ปัจจัยความสำเร็จสูงสุดของ Renault Clio ใน Generation นี้คือความแตกต่างบางจุดที่หาไม่ได้จากคู่แข่ง นั่นคือดีไซน์ภายนอกที่มีเส้นสายโค้งเว้าที่หากให้เปรียบเทียบกับมนุษย์ก็ถือว่าเป็นเส้นสายที่ดู Sexy กลมกลืนไปทุกส่วน, มีสัดส่วนตัวรถที่ดูลงตัว จุดขายแค่นี้ก็ถือว่าเพียงพอสำหรับลูกค้าที่คิดจะซื้อรถเล็ก B-Segment ในยุโรปแล้ว

แต่ในวันนี้ คู่แข่ง B-Segment เจ้าอื่น ๆ ต่างพยายามพัฒนาตัวเพื่อรักษายอดขายให้คงที่ และบางรายก็คาดหวังยอดขายที่เติบโตขึ้นอีกด้วย ทำให้ Renault ไม่อาจนิ่งเฉย แล้วปล่อยให้คู่แข่งแย่งยอดขาย Clio ไปต่อหน้าต่อตาแน่นอน

(ภาพ CG จำลอง All NEW Renault Clio Generation 5)

เร็ว ๆ นี้ Renault ก็มีแผนเปิดตัว All NEW Clio Generation ที่ 5 มาพร้อมกับวิวัฒนาการไปอีกขั้นเพื่อรักษาความสำเร็จสูงสุดเอาไว้ตลอดกาล

ดีไซน์ภายนอก All NEW Renault Clio จะได้รับอิทธิพลจากรถต้นแบบ Symbioz Concept คาดว่าจะมีการออกแบบไฟ Daylight LED ทรง C-Shape ล้อมรอบไฟหน้าที่รับกับกระจังหน้าที่มีขนาดเล็กลง แต่ยังคงจุดเด่นของรถรุ่นเดิมคือ มือจับประตูหลังที่ติดตั้งในกรอบกระจก

ดีไซน์ภายในห้องโดยสาร คือจุดอ่อนของ Renault Clio รุ่นปัจจุบันที่จะถูกกำจัดทิ้ง ด้วยการอัพเกรดภายในห้องโดยสารให้ติดตั้งหน้าจอสัมผัส มีขนาดใหญ่เทียบเท่ากับ Tablet ได้รับอิทธิพลจาก Tesla และรุ่นพี่อย่าง Renault Megane แตกต่างจากรถคู่แข่ง B-Segment รุ่นอื่นที่ยังใช้หน้าจอสัมผัสขนาดปกติกันอยู่

วิวัฒนาการของงานวิศวกรรมคือสิ่งที่น่าจับตามองเช่นกัน เพราะ All NEW Renault Clio หันมาใช้พื้นตัวถัง CMF-B ซึ่งเป็นพื้นฐานเดียวกับ Nissan Micra รุ่นปัจจุบัน แต่อัพเดทรายละเอียดใหม่

ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.0 ลิตรและ 1.3 ลิตร บล็อกใหม่ล่าสุดพัฒนาโดย Mercedes-Benz และเครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร dCi ให้กำลัง 115 แรงม้า ส่วนรุ่น Eco2 จะมาพร้อมกับขุมพลัง Mild Hybrid 48V จับคู่เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร dCi จะเปิดตัวในตอนหลัง และขุมพลัง Plug-in Hybrid จะเปิดตัวในปี 2020

มีแนวโน้มว่า All NEW Renault Clio RS จะนำเครื่องยนต์เบนซิน 1.8 ลิตร เทอร์โบมาจาก Megane RS มาติดตั้งแทนเครื่องยนต์เบนซิน 1.6 ลิตร เทอร์โบ แต่ลดทอนกำลังลงมา พร้อมเปิดตัวในปี 2020

จุดขายที่สำคัญที่น่าสนใจคือ มันอาจจะติดตั้งเทคโนโลยีระบบขับขี่อัตโนมัติ Level 2 หรือในระดับที่รถยนต์สามารถเร่งความเร็ว, เบรกหรือควบคุมพวงมาลัยเองโดยอัตโนมัติ แต่ต้องมีผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถได้ด้วยตนเอง หากระบบล้มเหลวในบางกรณี

เหตุผลสำคัญที่ทำไม Renault ต้องจัดเต็มให้กับ All NEW Clio ขนาดนี้ ก็เพราะว่ายอดขาย Renault Clio ภายในปี 2017 มียอดขายในยุโรปสูงถึง 327,395 คัน แม้อยู่ในช่วงปลายอายุแต่ก็ขายดีขึ้นกว่าในปี 2016 ที่มียอดขาย 272,061 คัน

และในตลาดโลก Renault Clio ถือเป็นรถยนต์ระดับ B-Segment ที่มียอดขายอันดับ 4 ต่อจาก Volkswagen Polo, Ford Fiesta และ Suzuki Swift

และอีกเหตุผลสำคัญมาก ๆ ที่ทำให้ Renault จะต้องทุ่มเทกับ All NEW Clio ก็เพราะในเวลานี้ผู้ผลิตรถยนต์ทุกค่ายต่างเปิดตัว B-SUV ออกมาแข่งกันจนสามารถแย่งยอดขาย B-Segment Hatchback ได้ หากรถไม่เจ๋งพอก็อาจทำให้ลูกค้าหันไปซื้อ SUV แทนก็ได้

All NEW Renault Clio จะเผยโฉมในงาน Paris Motorshow 2018 ตุลาคมนี้ และเริ่มจำหน่ายภายในต้นปี 2019

ที่มา : Autocar