ถ้านึกถึงรถยนต์ที่เป็น icon ในด้านความเป็นรถยนต์ของประชาชนในระดับโลกที่แท้จริง คันแรกที่ถูกพูดถึงก่อนก็คือ Toyota Corolla หรือ Altis ที่คนไทยเรียกจนติดปาก และคันต่อมาหลายคนต้องนึกถึง Volkswagen Golf ซึ่งถึงแม้มันไม่ได้เป็นรถยอดนิยมในบ้านเราหรือสหรัฐอเมริกา แต่ในตลาดยุโรปนั้นรถรุ่นนี้ถือเป็นเส้นเลือดที่สุดของแบรนด์ Volkswagen หากโฉมใดไม่ประสบความสำเร็จ ก็ย่อมนำพาความลำบากเข้ามาเยือนแน่นอน



วันนี้ All NEW Volkswagen Golf โฉมที่ 8 ก็ได้เผยโฉมออกมาแล้ว เมื่อมองแค่ด่านแรก บางคนอาจจะรู้สึกว่าใครเอาภาพ Golf โฉมที่ 7 มาลง แต่หากสังเกตให้ดี ๆ นี่แหล่ะคือโฉมที่ 8 เพราะตัวรถพื้นฐานยังคงถูกสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม MQB Platform เหมือนกับ Golf โฉมที่ 7 แต่มีวิวัฒนาการหลายจุดที่แตกต่างออกไปมาก

การออกแบบโดยรวมยังคงรักษาจุดยืน ความงดงามที่ไร้กาลเวลา Timeless Design ด้านหน้าคือสิ่งที่ฉีกแนวจาก Volkswagen Golf ออกไปมากที่สุด มีการออกแบบแนวฝากระโปรงหน้าที่ดูเตี้ยกว่ารุ่นเดิมอย่างเห็นได้ชัด เป็นเทคนิคการออกแบบที่แปลกดี ทั้งที่ใช้พื้นตัวถังไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก และมีการออกไฟหน้า LED ใหม่ที่ทางบริษัทยืนยันว่า ไฟหน้าและไฟท้าย LED มีมาใน Golf ทุกรุ่นย่อย

มีการขัดเกลาเส้นสายให้มีเทคนิคการสะท้อนของเงาและการรีดความคมของเส้นสายตัวถัง ให้อยู่ในตำแหน่งเดียวกับมือจับประตูภายนอก ดีไซน์ของบั้นท้ายแลดูจะไม่แตกต่างจากของเดิมมากนัก อาศัยเทคนิคการออกแบบพื้นผิวตัวถัง ที่ดูเรียบละมุนมากขึ้น


มิติภายนอก

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,284 x 1,789 x 1,456 มิลลิเมตร
  • ระยะฐานล้อ : 2,636 มิลลิเมตร

มิติตัวถังไม่แตกต่างจากรุ่นเดิมมากนัก ยาวขึ้น แต่แคบลง ระยะฐานล้อไม่แตกต่างจากเดิมมากนัก มีตัวเลขสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่เพียง 0.27 เท่านั้น

ทุกรุ่นย่อยจะติดตั้งมาตรวัดผู้ขับขี่แสดงผลแบบจอสี TFT ขนาด 8.25 นิ้ว, ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์, ระบบการเชื่อมต่อ WeConnect และ WeConnect Plus, พวงมาลัยมัลติฟังก์ชัน, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ, ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน Lane Departure Warning, ระบบตรวจจับและป้องกันการชนด้านหน้าและเทคโนโลยีใหม่ Car2X

ไฮไลต์สำคัญก็คือการพัฒนาระบบเชื่อมต่อให้ก้าวไปอีกขั้น ด้วยการติดตั้งช่วยเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต (OCU : online connectivity unit) หน่วยนี้จะฝัง eSIM ลงไป เพื่อเชื่อมต่อบริการ WeConnect และ WeConnect Plus และรวมถึงการเชื่อมต่อระหว่างรถสิ่งแวดล้อมรอบด้าน Car2X อาทิ สามารถรับรู้ไฟสัญญาณการจราจรล่วงหน้าจากฐานข้อมูลการจราจร รวมถึงการเชื่อมต่อกับรถยนต์ด้วยกันในรัศมี 800 เมตร เป็นต้น

ฟังก์ชันที่ Volkswagen Golf โฉมที่ 8 ติดตั้งมาเพื่อให้มันกลายเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีรถยนต์ในกลุ่ม C-Segment ก็คือ ระบบช่วยเหลือการขับขี่ Travel Assist อันประกอบไปด้วย ระบบอ่านป้ายจำกัดความเร็ว, ระบบควบคุมตัวรถให้อยู่ในเลนอัตโนมัติ (สามารถปล่อยมือหลวม ๆ ใกล้พวงมาลัยได้), ระบบเตือนมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน และระบบช่วยขับขี่กึ่งอัตโนมัติ ที่สามารถรองรับความเร็วสูงถึง 210 กิโลเมตร/ชั่วโมง ระบบจะช่วยประคองพวงมาลัย, เร่งและเบรกให้อัตโนมัติ ตามรถยนต์คันหน้า

(Volkswagen Golf 8 GTE)

 

สเป็คตัวรถก็อัดแน่นเอามาก เช่น เกรด Life จะมาพร้อมกับ ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว, ไฟส่องทางเท้าโลโก้ VW, ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย, ไฟส่องสว่างภายใน 10 เฉดสี, ที่ท้าวแขนกลางคู่หน้า, ระบบช่วยถอยจอด ParkPilot

เกรด Life แบบรุ่นเพิ่มออพชั่น จะมอบล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว, ตกแต่งด้วยโครมเมี่ยมรอบคัน, เบาะนั่งแบบสปอร์ต, ไฟภายในห้องโดยสาร 32 เฉดสี, ไฟหน้า LED แบบปรับมุมองศาตามการเลี้ยว, ไฟเลี้ยวท้ายกระพริบแบบ Dynamic, มีระบบ Travel Assist และ Lane Assist

ขุมพลัง Volkswagen Golf โฉม 8 ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซินและดีเซล ฉีดเชื้อเพลิงตรง เทอร์โบ ให้กำลังตั้งแต่ 90-300 แรงม้า (PS) แบ่งออกเป็น เบนซิน 1.0 ลิตร เทอร์โบ 90/110 แรงม้า (PS) และเบนซิน 1.5 ลิตร เทอร์โบ 130/150 แรงม้า (PS)

เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตรให้กำลัง 115/150 แรงม้า (PS) มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ DSG และมีแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4MOTION ในรุ่น 150 แรงม้า

(Volkswagen Golf 8 R-Line)

 

ไฮไลต์สำคัญคือการแนะนำขุมพลัง Mild Hybrid ที่ชื่อว่า eTSI ที่นำ starter generator 48 โวลต์และแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน 48 โวลต์ มาจับคู่เครื่องยนต์เบนซิน TSI ให้กำลัง 110/130/150 แรงม้า (PS) มีเฉพาะเกียร์ DSG 7 จังหวะ

แบบ Plug-in Hybrid มีให้เลือกกำลัง 204/245 แรงม้า (PS) แบตเตอรี่ขนาด 13 กิโลวัตต์ชั่วโมง รองรับการวิ่งในโหมด EV สูงสุด 60 กิโลเมตร

All NEW Volkswagen Golf โฉม 8 ใส่ความล้ำสมัยมาเต็มพิกัด พร้อมทำตลาดในยุโรปเดือนธันวาคม 2019

ที่มา : Carscoops