถนนหลวง
เมื่อเกือบจะเลยทางเลี้ยว เป็นต้น  จากการประเมินอัตราการโคลงตัวของรถ ระบบ DSTC จะสั่งการได้อย่างทันท่วงทีด้วยความแม่นยำ  
ซึ่งผู้ขับขี่จะรู้สึกได้อย่างชัดเจนในการขับขี่แบบค่อนข้างสวิงสวายและอาจได้รับแรงกระทบจากด้านข้างมาก  
(ระบบนี้ติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานสำหรับรุ่นที่มีจำหน่ายในประเทศไทย)

อีกทั้งยังติดตั้ง ระบบ Hill Descent Control (HDC) ที่ช่วยให้การขับขี่ด้วยเกียร์ต่ำเมื่อขึ้นหรือลงทางลาดชันเป็นไปได้อย่างปลอดภัย
ระบบดังกล่าวทำงานโดยอาศัยเบรกและแรงบิดจากเครื่องยนต์ เพื่อควบคุมความเร็วของรถและความเร็วในการเคลื่อนที่ไปตามทางลาดชัน
ได้อย่างมั่นคงและสม่ำเสมอ  ผู้ขับขี่จึงสามารถให้ความสนใจกับการบังคับเลี้ยวให้ปลอดภัยได้อย่างเต็มที่  ระบบ HDC จะทำงาน
เมื่อกดปุ่มบนแผงหน้าปัด และเมื่อไรก็ตามที่ผู้ขับเหยียบเบรกหรือคันเร่ง และเมื่อเกียร์เปลี่ยนแล้ว ระบบ HDC ก็จะหยุดการทำงานเอง
โดยอัตโนมัติ  การเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้เป็นไปอย่างราบรื่นและนุ่มนวล (ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานในรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย)

นอกจากนี้ ยังมีระบบ Pre-Prepared Restraint เป็นระบบใหม่ล่าสุดที่สามารถช่วยเตรียมตัวหรือปรับเข็มขัดนิรภัยและถุงลมนิรภัย
ให้เหมาะสมกับแรงชนในกรณีที่เกิดการชนด้านหน้าแบบไม่แรงนักก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุนั้นจริง  เข็มขัดและถุงลมนิรภัยจึงมี
“เวลาเพิ่ม” นิดหน่อยที่จะเตรียมตัวก่อนการชน ช่วยให้เข็มขัดและถุงลมนิรภัยทำงานได้เต็มประสิทธิภาพจริงๆ  ดังนั้น
อย่าลืมคาดเข็มขัดนิรภัยทุกครั้งทันทีที่ก้าวขึ้นรถ  วอลโว่ได้ติดตั้งระบบนี้เป็นมาตรฐานใน วอลโว่ XC60 ทุกคัน

ส่วนระบบเบรกอัตโนมัติและระบบเตือนก่อนชน (แบบเดียวกับใน วอลโว S80 ใหม่) ที่ช่วยแจ้งเตือนผู้ขับขี่
เมื่อระยะห่างจากรถคันหน้าลดลงอย่างรวดเร็ว ระบบเบรกนี้เตรียมพร้อมสำหรับการเบรกกระทันหันและจะหยุดรถทันที     
โดยใช้แรงเบรกประมาณ 50% ของแรงทั้งหมด หากผู้ขับขี่ยังไม่แตะเบรกหลังจากที่เห็นสัญญาณเตือน
จะมีให้เลือกเป็นอุปกรณ์สั่งติดตั้งพิเศษ โดยเป็นส่วนหนึ่งในแพ็คเกจนวัตกรรมช่วยเลี่ยงการชน

เครื่องยนต์ ดีเซล คอมมอนเรล เทอร์โบ D5

ในประเทศไทย มีรุ่นเครื่องยนต์อลูมิเนียมน้ำหลักเบา วอลโว่ “D5” ที่สมารถรองรับน้ำมันไบโอดีเซล B5 ซึ่งเป็นรุ่นเปิดตัว  
เครื่องยนต์รุ่นนี้รีดพลังได้สูงถึง 185 แรงม้า และแรงบิดมหาศาลถึง 400 นิวตันเมตรตลอดทุกรอบเครื่องยนต์  ซึ่งเหมาะกับอัตราภาษีสรรพสามิตใหม่
เครื่องยนต์รุ่นนี้ประหยัดน้ำมันแต่ให้แรงบิดสูงขับขี่ได้แรงทันใจเหมือนรถสปอร์ต  และยังตอบสนองได้ทันใจแม้จะบรรทุกน้ำหนักมาก
หรือลากจูง  ยิ่งไปกว่านั้น เครื่องยนต์รุ่นนี้ยังผ่านมาตรฐานการปล่อยไอเสีย Euro 4 ที่เข้มงวดของยุโรป เนื่องจากติดตั้งตัวกรองไอเสีย
(Diesel Particulate Filter) เพื่อช่วยลดเขม่าในไอเสียอีกด้วย

และเช่นเดียวกับรถยนต์วอลโว่รุ่นอื่นๆ  วอลโว่ XC60 ใหม่ มีระบบขับเคลื่อนแบบ transverse สำหรับรถยนต์ทุกขนาด  
การติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบ transverse ทำให้มีพื้นที่ว่างในห้องเครื่องยนต์ และช่วยลดความเสี่ยงจากการส่งแรงกระแทก
ไปสู่ห้องโดยสารเมื่อเกิดการชนด้านหน้า

สำหรับในตลาดอื่นๆ ก็มีรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน 3 ลิตร 6 สูบ เทอร์โบ (T6) ติดตั้งเครื่องยนต์ที่มีขนาดกระทัดรัดในแนวขวาง
โดยยึดหลักการเดียวกันกับในวอลโว่รุ่น 3.2 ลิตรแบบ 6 สูบเรียง ตัวเครื่องยนต์ทำจากอลูมิเนียมทั้งชุดที่ใช้ในวอลโว่ S80 รุ่นล่าสุด  
เครื่องยนต์รุ่นนี้ให้พลังสูง 210 กิโลวัตต์  (285 แรงม้า)  และให้แรงบิดที่ไม่น้อยกว่า 400 นิวตันเมตร สามารถเรียกแรงบิดสูงสุด
ได้ที่รอบต่ำเพียง 1,500 รอบต่อนาทีและรักษาแรงบิดสูงสุดได้ในทุกช่วงของรอบเครื่องยนต์  (ไม่มีจำหน่ายในไทย)

เชื่อมต่อการทำงานกับ เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด พร้อมโหมดบวกลบ “Gear Tronic” ที่มีขนาดกระทัดรัด ถูกออกแบบมาให้รับแรงบิดสูง
จากเครื่องยนต์ทรงพลังแบบ T6 หรือเครื่องยนต์ดีเซล D5 ได้อย่างสบายๆ ถ่ายทอดกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อหรือ AWD แบบอัจฉริยะ
ของวอลโว่ ซึ่งเป็นระบบอิเล็กทรอนิกส์ ติดตั้งงระบบ Instant Traction™ จากฮาลเด็กซ์ ที่ช่วยให้ออกตัวได้เร็วขึ้น รวมถึงเกาะถนน
ได้ดีกว่าเมื่อขับขี่บนพื้นเปียกลื่นหรือดินร่วนที่มีคลัตช์ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ช่วยส่งพลังจากเครื่องยนต์ได้อย่างสมดุลรวดเร็ว
ระหว่างล้อหน้าและหลังขึ้นอยู่กับว่าล้อคู่หน้าหรือหลังจะเกาะถนนได้ดีกว่า ระบบดังกล่าวช่วยเพิ่มความมั่นคงในการทรงตัว
ลดอาการท้ายปัดหรืออาการดื้อโค้ง รวมทั้งยังช่วยให้ผู้ขับขี่สามารถบังคับควบคุมรถได้ดีกว่า ขับสบายกว่า

ไม่เพียงเท่านั้น วอลโว ยังมีระบบ Four C ที่ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดความแข็งอ่อนของระบบกันสะเทือน ได้ 3 ระดับ
แบบเดียวกับ S80 ใหม่ ใช้เซ็นเซอร์หลายตัวเพื่อติดตามการทำงานของระบบต่างๆ ในรถยนต์ แดมเปอร์จะถูกปรับให้เหมาะ
กับการขับขี่ได้ในระยะเวลาเพียงเสี้ยววินาที  ส่วนการตั้งค่าแชสซีไม่ว่าจะเป็นแบบ Comfort, Sport หรือ Advance
ก็ช่วยให้ผู้ขับสามารถปรับแชสซีให้เหมาะกับสภาพผิวถนนได้ง่ายๆ เพียงกดปุ่มเดียว (ระบบนี้เป็นอุปกรณ์เสริมพิเศษ
สำหรับรถรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย)

ระบบบังคับเลี้ยว เป็นพวงมาลัยแร็คแอนด์พีเนียน แบบปรับความหนืดได้ตามความเร็วของรถ 3 จังหวะ
เมื่อขับขี่ด้วยความเร็วต่ำ ระบบบังคับเลี้ยวจะปรับการทำงานตามทำให้บังคับได้ง่ายโดยเฉพาะเวลาจอดรถ
แต่เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้นระบบช่วยผ่อนแรงจะลดการทำงานลงเพื่อให้ผู้ขับได้รู้สึกถึงพลังการขับขี่บนถนนจริงๆ  
การทำงานของระบบช่วยผ่อนแรงนี้สามารถปรับได้โดยเลือกที่เมนูจากระบบข้อมูลภายในรถได้ถึง 3 ระดับ
ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้ขับขี่ (ระบบนี้ติดตั้งเป็นมาตรฐานในรถรุ่นที่จำหน่ายในประเทศไทย)

รถในฝันของคนเป็นภูมิแพ้
สมาคมโรคหืดและภูมิแพ้ได้เพิ่มชื่อ วอลโว่ XC60 ไว้ในรายชื่อรถยนต์ที่ทางสมาคมรับรองว่าเป็นรถที่มีคุณภาพอากาศภายในรถดี  
ในรายการดังกล่าวมีรถยนต์วอลโว่รวมอยู่ถึง 4 รุ่นได้แก่ S80, V70 และ XC70  และล่าสุดก็คือ วอลโว่ XC60

วอลโว่คาร์ ได้พัฒนาระบบพิเศษ 2 ระบบเพื่อให้มั่นใจว่าอากาศที่เข้ามาในห้องโดยสารจะสะอาดมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้  
ทั้งสองระบบได้แก่ ระบบคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสารหรือ Interior Air Quality System (IAQS) และ CZIP   
ระบบเหล่านี้มีความสำคัญยิ่งต่อผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้  เพราะในโลกที่มีการพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างรวดเร็วนั้น
ประชากรประมาณ 45% ของทั้งโลกเป็นโรคหืดหรือมีอาการแพ้ง่าย

วอลโว่ XC60 ถูกพัฒนามาเป็นอย่างดี โดยมีปริมาณสารนิเกิลที่ถูกปล่อยออกมาจากพื้นผิวที่เป็นโลหะในรถ
อยู่ในระดับต่ำมากที่สุด  เช่น จากบริเวณมือจับประตู ตราสัญลักษณ์ที่ติดอยู่บนพวงมาลัยหรือหัวเกียร์
วอลโว่ได้เลือกใช้สารสกัดจากต้นไม้ตามธรรมชาติแทนการโช้โครเมี่ยมในการเคลือบหนังที่หุ้มขอบภายในห้องโดยสาร  
วัสดุต่างๆ ที่เป็นผ้าและหนังใน วอลโว่ XC60 และรถยนต์วอลโว่รุ่นอื่นๆ ต่างก็ผ่านมาตรฐานความปลอดภัย
ของวัสดุ Oko-Tex Standard 100 ทั้งสิ้น

นอกจากนี้ วอลโว่ XC60 ยังมีระบบ RRR – Reuse, Recycling, Recovery หรือการใช้ซ้ำ นำกลับมาใช้ใหม่ และฟื้นฟู
โดยที่เป็นรถยนต์รุ่นแรกของวอลโว่ที่ได้รับการรับรองในด้านการรีไซเคิลหรือนำกลับมาใช้ใหม่  

Clean Zone Interior Package (CZIP) เพื่ออากาศสดชื่น
วอลโว่ได้พัฒนาระบบ Clean Zone Interior ขึ้น เพื่อให้ผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้สามารถเดินทางได้ในบรรยากาศที่ปลอดโปร่ง  
ระบบดังกล่าวพัฒนาขึ้นโดยอาศัยระบบอิเล็กทรอนิกส์ควบคุมการปรับอากาศ (Electronic Climate Control)
และระบบคุณภาพอากาศภายในห้องโดยสาร (Interior Air Quality System)

เมื่อปลดล็อครถด้วยรีโมทคอนโทรล ระบบระบายอากาศภายในห้องโดยสารจะทำงานอัตโนมัติเป็นเวลาประมาณ 1 นาที
หากอุณหภูมิข้างนอกสูงกว่า 10 องศาเซลเซียส  ระบบ CZIP นี้ได้รับการรับรองจากสมาคมโรคหืดและภูมิแพ้แห่งสวีเดน
(Sweden Asthma and Allergy Association) ด้วย

วัสดุที่ใช้ขลิบริมภายในห้องโดยสารและรายละเอียดอื่นๆ ก็ถูกเลือกมาเป็นอย่างดีเพื่อไม่ให้สร้างมลพิษ  
วอลโว่ XC60 ใหม่เป็นรถยนต์รุ่นแรกของวอลโว่ที่ผ่านมาตรฐานใหม่ในด้านการเลือกใช้วัสดุที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่
ใช้ซ้ำได้ ซึ่งทางสหภาพยุโรปจะประกาศใช้มาตรฐานใหม่นี้ในอนาคต

หลังจากที่ได้ผลิตรุ่นแรกในโรงงานนำร่องที่เมืองโกเทนเบิร์กแล้ว รถทดลองคันแรกก็ถูกประกอบขึ้น
ที่โรงงานในเมืองเกนท์ ประเทศเบลเบี่ยม ในช่วงปลายปี 2550  โดยในช่วงฤดูร้อนปีนั้น โรงงานแห่งนี้
ต้องถูกปรับปรุงขยาย รวมทั้งติดตั้งอุปกรณ์ใหม่มากมาย อาทิ หุ่นยนต์ที่ช่วยติดตั้งหลังคาซันรูฟ  
การขยายแผนกเชื่อมด้วยเลเซอร์ และปรับปรุงหลายๆ ส่วนเพื่อรองรับการผลิต วอลโว่ XC60

ช่วงที่ผ่านมา ยอดการผลิตของรถยนต์รุ่นนี้ก็พุ่งสูงอย่างไม่น่าเชื่อ  หลังจากเปิดตัวทั่วโลกในช่วง
ต้นเดือนกันยายน 2551 ปัจจุบันหนึ่งในสามของปริมาณการผลิตรถยนต์ของโรงงานที่เมืองเกนท์เป็น
วอลโว่ XC60 ทั้งสิ้น  ซึ่งหมายความว่าโรงงานแห่งนี้จะสามารถผลิตด้วยกำลังการผลิตสูงสุด
ภายในระยะเวลาเพียง 10 สัปดาห์ โรงงานวอลโว่ คาร์ส เกนท์ปัจจุบันผลิตวอลโว่ XC60 มากถึงสัปดาห์ละ 1,500 คัน
เนื่องจากได้เริ่มขายในยุโรปแล้ว ส่วนในอเมริกาจะเริ่มจำหน่ายรถยนต์รุ่นล่าสุดนี้ในปี 2552   
สำหรับโรงงานวอลโว่ คาร์ส เกนท์ รถยนต์รุ่นนี้เป็นรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับที่ใช้ใน
วอลโว่ S80 V70 และ XC70 ซึ่งประกอบขึ้นที่โรงงานในเมืองโกเทนเบิร์ก ประเทศสวีเดน

วอลโว่ตั้งเป้าว่าจะสามารถขาย วอลโว่ XC60 ได้มากถึงปีละ 50,000 คันทั่วโลก  โดยแบ่งเป็นยอดขายในยุโรป
และอเมริกาตลาดละประมาณ 40% เท่าๆ กัน  ที่เหลืออีก 20% จะขายในตลาดอื่นๆ ทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย  
ตลาดใหญ่ที่สุด 5 อันดับแรกที่คาดว่าจะมียอดขายสูงสุดภายในปี 2553 คือ สหรัฐอเมริกา เยอรมนี อังกฤษ รัสเซีย และ จีน

“ในฐานะที่เราเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายแรกของโลกที่ได้นำเสนอ “ซิตี้เซฟตี้” (City Safety)  เทคโนโลยีอัจฉริยะนี้
ให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของรถที่จำหน่ายในหลายประเทศทั่วโลก เราขอยืนยันว่า วอลโว่ XC60 ใหม่ล่าสุด
เป็นรถยนต์ที่ปลอดภัยมากที่สุดเท่าที่วอลโว่เคยผลิตมา  รถรุ่นนี้เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยีความปลอดภัย
ที่วอลโว่พัฒนาและสร้างสมมาตลอด 82 ปี และดีไซน์ล้ำสมัยที่ใกล้เคียงกับรถต้นแบบที่เราเคยนำมาโชว์ที่กรุงเทพฯ
แล้วเมื่อเดือนพฤษภาคม 2550 เรามั่นใจว่าด้วยรูปลักษณ์ทันสมัยถูกใจคนเมือง วอลโว่ XC60 จะเป็นอีกหนึ่ง
ความสำเร็จของวอลโว ในประเทศไทย” มร. พอล สโตคส์ ประธาน บริษัท วอลโว่ คาร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าว


ราคาและอุปกรณ์ประจำรถ

วอลโว่ XC60 D5 เริ่มจำหน่ายแล้วในราคา 3,999,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม) และมีอุปกรณ์มาตรฐานต่างๆ ดังนี้

ภายนอก
ไฟหน้าแบบแอคทีฟ ไบ-ซีนอน ปรับองศา ขึ้น/ลง และ ซ้าย/ขวา โดยอัตโนมัติ
กระจกบังลมหน้าแบบ 2 ชิ้น
กระจกประตูคู่หน้าและหลังปรับระดับด้วยไฟฟ้าพร้อมฟังก์ชั่นขึ้น/ลงสุด
กระจกมองข้างพับและปรับด้วยไฟฟ้าพร้อมไล่ฝ้าและระบบความจำ 3 ตำแหน่ง
ไฟส่องสว่างที่ใต้กระจกมองข้าง
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง
ไฟตัดหมอกหน้าและหลัง
ไฟเบรกดวงที่ 3 แบบ LED
ซันรูฟแก้วแบบพาโนรามา
ราวหลังคา

ภายใน
พวงมาลัยหุ้มด้วยหนังแท้
พวงมาลัยปรับระดับสูงต่ำ/ใกล้ไกลได้
พวงมาลัยแบบเลือกปรับความหนัก/เบาได้สามระดับ (L/M/H)
พวงมาลัยเพาเวอร์แบบแร็คแอนด์พิเนียน ปรับความหนืดอัตโนมัติตามระดับความเร็ว
แกนพวงมาลัยยุบตัวเมื่อเกิดอุบัติเหตุ
กระจกเสริมสวยพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับผู้ขับขี่ และผู้โดยสารด้านหน้า
ช่องจ่ายไฟ 12 โวลต์ที่นั่งด้านหลัง

เบาะโดยสาร
เบาะโดยสารหนังแท้
เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำ 3 ตำแหน่ง
เบาะโดยสารด้านหน้าปรับด้วยไฟฟ้า
พนักพิงของเบาะโดยสารด้านหน้าพับได้
พนักพิงของเบาะโดยสารด้านหลังแยกพับได้ 40/20/40
เบาะโดยสารด้านหลังทั้งสองข้างปรับเป็นเบาะนั่งสำหรับเด็กได้

เครื่องเสียง
เครื่องเสียง High Performance Sound 4 x 40 W. พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 6 แผ่น และลำโพง 8 ตัว
ช่อง AUX และ USB สำหรับเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เครื่องเสียง
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์มือถือกับเครื่องเสียงรถยนต์ด้วยสัญญาณบลูทูธ
ระบบปรับอากาศ
ระบบควบคุมสภาวะอากาศอัตโนมัติ (ECC)
ระบบควบคุมคุณภาพอากาศอัจฉริยะ Interior Air Quality System (IAQS) พร้อมเซ็นเซอร์วัดกลิ่นในอากาศจากภายนอก
ระบบจัดการห้องโดยสารที่ปราศจากสิ่งกระตุ้นอาการภูมิแพ้ (CZIP)
ช่องแอร์ในเสา B

ความปลอดภัย
ระบบควบคุมการทรงตัวและยึดเกาะถนนแบบไดนามิก (DSTC)
ระบบควบคุมการทรงตัวเมื่อเกิดการโคลง (RSC)
ระบบป้องกันหากเกิดการพลิกคว่ำ (ROPS)
ระบบปกป้องการบาดเจ็บของกระดูกต้นคอและหลังที่เกิดจากการสะบัดของศีรษะ (WHIPS)
ถุงลมนิรภัยสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับที่นั่งคู่หน้า (SIPS bags)
ระบบกระจายแรงกระแทกจากการชนด้านข้าง (SIPS)
ม่านนิรภัยด้านข้าง (IC)
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุดทุกที่นั่งพร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติ
ระบบกันขโมยพร้อมเซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหว ระนาบของรถ และการเต้นของหัวใจ
สัญญาณเสียงเตือนภัย
ล็อคป้องกันเด็กเปิดประตูจากด้านใน
ระบบเซ็นทรัลล็อค
ระบบไฟส่องสว่างนำทางเข้าและออกจากรถ
อุปกรณ์ช่วยในการขับขี่
ระบบป้องกันการชนขณะขับขี่ในเมือง (City Safety)
ระบบช่วยในการขับขี่ลงทางลาดชัน (HDC)
รีโมทคอนโทรพร้อมฟังก์ชั่นสื่อสารกับรถพร้อมการปลดล็อคและขับขี่โดยปราศจากกุญแจ (PCC)
ระบบข้อมูลการขับขี่อัจฉริยะ (IDIS)
ระบบควบคุมความเร็วคงที่
คอมพิวเตอร์ช่วยในการเดินทาง
ไล่ฝ้ากระจกบังลมหลัง
กระจกมองหลังตัดแสงจ้าอัตโนมัติ
หัวฉีดน้ำทำความสะอาดไฟหน้า
เซ็นเซอร์ช่วยในการจอดด้านหลัง
เซ็นเซอร์วัดน้ำฝนบนกระจกบังลมหน้า
พื้นที่เก็บสัมภาระ
ที่วางสัมภาระพร้อมสายยึดตรึง
ใต้ที่เท้าแขนด้านหน้า
ด้านข้างของแผงประตูหน้าและหลัง
ซองเก็บของด้านหน้าและด้านหลังของเบาะหน้า
ช่องเก็บของในแผงหน้าปัดด้านหน้าพร้อมกุญแจล็อคและไฟส่องสว่าง
ที่เก็บแว่นตา
ล้อ 7.5X18″ ล้ออะลูมิเนียม MANTUS (silver bright)
ยาง 235/60 R18 V

และยังมีอ็อปชั่นเสริมให้เลือกได้อีก 3 แพ็คเกจ

แพ็คเกจที่ 1  – ระบบป้องกันการชน (Collision Avoidance Package)
ประกอบด้วย Blind Spot Information System (BLIS) กล้องและสัญญานเตือนมุมอับของสายตา
Adaptive Cruise Control (ACC) ระบบควบคุมความเร็วรถอัตโนมัติแบบปรับเปลี่ยนได้
Collision Warning with Auto Brake (CWAB) ระบบเตือนเพื่อป้องกันการชนและช่วยในการหยุดรถอัตโนมัติ
Distance Alert (DA) ระบบแจ้งเตือนเมื่อผู้ขับขี่ขับเข้าใกล้รถคันข้างหน้ามากไป  
Lane Departure Warning System (LDW) ระบบเตือนผู้ขับขี่เมื่อขับรถออกนอกเส้นแบ่งช่องทางจราจร
Driver Alert Control (DAC) ระบบแจ้งเตือนผู้ขับขี่เมื่อแสดงอาการเหนื่อยล้าหรือขาดสมาธิ

มูลค่า 350,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

แพ็คเกจที่ 2  – ระบบกันสะเทือน     Four-C  ระบบช่วงล่างแบบปรับเปลี่ยนได้  
สามารถเลือกรูปแบบการขับขี่ได้ (Comfort, Sport, หรือ Advance) มูลค่า 120,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

แพ็คเกจที่ 3  – เครื่องเสียง Premium Sound 5 x 130 W. พร้อมเครื่องเล่น CD/MP3 6 แผ่น
และลำโพง Dynaudio 12 ตัว พร้อมชุดปรับเครื่องเสียงพร้อมช่องเสียบหูฟังสองช่อง
สำหรับที่นั่งด้านหลัง มูลค่า 150,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม)

วอลโว่ XC60 มีให้เลือกทั้งหมดถึง 13 สี  และสำหรับการเปิดตัวในประเทศไทย จะมีให้เลือก 7 สี ได้แก่
–  Ice White (solid)         
–  Black Sapphire (metallic)
–  Electric Silver (metallic)
–  Maple Red (pearl)
–  Orinoco Blue (pearl)
–  Lime Grass Green (pearl) (ซึ่งเป็นสีพิเศษฉลองการเปิดตัวครั้งแรกในโลก)
–  Terra Bronze (pearl) (ซึ่งเป็นสีพิเศษฉลองการเปิดตัวครั้งแรกในโลก)

วอลโว XC60 D5 ขึ้นโชว์รูมวอลโว แล้วตั้งแต่วันนี้ (9 มิถุนายน 2006) เป็นต้นไป
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-305-4499

และใครที่อยากอ่านรีวิว ของ วอลโว XC60
อดใจรอกันอีกไม่นาน เกินรอ ที่นี่ www.headlightmag.com

—————————————-///—————————————-