ด้วยความที่ Hyundai ต้องการขยายไลน์รถยนต์ SUV ให้มากที่สุดเท่าที่พวกเขาทำได้ Hyundai จึงมีรายการเล่นแร่แปรธาตุเพื่อเพิ่มจำนวนรุ่นอย่างรวดเร็ว ๆ อาทิ Venue รถ A/B-SUV ที่นำพื้นฐานของ ix25/Creta มาหดสั้นลง โดยจับกลุ่มลูกค้าวัยรุ่นที่ต้องการ SUV ขนาดเล็กที่มีสไตล์ ราคาคุ้มค่า หรืออย่าง Kona ก็จะเป็นการนำ i30 มาหดฐานล้อให้สั้นลง จับยกสูงขึ้น เปลี่ยนดีไซน์ภายนอกรอบคัน และมีการลดคุณภาพวัสดุภายในห้องโดยสารลงเพื่อกดต้นทุนให้ทำราคาให้ได้

และจากการที่ Hyundai มี SUV หลายรุ่นมาก นั่นก็ทำให้ Hyundai ต้องกล้าพลิกกลยุทธ์ในการพัฒนา All NEW Hyundai ix25 หรือ Creta ในหลายประเทศ ให้มีตำแหน่งทางการตลาดที่ฉีกออกไปให้ได้มากที่สุด

All NEW Hyundai ix25 เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่งาน Auto Shanghai 2019 ปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา โดยเปลี่ยน positioning จากรถ B-SUV ทรงเหลี่ยมถึก สุดคุ้ม ให้กลายเป็นมา B-SUV ทรงเหลี่ยมถึก ดีไซน์ล้ำสมัยทั้งภายนอก-ภายใน และยังเพิ่มเติมความพรีเมี่ยมชนิดที่ว่า ลูกค้า Hyundai Kona ต้องหันขวับ

มิติภายนอก

ยาว x กว้าง x สูง : 4,270 x 1,780 x 1,630 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 2,590 มิลลิเมตร

ถึงแม้ All NEW Hyundai ix25 ยังคงถูกพัฒนาขึ้นบน Platform เดิม แต่ทีมพัฒนากล้าเปลี่ยนทิศทางการออกแบบใหม่ให้ใกล้เคียงกับ SUV ที่จำหน่ายอยู่ในปัจจุบัน แต่ด้านหน้าคาดว่าน่าจะได้รับอิทธิพลจาก Hyundai Palisade : SUV ขนาดใหญ่ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะ การออกแบบไฟหน้าแบบสองชั้น, ชุดกระจังหน้า Cascade Grille ที่มีการตีความแบบใหม่

เส้นสายตัวถังก็ดูเหมือนว่าจะได้รับอิทธิลจาก Hyundai Palisade มาในระดับหนึ่งด้วยเช่นกัน ส่วนดีไซน์บั้นท้าย ก็เป็นการออกแบบที่ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อนใน Hyundai SUV อันประกอบไปด้วย ไฟเบรกท้าย 2 ชั้น พร้อมวางตำแหน่งป้ายทะเบียนที่ดูแปลก วางไว้ค่อนข้างเหลื่อมกับไฟท้ายชั้นล่าง และถ้าเปรียบเทียบ ix25 รุ่นใหม่กับรุ่นปัจจุบัน จะพบว่า ix25 รุ่นใหม่นั้นดูแปลกตาล้ำโลกกว่ามาก จนทำให้ผู้ใช้ ix25 รุ่นเดิม น่าจะงงเป็นไก่ตาแตก

ภายในห้องโดยสารคือจุดขายที่กระแทกใจลูกค้าแน่นอน ด้วยการยกความพรีเมี่ยมของการใช้สีและวัสดุจาก Hyundai Santa Fe แต่เพิ่มความล้ำโลกไปอีกขั้นด้วยหน้าจอสัมผัสกลางแผงแดชบอร์ดในสไตล์เดียวกับ Tesla และยังออกแบบคอนโซลกลางและเรือนเกียร์ รวมถึงหัวเกียร์ที่ดูสวยงาม และหรูหราเป็นพิเศษเอามาก ๆ แตกต่างจาก Hyundai Kona รุ่นพี่มาก

ฟีเจอร์พิเศษที่เพิ่มเติมในรถยนต์รุ่นใหม่ก็คือ เบาะนั่งคู่หน้าปรับอุณหภูมิให้เย็นลงได้, เบรกมือไฟฟ้า, ปุ่มระบบขับเคลื่อน Terrain Mode เป็นต้น

สำหรับตลาดจีนจะติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร บล็อกใหม่รหัส Nu ส่วนตลาดอินเดียหรือละตินอเมริกาคาดว่าน่าจะติดตั้งเครื่องยนต์ที่เล็กลงมาเพื่อทำราคา

ลูกค้าชาวจีนน่าจะได้สัมผัสกันช่วงปลายปีนี้ ส่วนตลาดโลกจะเตรียมเปิดตัวในปี 2020 และต้องมาลุ้นกันว่าโรงงานใหม่ในอินโดนีเซียจะขึ้นสายการผลิตรุ่นนี้หรือไม่?

ที่มา : Carscoops / indiacarnews