ใครพอจำได้บ้างครับว่าเพลงนี้คือเพลงอะไร? มันคือเพลงที่มีท่อนหนึ่งร้องว่า

ทำยังไงได้ ก็ไม่ได้เกิดมาบนกองทอง
พ่อแม่พี่น้องทุกคน ก็ประชาชนเดินดิน
หากชีวิตนี้ไม่สิ้น ก็ดิ้นกันไป
ชีวิตนี้ ใช้หนี้อย่างเดียว

ถามว่าเนื้อร้องท่อนนี้ หรือเพลงนี้ทั้งเพลงมันเกี่ยวข้องกับมหกรรมแสดงรถยนต์
อย่างไรหรือ? ผมไม่รู้จะอธิบายยังไง แต่ว่ามันแว่บเข้ามาในหัวของผม แล้วก็ผูก
ไปถึงวัฏจักรของพวกเราทุกคนที่มีส่วนในงานมอเตอร์โชว์ต่างๆ ทั้งคนที่เป็นผู้ซื้อ
ซึ่งต้องทำงานเหนื่อยยากกว่าจะได้เงินมาซื้อรถ ทั้งคนที่ทำงานในบริษัทรถยนต์
ที่ต้องดิ้นสู้กันไปในภาวะที่ดูเหมือนความอยากในการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า
ลดน้อยถอยลง

แต่สุดท้าย ก็เหมือนกันหมดแหละ ทุกคนต้องใช้หนี้ ไม่ว่าจะเป็นหนี้เพื่อรถยนต์
คันใหม่ของครอบครัวหรือหนี้อื่นๆ

มันอาจจะดูเหมือนไม่เกี่ยว แต่นั่นก็คือชีวิตของพวกเราทุกคนที่ต้องมีชีวิตเวียน
ว่ายอยู่กับโลกยนตรกรรม ผมอาจจะคิดใหม่ถ้าได้รู้เนื้อเพลงตั้งแต่ต้นจนจบก็ได้
แต่ระหว่างนี้ใช้มันเป็นแรงบันดาลใจไปก่อน

หรือต่อให้คุณไม่คิดจะเป็นหนึ่งในวัฏจักรยานยนต์ดังกล่าว หรือแค่มาเดินดูเป็น
ประชาชนเดินดิน คุณอาจพบว่างาน Bangkok International Motor Show
ครั้งที่ 38 นี้ มีรถเด็ดๆให้คุณดูมากกว่าที่คาด ผมบอกแล้วว่าอุตสาหกรรมยานยนต์
เป็นเสือที่ยิ่งโดนล่ายิ่งดุ ต่อให้ยอดขายหรือยอดคนดูจะไม่สวยหรูเหมือนยุคที่
รัฐช่วยออกเงินให้คนซื้อรถ บริษัทต่างๆก็จะมีวิธีในการประกาศศักดาของตัวเอง
ด้วยการขนรถรุ่นใหม่ๆมานำเสนอ หรือค่ายไหนที่ยังไม่มีรถรุ่นใหม่ก็อาจมีการ
อัปเดตผลิตภัณฑ์ที่มีอยู่ให้น่าซื้อยิ่งขึ้น

อย่างปีที่แล้ว นับรถรุ่นใหม่ + รถไมเนอร์เชนจ์ + รถอัปเดตอุปกรณ์ได้ประมาณ
25 รุ่น…ปีนี้แค่นับรถรุ่นที่เผยโฉมในงานแบบตัวถังใหม่ สดสำหรับตลาดไทย
ก็ปาเข้าไป 17 รุ่นแล้ว ถ้านับรวมทั้งรถใหม่สดและรถที่มีการปรับปรุงรายละเอียด
ต่างๆไปด้วย ก็จะมากกว่า 33 รุ่น ซึ่งดูจะเหนือกว่าปีที่แล้วเสียอีก

ทาง Headlightmag.com จึงไปสำรวจงานมาก่อนล่วงหน้าในวันที่ 27-28 มีนาคม
และนำเอาไฮไลท์ในงานมาสรุปไว้ภายในบทความนี้ เพื่อช่วยให้ท่านที่กำลังติดตาม
ข่าวสารยานยนต์สามารถเลือกได้ว่าอยากจะไปดูบูธไหนก่อนหรือหลังเพื่อไปเก็บ
ข้อมูลหรือเก็บภาพรถคันโปรดที่ท่านต้องการ (แต่ขอบอกไว้สักนิดว่าในหลายครั้ง
วันงานรอบพิเศษ กับรอบสาธารณะ บางบูธจะมีการสับเปลี่ยนตำแหน่งการจอด
ของรถที่มาโชว์บ้างนะครับ)

งาน Bangkok International Motor Show 2017 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 29 มีนาคม
ไปจนถึงวันที่ 9 เมษายน ระหว่างเวลา 12.00-22.00 น. ของทุกวัน

 

Aston Martin
DB11/Vanquish S

Aston_all

สำหรับปีนี้ ที่จริงทาง Aston มีคิวเผยรถใหม่คือ Vanquish S ซึ่งเป็นรถเรือธง
ของทางค่ายที่พัฒนาต่อจากรุ่น Vanquish ให้แรงและเกาะถนนขึ้นอีกระดับ
เป็นรถสั่งลารุ่นสุดท้ายสำหรับเครื่อง V12 ไร้เทอร์โบเสียงหวานโหด ก่อนที่
รถของ Aston จะเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบหมด แรงม้าจากรุ่นปกติ
576PS ถูกปรับจูนจนได้ออกมาเป็น 603PS แรงบิดสูงสุด 630 นิวตัน-เมตร
เท่ารุ่นเดิม นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงระบบอากาศพลศาสตร์รอบคันรถ
เพื่อให้ทรงตัวได้ดีกว่าเดิม

น่าเสียดายที่รถคันดังกล่าวขนส่งมาไม่ทันรอบสื่อมวลชน แต่สำหรับพวกเรา
ที่ไปดูงานในรอบสาธารณชน รับรองว่าได้เจออย่างแน่นอน

Aston_DB11

รถรุ่นที่มาโชว์และขายจริงในครั้งนี้ก็คือ DB11 ซึ่งนำเข้ามาให้คนไทยยลโฉม
ตั้งแต่งาน Bangkok International Motor Show ปี 2016 แล้ว

DB11 นับเป็นรถรุ่นแรกที่เปิดตัวตามแผนการ “สู่ศตวรรษที่ 2″ ของทางค่าย
เปลี่ยนมาใช้แพลทฟอร์มอะลูมิเนียมแบบใหม่ พร้อมทั้งวางเครื่องยนต์ V12
เทอร์โบคู่รุ่นใหม่ซึ่งพัฒนาเองในค่าย มีขนาดความจุ 5.2 ลิตร พร้อมระบบตัด
การทำงานของลูกสูบ ให้กำลังสูงสุด 608 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 700
นิวตัน-เมตร ส่งกำลังจากเครื่องสู่เพลากลางแบบคาร์บอนไฟเบอร์ แล้วห้อยเกียร์
เอาไว้ที่ด้านท้ายรถ เป็นเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะของ ZF ทำความเร็วสูงสุดได้ถึง
322 กิโลเมตร/ชั่วโมง ถังน้ำมันขนาด 78 ลิตร  สนนราคาอยู่ที่ 24,900,000 บาท

 

Audi
– กลับมาด้วยมาดใหญ่ยง เปิดตัว Q2, Q3, A4, Q5, A5 Coupe, Q7, R8
และเผย TT ราคาใหม่ที่ถูกลง
Audi_all

หลังจากได้ผู้แทนจำหน่ายใหม่เป็น Meister Technik แบรนด์ Audi ก็กลับ
มารุกตลาดอย่างรุนแรงและหนักหน่วงด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ทีเดียวพร้อมกัน
หลายรุ่น ทำให้ในขณะนี้ลูกค้ามีทางเลือกตั้งแต่ A4, A5, A6, Q2, Q3, Q5, Q7,
TT และรวมไปถึงซูเปอร์คาร์อย่าง R8 V10 ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ Audi
Thailand ก็จัดเต็ม นำรถมาโชว์เกือบครบทุกรุ่น พร้อมเสนอเงื่อนไขรับประกัน
คุณภาพรถระยะเวลา 5 ปี หรือ 150,000 กิโลเมตรพร้อมบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน
Audi Roadside Assistance ตลอดระยะเวลา 5 ปี

Audi_Q2_2

Q2 เป็นรถขนาดเล็กที่สุดของตระกูล Q ในขณะนี้ ใช้ทำรูปทรงเป็นแบบครอสโอเวอร์
ที่พยายามเน้นลูกเล่นทางการออกแบบ เช่นเสา C-pillar ลายคาร์บอนไฟเบอร์
และสีสันแบบที่วัยรุ่นชอบ มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ Q2 35 TFSI ซึ่งใช้เครื่องยนต์
ขนาด 1.4 ลิตรเทอร์โบ 150 แรงม้า ขับเคลื่อนล้อหน้า (ไม่มีรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ)
ตั้งราคาสำหรับงานมอเตอร์โชว์เอาไว้ที่ 2,299,000 บาท สิ้นสุด 9 เมษายน
และต้องส่งมอบรถภายในสิ้นปีนี้

Q3 เป็นรถขนาดใหญ่ขึ้นมาอีกระดับจาก Q2 และมีกลุ่มเป้าหมายชนกับรถอย่าง
BMW X1 กับ Mercedes-Benz GLA มีการเพิ่มอุปกรณ์และวัสดุการตกแต่ง
ให้ดูหรูขึ้นมากกว่า Q2 เพื่อให้สามารถจับตลาดลูกค้าได้กว้างขึ้น (ค่อนไปทาง
แก่ขึ้น) มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียวคือ Q3 35 TFSI Quattro ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
180 แรงม้า ขับเคลื่อน 4 ล้อ ราคา 2,549,000 บาท

Audi_Q5
Q5 เป็นรถลูกผสม SUV/Crossover ขนาดกลาง ซึ่งถือว่าเป็นคู่แข่งของรถอย่าง
BMW X3 และ Mercedes-Benz GLC มีขุมพลังให้เลือก 2 แบบ คือรุ่น
Q5 35 TDI Quattro 2.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบ 190 แรงม้า ซึ่งยังไม่ได้ประกาศราคา
และรุ่น Q5 45 TFSI Quattro S line 2.0 ลิตร เบนซินเทอร์โบ 252 แรงม้า
ราคา 3,899,000 บาท ทั้ง 2 รุ่นเป็นแบบขับเคลื่อน 4 ล้อ

A4 เป็นรถซาลูน ระดับเดียวกันกับ BMW ซีรีส์ 3 และ Mercedes-Benz C-Class
มีให้เลือก 2 รุ่นได้แก่ A4 40 TFSI S line 2.0 ลิตร 190 แรงม้า ราคาตั้งเอาไว้ที่
2,699,000 บาท กับรุ่น A4 45 TFSI Quattro S line ความจุ 2.0 ลิตรเท่ากัน
แต่ได้พลัง 252 แรงม้า ตั้งราคาไว้ 3,149,000 บาท

Audi_A5
A5 Coupe ก็คือ A4 เวอร์ชั่นดีแปลงร่างเป็นรถคูเป้ 2 ประตู เพื่อให้สามารถ
เป็นคู่แข่งสายตรงกับ BMW ซีรีส์ 4 และ Mercedes-Benz C-Coupe มีขุมพลัง
และการขับเคลื่อนให้เลือก 2 แบบคือรุ่น A5 Coupe 40 TFSI S line 2.0 ลิตร
เทอร์โบ 190 แรงม้า ราคา 3,699,000 บาท ต่อมาก็คือรุ่นเดิม เครื่องเดียวกัน
แต่เพิ่มล้อจาก 18 เป็น 19 นิ้ว ราคาก็บวกอีกแสนกลายเป็น 3,799,000 บาท
รุ่นแรงสุด เป็นรุ่น A5 Coupe 45 TFSI Quattro S line เพิ่มพลังเป็น 252 แรงม้า
ราคา 4,299,000 บาท

สำหรับรายละเอียดเพิ่มเติมทั้งเครื่องยนต์ อุปกรณ์ และรูป คลิกได้ที่นี่

A6 ซาลูนขนาดกลางของยุโรปที่เป็นคู่ฟัดกับ BMW ซีรีส์ 5 และ Mercedes-
Benz E-Class แม้ในงานรอบ VIP กับรอบสื่อมวลชนจะยังไม่มาโชว์ตัวจริง
แต่ก็พร้อมขายแล้ว โดยมีขุมพลังให้เลือกเพียงแบบเดียวคือ A6 35 TFSI
S line เครื่องยนต์ 1.8 ลิตรเทอร์โบ 190 แรงม้า ราคา 3,199,000 บาท

Q7 SUV ตัวใหญ่ของทางค่าย คู่แข่งสายตรงกับ BMW X5 และ Mercedes-
Benz GLE มีให้เลือก 2 รุ่น ได้แก่ Q7 40 TFSI Quattro 2.0 ลิตรเทอร์โบ
252 แรงม้า ราคา 4,499,000 บาท และรุ่น Q7 45 TFSI 3.0 ลิตร V6
333 แรงม้า ราคา 4,999,000 บาท

Audi_R8

Audi R8 ซูเปอร์คาร์ที่แชร์โครงสร้างกับเครื่องยนต์กลไกร่วมกับ Lamborghini
Huracan มาคราวนี้มีเพียงรุ่นเดียว คือ R8 V10 5.2 FSI Quattro มีพลังแรงม้า
540 แรงม้า สนนราคาอยู่ที่ 18,999,000 บาท..น่าจะเป็นตัวเลือกซูเปอร์คาร์
สายพันธุ์ยุโรปเครื่องวางกลางลำม้าทะลุ 500 ตัวที่ถูกที่สุดแล้ว ถ้าไม่นับการที่
Niche Cars สั่งลดราคา McLaren 540C 540 แรงม้าในงานมอเตอร์โชว์ลงมา
อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน

และแถมท้ายด้วย Audi TT ซึ่งเป็นรุ่นที่ทางผู้แทนจำหน่ายเก่าขายมานานแล้ว
แต่คราวนี้เปิดมาถูกลง 800,000 บาท เหลือแค่ 3,199,000 บาท เป็นรุ่น
45 TFSI Quattro S line 2.0 ลิตรเบนซินเทอร์โบ 230 แรงม้า เกียร์ S-Tronic
6 จังหวะ สาเหตุที่ราคาถูกลง ก็ด้วยวิธีการจัดอุปกรณ์ และเลือกล้อขนาด
17 นิ้วที่หลายคนบ่นว่าดูจืดนั่นล่ะมาใส่ ทำให้ค่า CO2 ลดลงมาเหลือ 149
กรัม/กิโลเมตรและทำให้ภาษีสรรพสามิตลดจาก 35 เหลือ 30%

อ่านรายละเอียด ดูรูปรถคันจริงของ TT จากงานมอเตอร์โชว์ ได้ที่นี่

 

BMW/MINI
– ซีรีส์ 5 ตัวถังใหม่/ซีรีส์ 7 รุ่นย่อยใหม่/320d GT LCI/ซีรีส์ 3 รุ่นย่อยใหม่

BMW_all

ขุนศึกเหล็กจากเยอรมนีค่ายนี้ แทบไม่มีงานมอเตอร์โชว์ไหนเลยที่ผ่านไป
โดยไม่มีอะไรมากระแทกให้เกิดเนื้อข่าว ในงานครั้งนี้ BMW ขนรถรุ่นใหม่ๆ
มาเต็มพิกัด ไล่ระดับราคาตั้งแต่ 2 ล้านกลางๆ ไปจนถึงระดับเกิน 10 ล้าน
เอาใจคนชอบแบรนด์ใบพัดฟ้าขาวทุกระดับรายได้
BMW_520dBMW_530i

รุ่นที่ใหม่สด และมีคนเฝ้ารอมากที่สุด ก็น่าจะเป็น ซีรีส์ 5 ตัวถังใหม่ G30
เพิ่งจะเปิดตัวในเมืองนอกตอนปลายปี ก็เอาเข้ามาไทยทันมอเตอร์โชว์นี้เลย
โดยในช่วงนี้จะมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่น ซึ่งก็คือรุ่น 520d Luxury เครื่องยนต์
ดีเซล 2.0 ลิตร 190 แรงม้า ราคา 3,899,000 บาท และรุ่น 530i M Sport
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร 252 แรงม้า 4,399,000 บาท ทั้ง 2 รุ่นใช้เกียร์
อัตโนมัติ 8 จังหวะ และเป็นรถนำเข้า
BMW_760Li
เรือธงของค่ายอย่างซีรีส์ 7 ก็มีการเปิดตัวรุ่นย่อยใหม่เช่นกัน ได้แก่
740Le xDrive Pure Excellence ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบ
TwinPower Turbo 258 แรงม้า บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าพลัง 113 แรงม้า
กำลังขับรวมได้ 326 แรงม้า กับแรงบิด 500 นิวตัน-เมตร สามารถเสียบปลั๊ก
ชาร์จกับไฟบ้านหรือที่ชาร์จของ BMW ได้เช่นเดียวกับ 330e และ X5 รุ่น
xDrive40e สนนราคาอยู่ที่ 6,699,000 บาท ดูรูปและรายละเอียดเพิ่มเติม
ได้ที่นี่

ส่วนรุ่นท้อปที่เป็นของหายากอย่าง M760Li V12 Model Excellence นั้น
เอามาเพื่อเศรษฐีที่ชอบของแปลก และต้องแรงด้วย เพราะนอกจากเครื่องจะโต
ขนาด 6.6 ลิตรแล้ว ยังติดเทอร์โบเข้าไปอีกทำให้มีแรงม้าสูงสุดถึง 610 แรงม้า
แรงบิดมากมายถึง 800 นิวตัน-เมตร ตั้งราคาไว้ 12,499,000 บาท
BMW_320dGTLCIBMW_320dMperformance

ดูแต่ของแพงเดี๋ยวจะเหงาใจ คนฐานะปานกลางค่อนข้างสูงก็มีของเล่นใหม่
กับเขาเหมือนกัน BMW ใช้พื้นที่งานนี้เปิดตัว 320d GT LCI ปรับโฉมใหม่
ราคาอย่างเป็นทางการ (นำเข้า CBU) มีรูปแบบการตกแต่งให้เลือก 2 แบบ
คือ 320d GT Luxury และรุ่น 320d GT Sport ซึ่งจุดที่ต่างกันหลักๆระหว่าง
2 รุ่นนี้คือลายล้อ (แต่ขอบ 18 เท่ากัน) การตกแต่งภายในที่ใช้วัสดุสีเงิน
เบาะสปอร์ต และ Paddle Shift ในรุ่น Sport

ทั้ง 2 รุ่นวางราคาเอาไว้ 2,999,000 บาทเท่ากัน ดูรายละเอียดเพิ่มเติมที่นี่

และถ้าคุณไม่ชอบรถ 5 ประตูตัวถังยาวๆ (ซีรีส์ 3 GT แชร์ฐานล้อกับซีรีส์ 3
รุ่น Long Wheel Base ที่ขายในจีน ซึ่งยาวกว่ารุ่นปกติ 110 มิลลิเมตร) ก็ยังมี
320d M Performance ให้เลือก

ตัวรถพื้นฐาน เริ่มจากรุ่น 320d Iconic เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร 190 แรงม้า
จากนั้นปรับเปลี่ยนภายใน/ภายนอกใหม่ กระจังหน้ารมดำ ล้ออัลลอยลาย M
ขนาด 18 นิ้ว สปริงแต่ง M Performance ลดความสูงลง 10 มิลลิเมตร
(แต่โช้คเดิม) ชุดแต่งและสปอยเลอร์ M Performance พร้อมคาดสติกเกอร์
แถบ 3 สีลายประจำทีม M ส่วนภายใน เพิ่มระบบ Comfort Access เปลี่ยนโทน
สีการตกแต่งเป็นเบาะสีแดง พวงมาลัย M Performance (แบบไม่มี Paddle shift)
มีให้เลือกแค่ 2 สีคือสีดำกับสีขาว ตั้งราคาไว้ที่ 2,499,000 บาท แพงขึ้นกว่า
รุ่น Iconic 200,000 บาท ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

นอกจากรถทั้งหมดที่กล่าวไป ท่านยังสามารถพบรถรุ่นอื่นๆได้อีก ไม่ว่าจะเป็น
320d Iconic, 330e ทั้งรุ่น Luxury และ M-Sport รวมไปถึงรถตระกูล X ต่างๆ
แม้แต่ M2, M4 และ i8 ก็ถูกนำมาโชว์ตัวด้วยเช่นกัน

BMW_Mini_AllBMW_Mini_countryman

ส่วน Mini นั้นก็มีรถเปิดตัวใหม่ 2 รุ่น

Mini Countryman รุ่นใหม่ มาเผยโฉมแล้วที่งานนี้ มันคือรถครอสโอเวอร์
แบบใต้ท้องสูงกว่ารถเก๋งปกติ ขนาดตัวโตขึ้นกว่าเดิม ยาวขึ้น 20 เซนติเมตร
ความกว้างที่เพิ่มขึ้นอีก 3 เซนติเมตร และฐานล้อที่ยาวขึ้น 7.5 เซนติเมตร
3 รุ่น 3 ราคาได้แก่

Mini Cooper Countryman เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบ 136 แรงม้า
ราคา 2,339,000 บาท
Mini Cooper S Countryman เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 4 สูบเทอร์โบ 192 แรงม้า
ราคา 2,699,000 บาท
Mini Cooper S Countryman Hightrim เครื่องยนต์เดียวกับตัวข้างบนแต่
ปรับเพิ่มอุปกรณ์ ราคา 2,999,000 บาท

และ Mini John Cooper Works Clubman ตัวแรงที่ใช้เครื่องยนต์เดียวกับ
Mini JCW 231 แรงม้า แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร แต่มีความพิเศษด้วยการ
ส่งกำลังสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ ALL4 ทำให้กลายเป็นรถ Sport Compact
เครื่องเทอร์โบขับเคลื่อน 4 ล้อที่มีสไตล์เฉพาะตัว ในราคา 3,588,000 บาท

 

Chevrolet
– Colorado รุ่นพิเศษ/รถโชว์ Chevrolet Corvette/Silverado/Apache

Chevrolet_all

หลังจากที่ Chevrolet เริ่มมาเอาดีทางด้านรถกระบะและรถอเนกประสงค์
อย่างจริงจัง ก็ไม่แปลกที่พื้นที่ส่วนมากของบูธจะเน้นการประชาสัมพันธ์
รถที่เป็นยอดขายหลักที่พยุงค่ายนี้เอาไว้ แต่เพื่อไม่ให้ชีวิตดูน่าเบื่อเกินไป
ก็ยังเรียกคนเข้าบูธได้ด้วยรถโชว์พิเศษ 3 คันซึ่งควรค่าแก่การแวะเข้าไปดู
โดยเฉพาะสำหรับคนที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเทศและเห็นรถตัวจริง
ของรุ่นเหล่านี้มาก่อน

Chevrolet_Storm

เรามาเริ่มกันที่รถสำหรับขายบ้านเราก่อนดีกว่า Colorado High Country Storm
ดูเหมือนเป็นคู่ประหมัด “Sticker War” ที่เหมาะสมกับ Navara Black Edition ชะมัด
แม้แต่สิ่งที่เพิ่มไปในตัวรถ ก็มีลักษณะคล้ายกัน เช่น แต่ Chevrolet ดูจะทรงเครื่อง
เยอะกว่านิดหน่อย ยกตัวอย่างเช่น สปอร์ตบาร์สีดำ, ล้ออัลลอยสีดำ, สติกเกอร์ฝา
กระโปรงหน้าและด้านข้างธีม Storm, กระจกมองข้างสีดำ ขอบหน้าต่าง มือจับประตู
กันชนท้ายสีดำ เป็นต้น

สิ่งที่แตกต่างคือในขณะที่ Nissan นำ Navara รุ่นรองๆมาทำเป็น Black Edition
Storm ของ Chevrolet กลับเลือกรุ่นท้อป 2.5 ลิตร 180 แรงม้า (XLDE25LP2) เป็นรถ
พื้นฐานในการตกแต่ง ออพชั่นครบด้วยมัลติมีเดียรองรับ Apple CarPlay (Colorado
เป็นกระบะรุ่นแรกในไทยที่รองรับ) มีระบบใช้รีโมทสตาร์ทเครื่องเปิดแอร์รอได้ ถุงลม
รอบคัน ระบบคุมการทรงตัว กันไหล กันพลิกคว่ำครบ มีให้เลือก 2 รุ่น คือ

2.5 L Storm ขับเคลื่อน 2 ล้อเกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,028,000 บาท
2.5 L Storm ขับเคลื่อน 4 ล้อ เกียร์อัตโนมัติ ราคา 1,098,000 บาท

อนึ่งผู้เขียนขอขอบคุณที่ใช้แค่ชื่อ Storm สั้นๆ เวลายืมมาทำบทความไม่ต้อง
เขียนชื่อรุ่นยาวๆแบบที่ Colorado รุ่นอื่นเป็นกันนี่ Happy มาก

Chevrolet_Corvette
รถโชว์ Chevrolet Corvette Stingray รถสปอร์ตอเมริกันที่สั่งสมชื่อเสียง
จากรุ่นก่อนๆมานานกว่า 60 ปี มีรหัสเรียกขานตัวถังเป็นรุ่น C1, C2, C3
ไล่มาจนปัจจุบันที่เห็นในภาพนี้เป็น C7 เปิดตัวตั้งแต่ปี 2014 ใช้เครื่องยนต์
LT1 V8 6.2 ลิตร Pushrod (แคมชาฟท์อยู่กลางเครื่องตีก้านกระทุ้งยาวที่
มาเตะเปิดวาล์วแต่ละตัว-ไม่ใช่แบบที่แคมชาฟท์อยู่เหนือลูกสูบแบบรถทั่วไป)
สร้างกำลังได้ 455 แรงม้า แรงบิด 620 นิวตัน-เมตร

Chevrolet_Silverado

Silverado กระบะไซส์อเมริกัน ตัวยาว 5.8 เมตร (ยาวกว่ากระบะบ้านเรา
ประมาณ 400-600 มิลลิเมตร) กว้าง 2.03 เมตร มีเครื่องยนต์หลายขนาด
ตั้งแต่ 4.3 ลิตร 285 แรงม้าไปจนถึง 6.2 ลิตร 420 แรงม้า ทั้งหมดเป็น
เครื่องยนต์ของ GM ตระกูล ECOTEC3 รถคันที่เห็นนี้เป็นเจนเนอเรชั่น
ที่ 3 ของ Silverado ซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 และเพิ่งมีการไมเนอร์เชนจ์
ไปในปี 2016

นอกจากนี้ ถ้าใครชอบดูรถคลาสสิค ที่ข้างเวทียังมี Chevrolet Apache
กระบะคลาสสิคจากยุค 1960s จอดให้ชมกัน

Chevrolet’s Promotion
ทุกรุ่น รับดอกเบี้ย 0% และฟรีประกันภัยชั้น 1

 

Ford
– Focus Trend รุ่นย่อยใหม่ราคาถูกลง..

Ford_all
งานนี้ ยังไม่มีรถรุ่นใหม่ ยังคงเน้นขาย Ranger ไมเนอร์เชนจ์ได้เรื่อยๆ เพราะ
เท่าที่ดูมา Ranger ก็ยังมีกระแสความนิยมจนสามารถกวาดยอดขายได้มาก
ที่สุดในบรรดารถกระบะที่ไม่ใช่เจ้าตลาด ส่วน Everest นั้นก็เป็นรถ PPV
ที่มีอุปกรณ์ล้ำสมัยและภายในที่ทำมาดูสวยงาม มีความใกล้เคียง SUV
ระดับพรีเมียม ทั้งเรื่องดีไซน์และการขับขี่

Ford_Trend

Ford Focus จากเดิมที่มีรุ่น EcoBoost ขายอยู่รุ่นเดียวในราคา 1,099,000 บาท
(ภายหลัง และปัจจุบัน ลดราคาเหลือ 999,000 บาท) ในงานมอเตอร์โชว์นี้
จึงได้มีการเพิ่มทางเลือกใหม่ รุ่น Focus Trend โดยใช้เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร
เทอร์โบ 180 แรงม้า ได้ออพชั่นด้านความปลอดภัยเชิงป้องกันเช่นระบบรักษา
การทรงตัว ABS, ESP, Traction control เหมือนกับรุ่นท้อป มีภายนอกที่ดูห่างๆ
เกือบจะเหมือนกัน แต่ไฟหน้ากับไฟท้ายรุ่น Trend จะดูธรรมดากว่า และภายใน
มีจอกลางคนละชุดกัน แอร์ออโต้ถอดออก ระบบช่วยจอดถูกถอดออก กระจก
มองข้างไม่มีกลไกพับไฟฟ้า เครื่องเสียงไม่รองรับ Apple CarPlay เป็นต้น

Focus Trend เปิดราคามา 919,000 บาท แถมมีการบอกว่าราคานี้จะอยู่ถึง
30 เมษายนนี้เท่านั้น (จากนั้นจะเพิ่มหรือลดค่อยมาว่ากันเนาะฟอร์ด) ตัวรถจะ
เริ่มส่งมอบได้ภายในสิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้

Ford’s Promotion
– Everest ทุกรุ่น และ Ranger Wildtrak ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1
– Ranger Open Cab และ Double Cab XLT และ FX4 อัตราดอกเบี้ยพิเศษ
0.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
– Ranger Open Cab XL ดาวน์เริ่มต้น 29,000 บาทหรือผ่อนเริ่มต้น 7,999 บาท
ต่อเดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1
– Focus ทั้งรุ่น Sport และ Trend ฟรีประกันภัยชั้น 1
– EcoSport ราคาพิเศษ 699,000 บาท ผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 5,999 บาท ฟรี
ประกันภัยชั้น 1

Honda
– All New CR-V/Civic Hatchback

Honda_all

ไม่ต้องสงสัยเลยว่างานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ วันเสาร์อาทิตย์บูธ Honda น่าจะเป็น
สถานที่อันคับคั่งไปด้วยผู้คนแออัด เพราะมีรถที่ตอบสนองโจทย์ลูกค้าแทบจะ
ทุกกลุ่ม ตั้งแต่กลุ่มนิยมรถ 1.2 ลิตร ก็มี Brio/Amaze กลุ่มรถใช้งานยอดนิยม
ก็มี City/Jazz เป็นตัวทะลวงฟันยอดขาย Civic ใหม่เองแม้จะเปิดตัวมาครบปี
ก็ยังเป็นหอกข้างแคร่ของ Altis ใหม่อยู่วันยังค่ำ

Honda_CRV

จากนั้นสำหรับตลาดรถอเนกประสงค์พื้นฐานรถเก๋ง ก็มี Honda CR-V ใหม่ที่
เพิ่งเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2017 งานนี้คุณสามารถสัมผัสกับรถคันจริง
ซึ่งมีทั้งรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร 175 แรงม้า จับคู่กับเกียร์ CVT สามารถเติมน้ำมัน
เบนซินทุกชนิดจนถึง E85 หรือถ้าใครชอบของใหม่ อาจจะอยากลองขุมพลัง
เครื่องยนต์ดีเซล i-DTEC 1.6 ลิตร 160 แรงม้าที่มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ
9 จังหวะ ทั้ง 2 รุ่นมีให้เลือกทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้า และแบบขับเคลื่อน
4 ล้อแบบ Real-time ราคาเริ่มต้นของรุ่น 2.4 ขับเคลื่อนล้อหน้าอยู่ที่
1,399,000 บาท อาจจะดูสูง แต่อย่าลืมว่านี่ 2.4 ไม่ใช่ 2.0

ถ้าอยากดูรายละเอียดเทียบอุปกรณ์รถ CR-V แต่ละรุ่นพร้อมทั้งรูปภายใน
และราคาเพิ่มเติม คลิกได้ที่นี่ หรืออ่านบทความทดลองขับรุ่น 1.6 ดีเซล
สั้นๆที่บุรีรัมย์โดย J!MMY คลิกที่นี่

 

Honda_Civic_hb

สำหรับลูกค้ากลุ่มวัยรุ่น วัยแรง นาทีนี้ไม่มีใครถูกเอ่ยถึงมากไปกว่า Honda Civic
Hatchback ราคา 1,169,000 บาท มีขายรุ่นเดียวคือรุ่น 1.5 TURBO (ไม่มี RS)
ซึ่งนอกจากจะมีความเด่นของบอดี้ 5 ประตูเป็นตัวกินเงินวัยรุ่นแล้ว การจัด
อุปกรณ์ในรถคันนี้ก็น่าสนใจ เพราะเปรียบเสมือนเป็นรุ่นกลางที่แทรกอย่าง
เหมาะสมระหว่างตัวซีดาน 1.5 TURBO ราคา 1,099,000 บาท ที่ได้เครื่องแรง
แต่ขาดอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย กับรุ่นท้อปของครบๆแบบ 1.5 TURBO RS
ซึ่งมีอุปกรณ์ทั้งเชิงของเล่นและเชิงความปลอดภัยครบ แต่ราคา 1,199,000 บาท
รุ่น Hatchback นี้ได้ล้อแบบรุ่น TURBO แต่ได้ถุงลมนิรภัยด้านข้างและม่าน
เหมือนรุ่น TURBO RS และไม่มีระบบนำทางกับ Lane Watch แค่นั้น/

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม เชิญกระทู้ที่คุณ MoO Cnoe ทำไว้ ได้ที่นี่

Honda’s Promotion

– ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ โปรฯดาวน์ 0% ทุกรุ่น
– โปรฯระบายสต็อค CR-V รุ่นเก่า ดอกเบี้ย 0% + ช่วยผ่อนเดือนละ 3,000 บาท
นาน 12 เดือน + ประกันภัยนาน 3 ปี (โดยใช้ บ.ประกันที่ Honda เลือกเท่านั้น)
– Mobilio ดอกเบี้ย 0.99% + ช่วยผ่อนเดือนละ 2,500 นาน 12 เดือน
– City ไมเนอร์เชนจ์ เลือกเอาระหว่างรับดอกเบี้ย 1.99% หรือ ฟรีประกันภัย 1 ปี
พร้อมรับ Honda Ultimate care 5 ปี
– Jazz ดอกเบี้ย 1.29% + ช่วยผ่อน 1,000 บาทนาน 12 เดือน
*ทุกรุ่น จองภายในวันที่ 9 เมษายน รับจักรยานพับ Modulo ฟรี
โปรโมชั่นของรุ่นอื่นๆ สามารถดูได้ที่เว็บไซต์ Honda Thailand

 

Hyundai

Hyundai_all

บูธ Hyundai ในปีนี้ ยังไม่มีรถอะไรใหม่ๆมาเซอร์ไพรส์และไม่มีรถต้นแบบหรือ
รถรุ่นเมืองนอกมาโชว์ อย่างไรก็ตามคาดว่าพวกรถที่ขายจริงอยู่ในปัจจุบัน
อย่าง H-1 และ Grand Starex นั้นก็ยังมีจุดขายทางด้านบาลานซ์ระหว่าง
ราคาและอุปกรณ์ที่ดูแล้วคุ้มค่า มีให้เลือกหลากรุ่นหลายระดับตามความ
ต้องการในการใช้งานของลูกค้า ตั้งแต่ 1,289,000 บาท ไปจนถึง 2,399,000
บาทใน Grand Starex ตัวท้อป

 

Hyundai’s Promotion

1. H-1 กับ Grand Starex ฟรีประกันชั้น 1 นาน 1 ปี
2. Elantra ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน
+ ฟรีประกันคุณภาพรถยนต์นาน 7 ปี หรือ 180,000 กิโลเมตร ฟรีค่าบำรุงรักษา
ทั้งค่าแรงและค่าอะไหล่นาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

Isuzu
– D-Max Limited Edition/MU-X ไมเนอร์เชนจ์

Isuzu_all

ฉลองวาระครบรอบ 60 ปีทองของ Isuzu งานนี้ก็มีรถรุ่นพิเศษเพิ่มเข้ามา
ให้เลือกอีกเช่นกัน ซึ่งก็คือ Isuzu D-Max Hi-Lander Limited ส่วนรถ
PPV อเนกประสงค์อย่าง MU-X ก็ถือว่ายังสดอยู่เพราะนำมาให้คนดูที่
มอเตอร์โชว์ครั้งนี้เป็นครั้งแรกหลังจากเปิดตัวในเดือนมีนาคม

Isuzu_dmaxhilanderlimited

D-max Hi-Lander Limited ใช้ตัวรถพื้นฐานจาก D-Max ขับสองยกสูง
ใช้เครื่องยนต์ RZ4E-TC 1.9 ลิตร DDi BluePower 150 แรงม้า จากนั้น
เพิ่มอุปกรณ์ตกแต่ง เช่น

– ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ลายใหม่
– การ์ดกันชนหน้า
– ราวหลังคาสีเงิน
– กันชนหลัง กระจังหน้าและกระจกมองข้าง โครเมียมทูโทน
– บาร์ที่ขอบกระบะท้าย
– คิ้วกันกระแทกโป่งล้อ และคิ้วชายล่างรถ กับบันได้ข้างเป็นสีเทา

ราคาอย่างเป็นทางการ

1.9 Hi-lander Limited Z DVD 6MT  890,000 บาท
1.9 Hi-lander Limited Z-Prestige 6MT  960,000 บาท
1.9 Hi-lander Limited Z-Prestige 6AT  1,005,000 บาท

ทั้งหมด จะมีการผลิตจำนวนจำกัด 2,000 คัน อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม
และดูอุปกรณ์ทั้งหมดได้ที่นี่

Isuzu_MUXminorchange

MU-X minorchange เปิดตัวไปเมื่อเดือนมีนาคม พร้อมด้วยสีน้ำตาล
เฉดใหม่ Havana Brown (ตามที่เห็นในภาพ) แบ่งซอยรุ่นย่อยเป็นจำนวนมาก
เพื่อให้เหมาะกับความต้องการของลูกค้าที่แตกต่างกันดังนี้

รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ RZ4E-TC 1.9 ลิตร 150 แรงม้า
1.9 CD 6AT 2WD  1,099,000 บาท
1.9 DVD 6MT 2WD  1,214,000 บาท
1.9 DVD 6AT 2WD  1,264,000 บาท
1.9 DA-DVD 6AT 2WD  1,329,000 บาท

รุ่นที่ใช้เครื่องยนต์ 4JJ1-TCX 3.0 ลิตร 177 แรงม้า
3.0 DA-DVD 6AT 2WD  1,374,000 บาท
3.0 DA-DVD 6AT 4WD  1,474,000 บาท

ดูรายละเอียดเทียบอุปกรณ์รุ่นต่อรุ่นโดย Moo Cnoe ได้ที่นี่

Isuzu’s Promotion
– ทุกรุ่น จองซื้อในงานและผ่อนชำระกับ Isuzu Leasing รับบัตรเติมน้ำมัน
Caltex มูลค่า 1,000 บาท
– Isuzu D-Max 1.9/3.0 เลือกรับดอกเบี้ย 1.59% หรือ เลือกอีกทางคือ
รับบัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท แล้วไปเลือกต่อว่าจะดาวน์ต่ำ 29,600 บาท
หรือ ผ่อน 4,990 บาทต่อเดือน หรือจะรับประกันภัยชั้น 1
– MU-X เลือกเอาว่าจะรับบัตรกำนัล 10,000 บาทหรืออัตราดอกเบี้ย 1.75%
– ทุกรุ่นมีสิทธฺ์ร่วมลุ้นทองคำ มูลค่ารวม 1,220,000 บาท

 

Jaguar/Land Rover

JLR_all01

ในปีนี้ Jaguar/Land Rover ภายใต้การบริหารงานของ Inchcape เพิ่มพื้นที่
ภายในบูธอีก 2 เท่าตัว พร้อมนำรถอังกฤษชั้นเยี่ยมมาโชว์ตัวไม่ว่าจะเป็น
Jaguar XF, XE, F-Type Coupe รวมไปถึง Range Rover รุ่นต่างๆไม่ว่าจะเป็น
Evoque, Sport หรือ Range Rover ตัวใหญ่ตัวเต็มก็มาให้ชมกัน

JLR_Fpace

 

Jaguar F-Pace เป็น SUV ที่เน้นทรวดทรงปราดเปรียว แต่มีความอเนกประสงค์
ในการใช้งานมากกว่ารถเก๋งสเตชั่นแวก้อนทั่วไป สเป็คไทย ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
2.0 ลิตร Ingenium เทอร์โบ 180 แรงม้า ส่งกำลังผ่านกเกียร์อัตโนมัติและ
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ มีระบบ Infotainment แบบ InControl Touch Pro
และกุญแจแบบสายรัดข้อมือ Active Key ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 4,699,000 บาท
หรือถ้าใครชอบเงินผ่อนเขาก็มีโปรโมชั่นผ่อนสบายๆแค่เดือนละ 43,060 บาท

 

JLR_RangeSportHybrid

Range Rover Sport Hybrid เป็นรถประเภท SUV ที่มีรากฐานมาจาก SUV
ของแท้ ไม่ใช่ครอสโอเวอร์ แต่ปรับขุมพลังและบอดี้ของรถให้รองรับระบบไฮบริด
และใช้เครื่องยนต์ดีเซล 3.0 ลิตร V6 ดีเซล เทอร์โบ พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้า
พร้อมด้วยระบบการควบคุม  Auto Terrain Response และ Dynamic Mode
ให้เลือกปรับช่วงล่างได้ตามต้องการ   ราคาเริ่มต้น 6,999,000 บาท

 

Kia
Kia_all

ในงานนี้ Kia นำรถมาโชว์ 2 รุ่น

Kia Grand Carnival รถ MPV เกาหลียุคที่พัฒนาไปไกล ได้รับความสนใจ
มีการสอบถามเข้ามาอย่างต่อเนื่อง คนเขียนยังไม่เคยลองเหมือนกันแต่มี
คนลองมาแล้วเล่าให้ฟังว่าเครื่องยนต์ 2.2 CRDi VGT ดีเซล 197 แรงม้านั้น
เหยียบแล้วพุ่งติดเท้าดีแท้ ภายในจุ 11 ที่นั่ง สามารถพับเบาะแถวที่ 4 ซ่อน
เก็บได้อย่างมิดชิด แบ่งการตกแต่งออกเป็น 2 ระดับคือรุ่น LX ล้อขอบ 17 นิ้ว
ราคา 1,595,000 บาท และรุ่น EX ที่เพิ่มล้อขอบ 18 นิ้ว  เพิ่มประตูสไลด์
ฝาท้ายไฟฟ้า TV LCD สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง Smart Key และอุปกรณ์
อื่นอีกหลายรายการเข้าไป ราคาเพิ่มเป็น 1,928,000 บาท

ส่วนอีกรุ่นก็คือ Kia Soul รถทรงฮิปที่เคยใส่เครื่อง 1.6 มาขายแล้ววิ่งไม่ออก
คราวนี้ใช้เครื่อง 2.0 ลิตรพลังมาเต็ม 154 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ
6 จังหวะ มีการตกแต่งให้เลือกสองแบบคือหลังคา/กระจกมองข้างแดง/บอดี้ขาว
กับบอดี้สีแดง/หลังคาดำ/กระจกมองข้างสีดำ นอกจากนี้ยังมีระบบ Flex Steer
ที่สามารถปรับการตอบสนองของพวงมาลัย 3 โหมด Sport/Comfort/Normal

Kia’s Promotion
– ทุกรุ่นแถมประกันภัยชั้น 1 ฟรี 1 ปี

 

Lamborghini & McLaren (Niche cars)
– Huracan รุ่นโหดกว่าปกติ/ McLaren 720S

Lamborghini_all

Niche Cars ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของ Lamborghini และ
McLaren ในประเทศไทย ควบพื้นที่  2 บูธคนละฝั่งเผยโฉมซูเปอร์คาร์
พันธุ์โหด โดยฝั่งแรกคือ Lamborghini ปีนี้ขน Huracan มาล้วนๆ 3 คัน พร้อม
ให้ราคาพิเศษสำหรับงานมอเตอร์โชว์นี้เท่านั้น โดย Huracan LP610-4 Coupe
มีราคา 24.3 ล้านบาท Huracan LP610-4 Spyder 26.4 ล้านบาท

Lamborghini_Performante

ส่วนตัวโหดฝั่งอิตาลีคือ Lamborghini Huracan Performante ซึ่งเป็นกระทิงดุ
ตัวใหม่ ใช้เครื่องยนต์ V10 5.2 ลิตรที่ปรับกำลังเพิ่มจาก 610 เป็น 640 แรงม้า
แต่ใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบาเข้ามาเสริมตัวถังหลายจุด ทำให้มีน้ำหนัก
เบาลงกว่ารุ่นปกติ 40 กิโลกรัม เหลือเพียง 1,382 กิโลกรัมเท่านั้น

นอกจากนี้ ทาง Lamborghini ยังใช้การออกแบบและติดตั้งอุปกรณ์เชิงอากาศ
พลศาสตร์ ALA – Aerodynamica Lamborghini Attiva ประกอบด้วยหางหลัง
ขนาดใหญ่ และลิ้นหน้าซึ่งมีส่วนนอกสามารถปรับระดับได้ โดยลิ้นหน้า/ปีกหลังของ
รถจะเคลื่อนไหวด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า สั่งการผ่านระบบสมองกล LPI – Lamborghini
Piattaforma  Inerziale เพื่อให้ได้แรงกดของอากาศที่ทำงานสัมพันธุ์กับสถานการณ์
การขับที่กำลังเจอ

นอกจากชุดแต่งตัวถังแล้ว ล้ออัลลอยยังเป็นลายพิเศษ “Narvi” ขนาด 20 นิ้ว
ทำสีบรอนซ์ (ทองแดง- บรอนซ์คือทองแดง ไม่ใช่สีเงินหรือสีทองอย่างที่บางคน
ชอบเรียกกัน) กระจกส่องข้างทำเป็นสีดำเงา เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของรถรุ่นนี้
เรื่องความแรงหายห่วง เพราะเพิ่งไปเคาะสถิติ 6 นาที 52.01 วินาทีที่ Nurburgring
Nordschleife มาเมื่อปลายปีที่แล้ว

สำหรับราคานั้น ถ้าสั่งจองภายในงานมอเตอร์โชว์นี้ คุณจ่ายแค่..27.1 ล้านบาท

McLaren_720s
มาที่ฝั่งอังกฤษบ้าง ทาง Niche Cars ใช้มอเตอร์โชว์ปีนี้ เป็นเวทีเผยโฉม
McLaren 720S ซึ่งเป็นรถรุ่นใหม่จาก Super-Series ของทางค่าย เพิ่งจะเผยโฉม
ไปในงานที่ Geneva เมื่อไม่นานมานี้ก็ขนส่งข้ามน้ำข้ามทะเลมาโชว์ที่เมืองไทย
720S ใช้เครื่องยนต์แบบใหม่ M840T V8 4.0 ลิตร ทวินเทอร์โบ ซึ่งใช้ลูกสูบ
ก้านสูบ ข้อเหวี่ยง และชิ้นส่วนต่างๆของเครื่องใหม่หมดเมื่อเทียบกับ M838T
รุ่นเดิมใน 650S ให้พลัง 720 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 770 นิวตัน-เมตร แต่ชิงความ
ได้เปรียบด้วยการใช้โครงสร้างหลังแบบ Monocage II โครง Carbon Tub
แบบใหม่ ทำให้น้ำหนักตัวเบาเพียง 1,283 กิโลกรัม

720S ทำอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ภายใน 2.9 วินาที และเร่งจาก
0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 341 กิโลเมตร
ต่อชั่วโมง มีกำหนดเริ่มส่งมอบในไตรมาส 4 ของปีนี้ แต่ยังไม่มีการเปิดเผย
ราคาจากผู้แทนจำหน่าย

ส่วนรุ่น Sport-Series อย่าง 540C ก็ได้ราคา 18.4 ล้านบาทในงานนี้
ในขณะที่รุ่น 570S มีราคา 22.4 ล้านบาท

Maserati
– มอเตอร์โชว์ครั้งแรกของผู้แทนจำหน่ายใหม่/ Levante Diesel

Maserati_all

ในปีนี้ Maserati Thailand จะบริหารงานโดย Design Motorwork ซึ่งอยู่
ภายใต้กลุ่มธุรกิจ MGC-ASIA  เป็นตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์ Maserati
แต่เพียงผู้เดียวอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

บูธของ Maserati ในงาน จึงมีรถมาโชว์ครบทุกรุ่นไม่ว่าจะเป็น Gran Turismo,
Ghibli, Quattroporte หรือ SUV หน้าใหม่อย่าง Levante ซึ่งก่อนหน้านี้
ทางบริษัท Design Motorwork ได้เชิญสื่อมวลชนกลุ่มเล็กและแขก VIP
ไปลองขับที่สนาม Modena ในอิตาลีมาแล้ว สามารถอ่านบทความได้ที่นี่

Maserati_Levante

Levante ถือเป็นรถ SUV รุ่นแรกจาก Maserati ชื่อคำว่า Levante นำมาจาก
ลมอุ่นๆที่พัดอยู่ในทะเลเมอดิเตอเรเนียน ใช้ช่วงล่างปรับอัตโนมัติแบบ
Skyhook ที่พัฒนาและใช้มานานหลายปีในรถสปอร์ตของทางค่าย ใช้ระบบ
ขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Q4 สำหรับเวอร์ชั่นไทย ยังมีเครื่องยนต์ให้เลือกเพียง
แบบเดียวคือ ดีเซล 3.0 ลิตร V6 เทอร์โบ 275 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600
นิวตัน-เมตร  มีให้เลือก 2 รุ่นได้แก่

Levante Diesel L  7,990,000 บาท
Levante Diesel H  8,390,000 บาท

สาเหตุที่ยังไม่มีเครื่องยนต์แบบอื่น เนื่องจากยอดสั่งซื้อจากประเทศจีนเข้ามา
สูงมากจนโรงงาน Mirafiori ต้องปรับกำลังการผลิตขนานใหญ่ รถเบนซิน
ในเวลานี้ก็ยังมีแต่เวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายที่ลูกค้าจีนจำนวนมากยังรอคิวอยู่
ดังนั้นบ้านเราจึงต้องใช้เวอร์ชั่นดีเซลกันไปก่อน

อ่านข้อมูลและดูรูปของ Levante รวมถึงราคาของ Maserati รุ่นอื่นๆ เพิ่มได้ที่นี่

 

Mazda
– CX3 ปรับอุปกรณ์รับ 2017/MX-5RF มาแล้ว! ขายจริง!

Mazda_all

Mazda ในปีนี้ ดูท่าจะรุกหนักตั้งแต่ต้นปี แถมปลายปียังมีหมัดเด็ดอย่าง
CX-5 โมเดลเชนจ์รอไว้อีก จัดว่าเป็นค่ายที่ขยันขยับตัว รักษาตลาดกลุ่ม
ลูกค้าที่ต้องการรถ DNA ขับสนุก เร้าใจแต่ยอมให้อภัยกับเบาะหลังเอาไว้
ได้อย่างเหนียวแน่น

เรื่อง Mazda CX-3 นี่ อันที่จริงแอบมีแปลกใจ เพราะบางคนแถวนั้นบอกกับ
เว็บเราว่าปีนี้ CX-3 จะไม่มีการปรับออพชั่นหรือไมเนอร์เชนจ์..ไม่รู้ว่าเข้าใจอะไร
กันผิดหรือไม่ ตอนแรกเราก็นึกว่าจะไม่มา แต่ปรากฏว่าจู่ๆก็มา เรื่องนี้คง
ต้องขอบคุณฝ่ายบรรณาธิการ นายสว่าน ยุทธอักษร บก. ของเราที่นำข้อมูลที่ถูก
มาให้และเสนอข่าวที่ถูกต้องได้ทัน

Mazda_CX3

CX3 MY2017 ได้รับการอัปเดตอุปกรณ์เพิ่ม โดยหลักๆ คือ
1. เพิ่มพวงมาลัยดีไซน์ใหม่ มาตรวัดดีไซน์ใหม่ และระบบ G-Vectoring
Control ในทุกรุ่นย่อย
2. รุ่นย่อยที่ได้ล้อ 18 นิ้ว จะเป็นล้อรมดำ
3. ทุกรุ่นที่ไม่ใช่รุ่นถูกสุด จะได้จอกลางขนาด 7 นิ้ว ดีไซน์ใหม่ พร้อมกล้องมองหลัง
และ Cruise Control ส่วนรุ่นท้อป SP และ XDL จะมีการปรับเพิ่มอุปกรณ์ความ
ปลอดภัย Mazda i-ActiveSense เข้าไปจำนวนมาก
4. รุ่นดีเซล 1.5 ลิตร แต่เดิมมีการบอกเล่าว่าจะถูกยกเลิกการทำตลาด สรุปว่า
ยังทำตลาดต่อ

ราคาของแต่ละรุ่น มีดังนี้

2.0 E 6AT  835,000 บาท (ไม่ปรับเพิ่ม)
2.0 C 6AT  910,000 บาท (ไม่ปรับเพิ่ม)
2.0 S 6AT  975,000 บาท (ไม่ปรับเพิ่ม)
2.0 SP 6AT  1,083,000 บาท (ปรับเพิ่ม 38,000 บาท)
1.5 XDL 6AT  1,193,000 บาท (ปรับเพิ่ม 38,000 บาท)

สำหรับรายละเอียดอุปกรณ์ของแต่ละรุ่นอย่างละเอียด โปรดคลิกที่นี่

Mazda_MX5RF

MX-5 RF นับเป็นเวอร์ชั่นหลังคาเปิดได้ของ MX-5 รถเปิดประทุนที่ขายใน
บ้านเรามาสักพักแล้ว แม้ขุมพลังหลักยังเป็นเครื่องยนต์ SkyActiv-G 2.0 ลิตร
160 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เช่นเดียวกับรุ่นเปิดประทุน
สิ่งที่เปลี่ยนไปก็คือหลังคาไฟฟ้า ซึ่งสามารถเปิดและปิดได้ภายในเวลา 13 วินาที

นอกจากนี้ MX-5 RF ยังให้ความสำคัญกับเรื่องการเก็บเสียง ที่ดีขึ้นกว่ารุ่น
หลังคาผ้าใบ มีการเพิ่มวัสดุซับเสียงในส่วนของหลังคาและตัวถัง เพื่อให้
สามารถวิ่งทางไกลได้เงียบกว่าเดิม ทั้งนี้ แม้ว่าน้ำหนักของหลังคาจะเปลี่ยน
ทำให้สมดุลย์ของรถเดิมที่เซ็ตไว้สำหรับหลังคาผ้าใบเปลี่ยนไป แต่ทาง
วิศวกร Mazda ก็ได้ปรับช่วงล่างใหม่ (แคมเบอร์ล้อ) และปรับระบบพวงมาลัย
เพาเวอร์แบบไฟฟ้า เป็น settings เฉพาะสำหรับรุ่น RF ขนาดมิติตัวถังนั้น
เท่าเดิม เพิ่มแค่ความสูงจากหลังคา ทำให้เพิ่มจากเดิม 5 มิลลิเมตรไปอยู่ที่
1,235 มิลลิเมตร

สนนราคาของ Mazda MX-5 RF ใหม่ อยู่ที่ 2,800,000 บาท แพงขึ้นกว่า
รุ่นเปิดประทุน 100,000 บาท แต่มีความเหมาะสมสำหรับคนไทยซึ่งวันๆ
ก็ขับรถตากแอร์ นานๆทีถึงจะได้มีโอกาสไปขับเล่นบริเวณที่อากาศดีๆ

Mazda’s Promotion
– CX-5 ดอกเบี้ย 1.55% ฟรีประกันภัย และ Mazda Care Program 3 ปี
– BT-50 Pro เริ่มต้นดาวน์ 35,000 บาท
รุ่นอื่นๆโปรดเช็คที่เว็บไซต์ Mazda หรือที่งานมอเตอร์โชว์

 

Mercedes-Benz
– E-Class Coupe’ มาแล้ว

Mercedes_all

งานนี้ Mercedes-Benz ขนรถมาร่วมโชว์ทั้งสิ้น 32 คัน มีเกือบครบทุกคลาส
ไล่ตั้งแต่ CLA, GLA, C-Class, E-Class, S-Class, SLC-Class และยังมีมา
ให้ดูครบทั้งรุ่นเครื่องสันดาปภายใน และรุ่นที่ใช้ระบบ Plug-in Hybrid
ทำให้ได้รับความนิยมสูงจากประชากรทุกผู้หมู่เหล่าเพศและไว เห็นได้จาก
งานรอบ VIP และงานรอบสื่อมวลชนที่ปล่อยให้แขก VIP เข้าได้ด้วยใน
ช่วงหลังเที่ยง

Mercedes_Ecoupe01bMercedes_Ecoupe02

รถรุ่นใหม่สุด สำหรับงานนี้ก็คือ E-Class Coupe’ ซึ่งในวันนี้ได้มีการเปิดตัว
เพียงรุ่นเดียว คือ E300 Coupe’ AMG Dynamic  4,540,000 บาท
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส M274 ขนาด 2.0 ลิตร 1,991 ซีซี. เทอร์โบ
กำลังสูงสุด 245 แรงม้า  แรงบิด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,300 – 4,000 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ 9G-Tronic พร้อม Paddle Shift

เครื่องยนต์ของ E-Coupe’ นี้จะมีสเป็คใกล้เคียงกับ SLC300 และเป็นเครื่อง
ที่ใช้พื้นฐานร่วมกันกับ M274 เวอร์ชั่น 211 แรงม้าของ C-Coupe’

รุ่น AMG Dynamic นี้ มาพร้อมกับออพชั่นล้ออัลลอย AMG ขอบ 19 นิ้ว
หลังคา Panoramic และเครื่องเสียง Burmester เช่นเดียวกับเบนซ์
รุ่นย่อยสูงสุดในอนุกรมอื่นๆ ดูรูปและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

MG
– MPV MG GV ยังไม่มา

MG_all
ใครที่กำลังรอการเปิดตัวของ MPV ของ MG ที่ชื่อ GV แล้วกะซื้อพาครอบครัว
ไปดูหนังที่ EGV งานนี้ขอบอกว่าร้องเพลงรอไปก่อน อาจจะประสบกับปัญหา
เที่ยวบินล่าช้าเล็กน้อยทำให้ยังไม่มาปรากฏตัวในงานนี้ (ในเอกสารสื่อมวลชน
ก็ไม่ได้กล่าวถึงว่าจะมาเมื่อไหร่) แต่ถ้าเขาบอกว่ามา ก็เชื่อเถอะครับว่ามา
คุณคงเห็นตลอด 3 ปีที่ผ่านมาว่า MG ตั้งใจจะเอาจริงกับการทะลวงตลาด
บ้านเราขนาดไหน

ดังนั้นรถที่มาโชว์ในงาน ปลายปีที่แล้วมีอะไร ต้นปีนี้ก็มีอย่างนั้น คุณสามารถ
พบกับบรรดารถไล่ตัวเลข MG3, MG5, MG6 และ GS ได้เกือบทุกรุ่นทุกแบบ

MG_GS15

ดาวเด่นของงานที่ได้ขึ้นเวทีมิสแองโกล-ซิโนงานนี้ก็ยังคงเป็น MG GS 1.5T
ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 890,000 บาท ได้เครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ที่ปรับเซ็ตมา
ดีกว่าเดิม มีการจัดออพชั่นมาให้แบบคุ้มค่า ทำให้ 1 เดือนแรกหลังเปิดตัว
MG เคลมกว่าขายได้มากกว่า 300 คัน

MG’s Promotion
– ทุกรุ่นยกเว้น MG6 โฉมก่อนไมเนอร์เชนจ์ จองซื้อภายในงานรับฟรีกล้องติดรถ
– MG3 ดาวน์เริ่มต้น 47,900 บาทหรือผ่อนเดือนละ 5,220 บาท (รุ่น C)
แถม DVD, ระบบนำทางและกล้องมองหลังกับประกันชั้น 1 ทุกรุ่น
– MG5 ดาวน์เริ่มต้น 64,900 หรือผ่อนเดือนละ 7,072 บาท (รุ่น D) ฟรีค่าน้ำมัน
มูลค่า 25,000 บาท ฟรีประกันชั้น 1
*รายละเอียดเพิ่มเติมและเงื่อนไขของรุ่นอื่นๆ โปรดดูที่เว็บไซต์ MG

Mitsubishi
– Pajero Sport MY2017/ Triton Limited Edition

Mitsubishi_all2

งานนี้ถือเป็นวาระมงคล ครบรอบ 100 ปี Mitsubishi เราจึงได้เห็นรถยนต์
ในสายการผลิตปัจจุบันทั้งบูธ แต่มีการต้อนรับหน้าบูธด้วยรถคันเล็กจากยุค
โบราณ อย่างที่เห็นในภาพ มันคือ Mitsubishi Model A ซึ่งเป็นก้าวแรก
ของการผลิตรถยนต์ตั้งแต่ปี 1917 และผลิตขึ้นมาเพื่อจำหน่ายทั้งสิ้น 22 คัน
อาจจะฟังดูน้อยแต่เมื่อ 100 ปีก่อน รถธรรมดาคันนึงคือสิ่งที่มีราคาแพงมาก
อาจจะแพงเปรียบได้กับทัศนคติที่เรามีต่อรถราคาหลายสิบล้านในทุกวันนี้

Model A เป็นรถที่ประกอบขึ้นด้วยมือ ผ่าน Process การประกอบแบบปกติ
ภายในรถตกแต่งโดยเอาผู้ผลิตรถม้าชั้นดีมาช่วยออกแบบและเลือกวัสดุ
ผ้าที่บุภายในรถก็นำเข้าจากประเทศอังกฤษ

Mitsubishi_miew3

ส่วนด้านหลังบูธ ก็มี Mitsubishi MieV Evolution 3 ซึ่งเป็นรถแข่งพลังไฟฟ้า
ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ชนะการแข่งขัน Pikes Peak International Hill Climb
ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า 4 ตัว ให้กำลังสูงสุดรวม 613 แรงม้า ตัวถังทำจาก
วัสดุน้ำหนักเบา

Mitsubishi_all1Mitsubishi_TritonLTD

สำหรับรถใหม่ที่จำหน่ายและมีการอัปเดต งานนี้ก็คือ Pajero Sport 2WD
ทั้งรุ่น GLS Ltd และรุ่น GT 2WD โดยมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์เพื่อให้
รับกันกับรุ่น GT Premium ที่อัปเดตไปก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากอัปเดต
ครั้งนี้ ทำให้ราคาขายของ Pajero Sport ในปัจจุบันเป็นดังนี้ครับ

2.4 GLS-Ltd. 8AT 2WD  :  1,289,000 บาท (NEW)
2.4 GT 8AT 2WD  :  1,389,000 บาท (NEW)
2.4 GT-Premium 4WD  :  1,529,000 บาท

จะเห็นได้ว่ารุ่นล่างสุด ราคาแพงขึ้น 125,000 บาท ซึ่งสูงมาก แต่ว่ามีการ
เพิ่มอุปกรณเข้าไปมากกว่า 25 รายการ ซึ่งรวมถึงล้ออัลลอย 18 นิ้ว
เบาะหนัง เบาะฝั่งคนขับปรับไฟฟ้า Cruise Control มีจอ 360 องศษ
และอุปกรณ์อื่นๆที่ทำให้ภาพรวมของ GLS-Ltd มีอุปกรณ์แทบจะเท่ากับ
GT 2WD ก่อนปรับอุปกรณ์

ส่วนรุ่น GT นั้น เพิ่มราคา 105,000 บาท และได้อุปกรณ์เพิ่มมากมาย
เช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกล้อง 360 องศา ระบบเตือนรถคันอื่นในจุดบอด
ระบบ Adaptive Cruise Control จอ 360 องศา และที่ฉีดน้ำล้างไฟหน้า
กับอุปกรณ์อื่นๆอีกรวมแล้ว 16 รายการ

อาจจะดูแพงขึ้นมาก แต่ถ้าไม่นับเรื่องถุงลมนิรภัยที่มีแค่ 2 ใบ Pajero
Sport หลังปรับอุปกรณ์ใหม่ก็ยังดูคุ้มค่าเมื่อเทียบสิ่งที่จ่ายกับสิ่งที่ได้
ดูรายละเอียดอุปกรณ์เพิ่มเติมได้ที่นี่

นอกจาก Pajero Sport แล้ว ก็ยังมีรถปิคอัพอย่าง Triton Limited Edition
ซึ่งเปิดตัวเมื่อวันที่ 3 มีนาคม มาร่วมโชว์โฉมด้วย รถรุ่น Limited Edition นี้
จะมีการตกแต่งเพิ่มเติม
– กระจังหน้า/ฐานไฟหน้า/ขอบกันชนด้านบน/โป่งล้อ/บันไดข้าง/กันชนหลัง
ทำเป็นสีดำ
– ล้ออัลลอย 17 นิ้ว สีดำ
– รุ่น Double Cab เพิ่มกระจกกรองแสง Privacy Glass ซีกหลัง, เบาะไฟฟ้า
8 ทิศทาง, กระจกมองหลังแบบลดแสงอัตโนมัตและจอภาพบนเพดานขนาด
10.2 นิ้ว

สำหรับราคาในแต่ละรุ่น มีดังนี้

2.4 Megacab Plus  MIVEC Limited Edition เกียร์ธรรมดา 743,000 บาท
(เพิ่มเงินจากรุ่นปกติขับ 2 ยกสูง 16,000 บาท)
2.4 Double Cab Plus MIVEC Limited Edition เกียร์ธรรมดา 864,000 บาท
2.4 Double Cab Plus MIVEC Limited Edition เกียร์อัตโนมัติ 909,000 บาท
(เพิ่มเงินจากรุ่นปกติ 4 ประตูยกสูง 43,000 บาท) ดูรายละเอียดเพิ่มได้ที่นี่

Mitsubishi’s Promotion
– Pajero Sport ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 3 ปี
– Triton ออกให้สูงสุด 75,000 บาท (สำหรับรุ่น Double Cab 4WD 2.4 5AT
ลดเหลือ 52,000 บาท) ฟรีประกันชั้น 1 นาน 1 ปี
– Triton Limited Edition ออกให้สูงสุด 75,000 บาท ส่วนรุ่น 4 ประตูเกียร์
ธรรมดาและอัตโนมัติเหลือ 40,000 บาท ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
รุ่นอื่นๆ โปรดสอบถามที่บูธ

 

Nissan
– Note/ Navara Black Edition

Nissan_all

งานนี้รถเพียบแน่นเวทีเช่นเคย แถมยังเป็นการเปิดตัวแบบสาธารณะพร้อมขายจริง
ของ Nissan Note ด้วย แต่ก่อนที่จะไปว่ากันถึงเรื่องเจ้าอีโคคาร์ตัวใหญ่นั่น Nissan
ก็มีการเปิดตัวรถรุ่นพิเศษอีกรุ่น ซึ่งก็คือ Navara Black Edition รถรุ่นนี้ นำเอารถ
พื้นฐานจาก Navara รุ่น King Cab Calibre E (163 แรงม้า) เกียร์ธรรมดา, Double
Cab Calibre E เกียร์ธรรมดา และ Double Cab Calibre EL เกียร์อัตโนมัติมาเพิ่ม
กระจังหน้าสีดำ, ไฟหน้าสีดำ, สติกเกอร์ประจำรุ่น Black Edition, ซุ้มล้อสีดำ, และ
ล้ออัลลอยสีดำ แล้วยังมี Cruise Control มาให้ทุกรุ่น

สังเกตจากการเลือกรุ่นรถมาทำ ทุกรุ่นล้วนเป็นแบบขับเคลื่อนล้อหลัง และใช้
เครื่องยนต์ 163 แรงม้า วางหมากเอาไว้ไม่ให้ทับซ้อนกับรุ่น Sportech ซึ่งใช้
ตัว King Cab Calibre EL, Double Cab Calibre EL, Calibre V, Calibre VL
และ VL 4WD เป็นรถพื้นฐาน

ราคาแต่ละรุ่นมีดังนี้
– Black Edition King Cab Calibre E เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ราคา 786,000 บาท
– Black Edition Double Cab Calibre E เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ราคา 859,500 บาท
– Black Edition Double Cab Calibre EL เกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ราคา 918,000 บาท

Nissan_Note

พระเอกของงานตัวจริง คือ Nissan Note ซึ่งนอกจากจะมีเวอร์ชั่นปกติมาโชว์แล้ว
ยังมีรถคันที่ได้รับการตกแต่งสีดำ/ส้มสวยงามมาจอดโชว์อยู่หน้าบูธด้วย Note
เป็นรถที่ใช้โครงสร้างตัวถัง V-platform ร่วมกันกับ March/Almera/Sylphy/
Pulsar ใช้เครื่องยนต์ 1.2 ลิตร 79 แรงม้าจาก March/Almera แต่มีเกียร์ที่ปรับ
ให้มีการไล่รอบเวลากดคันเร่งคล้ายเกียร์อัตโนมัติปกติ มีขนาดตัวถังที่สูงใหญ่และ
โอ่โถงเมื่อเทียบกับอีโคคาร์คันอื่นในตลาด มีจุดเด่นที่อุปกรณ์ทางด้านความ
ปลอดภัย ซึ่งนอกจากจะมีระบบเตือนการชนด้านหน้าแล้ว ยังมีระบบช่วยเบรก
ฉุกเฉิน กับระบบเตือนเมื่อรถวิ่งออกนอกเลน ที่สำคัญ ในกระจกมองหลังของ
Note ยังมีกล้องแบบ 360 องศาที่เผยให้เห็นวิวรอบคันรถ และกล้องมองหลัง
เป็นจอซ่อนอยู่ในตัวกระจกอีกด้วย

Nissan Note รุ่น 1.2 V ราคา 568,000 บาท และรุ่น VL ราคา 640,000 บาท

Nissan_eBio

ที่ด้านหลังบูธ ยังมีการนำเอารถพลังงานทางเลือกมาโชว์ตัวอีก 2 รุ่น
สำหรับคันซ้ายนั่นก็คือ Nissan Leaf รถพลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนที่ขายดีที่สุด
ในโลก ทุกคนรู้จักกันดีอยู่แล้ว แต่คันขวานั่นก็คือ Nissan e-Bio Fuel Cell
ซึ่งใช้เชื้อเพลิงเอธานอลชีวภาพ (เอธานอล 100% หรือ เอธานอลผสมน้ำใน
อัตราส่วน 55:45) รถคันนี้พัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเรื่องต้นทุนที่สูงของ
รถไฟฟ้าแบบปกติกับเรื่องระยะทางวิ่งที่ได้น้อย (นั่นคือปัญหาของไอ้คันซ้าย)
e-Bio Fuel Cell ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า เอาพลังไฟฟ้ามาจาก Fuel Cell
ที่สร้างพลังงานจากการทำปฏิกิริยาของ เอธานอล หรือ เอธานอลผสมน้ำนั่นเอง

วิธีนี้ทำให้เวลาเติมเชื้อเพลิง ก็เติมเหมือนกับน้ำมันหรือแก๊ส LPG ธรรมดา
ไม่ต้องรอชาร์จไฟเป็นชั่วโมง วิ่งได้ด้วยความเงียบแบบรถไฟฟ้าแท้ๆ แต่วิ่ง
ได้ไกล 600 กิโลเมตรต่อการเติมเชื้อเพลิง 1 ครั้ง

Nissan’s Promotion

– X-Trail/Almera/Navara รับบัตรกำนัลมูลค่า 10,000 บาท
– March ดาวน์เริ่มต้น 9,999 บาท แถมชุดแต่ง 4 ชิ้นและประกันภัยชั้น 1
– Almera ดาวน์เริ่มต้น 19,999 บาท แถมบัตรน้ำมันมูลค่า 8,000 บาทและ
ประกันภัยชั้น 1
– Navara ดาวน์เริ่มต้น 9,999 บาท พร้อมข้อเสนอพิเศษและประกันภัยชั้น 1
มูลค่ารวม 52,000 บาท
– Sylphy ดอกเบี้ย 0% ฟรีประกันภัยชั้น 1
– X-Trail ดอกเบี้ย 1.39% ฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปี ฟรีประกันภัยชั้น 1
*ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 

Porsche
– Panamera 4S

Porsche_all03
ในปีนี้ Porsche ขนรถมาบูธค่อนข้างเยอะ และมีการจัดเรียงให้อยู่ส่วนเดียวกัน
ทำให้มองปราดเดียวก็เห็นได้เลยว่ามาครบจริงๆ ต้อนรับด้วย 911 Carrera S
หน้าบูธ ยาวไปจนถึง 718 Cayman ราคา 6.9 ล้านบาท (ปัจจุบันนี่คือรถสปอร์ต
ที่ราคาเป็นมิตรที่สุดของ Porsche) รวมถึง Porsche Macan เวอร์ชั่น
มาตรฐานและเวอร์ชั่นตกแต่งพิเศษ ราคาเริ่มต้น 6.35 ล้านบาท และ SUV
คันโตอย่าง Cayenne E-Hybrid Platinum Edition ราคา 8.2 ล้านบาท

สำหรับคนที่รักการสะสมของที่ระลึกหรือรถโมเดล ไม่ต้องห่วง Porsche ขนมา
ทุกปีอยู่แล้ว ใครไม่มีเงินซื้อรถจริงก็มีซื้อ 1:43 ไปนอนดูเล่นที่บ้านแบบผมก็ได้

Porsche_Panamera4S_01Porsche_Panamera4S_02
หลังจากที่เปิดตัวแบบ Preview เฉพาะสื่อมวลชนไปที่สยามพาราก้อนเมื่อ
ปลายปีก่อน มาวันนี้ Panamera จะออกสู่สายตาสาธารณชนเป็นวงกว้างครั้งแรก
โดย AAS Autoservice ผู้จำหน่าย Porsche อย่างเป็นทางการประจำประเทศไทย
ได้เลือกรุ่น Panamera 4S มาจัดแสดง โดย 4S นี้จะเป็นรถที่มีระดับราคาอยู่
ตรงกลางระหว่างรุ่น 4 E-Hybrid (9,800,000 บาท) และรุ่น Turbo V8
(21,900,000 บาท – รุ่นนี้ราคากระโดดไปเยอะเพราะเครื่องโตกว่า 3.0 ลิตร
ทำให้ต้องเสียภาษีสรรพสามิตในอัตราเต็ม 50%)

Panamera 4S มีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 13,500,000 บาท ใช้เครื่องยนต์เบนซิน
V6 ความจุ 2.9 ลิตร ให้พลัง 440 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร
ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ PDK II 8 จังหวะ ผ่านสู่ระบบขับเคลื่อน
4 ล้อตลอดเวลา กลายเป็น Super Sport Limo ที่พลังสูง สามารถทำความเร็ว
สูงสุดได้ถึง 289 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (ไม่ได้โดนล็อค 250 เหมือนรถเยอรมัน
เจ้าอื่น ที่ต้องสั่งปลดล็อคเป็นพิเศษ)

นอกจากนี้ Panamera 4S ใหม่ยังมีระบบช่วยเหลือทางด้านการขับขีที่ทันสมัย
เช่นระบบ Rear axle steering (ล้อหลังบิดเลี้ยวได้ตามโปรแกรมการสั่งของ
กล่อง ECU) ช่วยให้มีเสถียรภาพเมื่อวิ่งความเร็วสูงและกลับรถ จอดรถในเมือง
ได้อย่างคล่องมือ มีระบบควบคุมภายในแบบหน้าจอสัมผัสความละเอียดสูง
สามารถสั่งการกำหนด Mode ในการตอบสนองต่างๆของเครื่องยนต์ ท่อไอเสีย
และระบบอื่นๆ พร้อมทั้งสั่งปรับสปอยเลอร์หลังแบบไฟฟ้าได้ด้วย

 

Rolls-Royce
– Wraith Black Badge (ขายในไทย 3 คัน)

RollsRoyce_allRollsRoyce_WraithBlackBadge

งานนี้ นอกจากบรรดาซาลูนสุดหรูของทางค่ายแล้ว รถคันที่นอนเด่นเหมือน
เสือดำตัวใหญ่อยู่กลางบูธก็คือ Rolls-Royce Wraith Black Badge
รุ่นพิเศษ จำนวนจำกัด ในประเทศไทยมีโควต้าแค่ 3 คันเท่านั้นโดยตั้งราคา
เอาไว้ 34,900,000 บาท

รายละเอียด เราเคยทำบทความไว้แล้ว คลิกได้ที่นี่เลยครับ

Ssangyong
– Actyon Sport เปิดราคาขาย

Ssanyong_all

รถปิคอัพรุ่น Actyon Sport เปิดราคามา 1,680,000 บาท แม้จะฟังดูเหมือนเยอะ
แต่เท่าที่สอบถามเซลส์ที่บูธ ราคานี้ คุณได้ชุดบ้านอเนกประสงค์เคลื่อนที่
อันที่อยู่บนหลังคาไปด้วยเลย เหมาะสำหรับคนชอบเดินทางท่องเที่ยวไกลๆ
หรือคนที่ชอบหนีภรรยาไปนอกบ้านบ่อยๆ

ส่วนรุ่นอื่นๆ ก็มีมาครบ เช่น Stavic Turismo รถ MPV ขนาดใหญ่หรูหรา 11 ที่นั่ง
เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบคอมมอนเรล 2.0 ลิตร เป็นต้น

สำหรับคนที่ออกรถในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้ มีโปรโมชั่น ฟรีค่าอะไหล่นาน 3 ปี
ผ่อนดอกเบี้ย 0% นาน 3 ปี และฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี โดยมีรถพร้อม
ส่งมอบให้ลูกค้าได้ในทันที

 

Subaru
– Impreza (มาโชว์)

Subaru_all
สำหรับรถที่ขายอยู่ ณ ปัจจุบัน ยังไม่มีโมเดลใหม่ ถ้าใครรอ Impreza ใหม่
มาขายงานนี้ หรือว่ารอ XV ก็ลองไปเรียนร้องเพลงสักคอร์สก่อนค่อยกลับ
มาเจอกันช่วงปลายปี ช่วงนี้ XV กับ Forester ก็ยังเป็นหัวหอกสำคัญในการ
ฟันยอดขาย ในขณะที่ WRX นั้นก็ยังอยู่เป็นขวัญใจประชาชนคนสูบนอน
โดยแอบมีการไมเนอร์เชนจ์อัปเดตตามตลาดโลกไปแบบเงียบๆ ไม่รู้ตัว
ไปรู้เพราะผมนี่ล่ะไปเห็นรถที่กำลังจอดรอส่งมอบลูกค้า เห็นว่าเปลี่ยนล้อ
เป็นลายใหม่ไปแล้ว

Subaru_Impreza

แต่เพื่อไม่ให้งานนี้จืดเกินไป และเพื่อหยั่งเสียงดูปฏิกิริยาของคนที่มีต่อดีไซน์
ของ Impreza ใหม่ ก็เลย..เอา Impreza รุ่นล่าสุดตัวจริงมาจอดโชว์อยู่กลางบูธ
และได้รับความสนใจมากพอสมควรเมื่อผู้คนได้รับการบอกต่อว่า XV ใหม่จะมี
พื้นฐานมาจากรถรุ่นนี้ ซึ่งมาพร้อมกับ SGP- Subaru Global Platform เป็น
โครงสร้างใหม่ที่ให้ความปลอดภัยยิ่งขึ้นกว่าเดิม พร้อมกับปรับจูนช่วงล่างให้
ทั้งเกาะทั้งคม เอาใจแฟน Subaru แต่มีความนุ่มนวลในจุดที่สามารถมีได้
ไม่กระเด้งกระดอนจนน่ารำคาญ

Subaru’s Promotion
ดอกเบี้ย 0% นาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น1 สำหรับ Subaru XV และ Forester

 

Suzuki
– Swift RX II

Suzuki_all

ระหว่างรอการทำคลอดเจ้า Swift ตัวถังใหม่ ซึ่งจะมาถึงเมืองไทยในปีหน้า
รถรุ่นเก่ามีอะไรบ้างก็ต้องงัดออกมาขายกันไปก่อน ยังดีที่มีรถอีโคคาร์คันโต
4 ประตูอย่าง Ciaz ที่ยังช่วยพยุงยอดขายไปได้

ในงานมอเตอร์โชว์ครั้งนี้คุณจะได้พบกับ Suzuki ทุกรุ่นที่ขายในเมืองไทย
ตั้งแต่ Celerio ไปจนถึง Ertiga พร้อมรับข้อเสนอน่าสนใจจากความร่วมมือ
ระหว่าง Suzuki กับธนาคารเกียรตินาคิน

Suzuki_SwiftRX2

รถรุ่นพิเศษสำหรับงานนี้ ก็เห็นจะมีแต่ Swift RXII ซึ่งพูดง่ายๆก็คือเป็นรุ่น
ที่เกิดจากการเอาสไตล์ของ Swift RX รุ่นแรก บวกกับของแต่งบางส่วน
จาก Swift SAI อาทิเช่น ไฟหน้าแบบ Projector, ไฟ DRL แบบ LED,
ล้อลายเดียวกับ SAI แต่ทำเป็นสี Gun Metallic, ไฟท้ายแบบ Swift Sport,
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และมี Paddle shift

Swift RXII ตั้งราคาเอาไว้ที่ 599,000 บาท เท่ากับรุ่นก่อนหน้านี้
สามารถดูรายละเอียดเพิ่ม ดูรูปและอุปกรณ์ได้ที่นี่

Suzuki’s Promotion
เฉพาะการผ่อนชำระร่วมกับธนาคารเกียรตินาคิน จองรถในงานมอเตอร์โชว์
และรับรถภายในสิ้นเดือนเมษายน
– Ciaz ทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% oนาน 36 เดือน
– Swift ทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน
– Celerio ยกเว้นรุ่น GA MT ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน
– Ertiga ทุกรุ่น ดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน

Tata

Tata_all

ปีนี้ยังคงเน้นการขายรถกระบะ 150NX, SC และรถบรรทุกเล็ก Super Ace Mint

150N X-Plore ที่เป็นกระบะ 4 ประตู ขับเคลื่อนสี่ล้อ ใช้เครื่องดีเซล DICOR
2.2 ลิตร 150 แรงม้า เกียร์แบบShift-on-the-fly พร้อมเฟืองท้าย Limited
Slip Differential Lock ราคาที่ประกาศในงาน 699,900 บาท

ส่วนรุ่นอื่นๆ เช่น 150NX-TREME 4×2 ขับเคลื่อน 2 ล้อ ราคา 589,900 บาท
และ Super Ace Mint รถบรรทุกเล็ก ดีเซล คอมมอนเรล 70 แรงม้า ราคา
365,000 บาท แต่ทั้งหมดนี้ ต้องจองซื้อภายในวันที่ 9 เมษายน และส่งมอบ
รถภายในวันที่ 30 เมษายน 2560 เท่านั้น

Toyota/Lexus
– รถต้นแบบ FCV Plus

Toyota_all

สำหรับ Toyota ในงานมอเตอร์โชว์ปีนี้ ยังไม่มีการนำรถโมเดลใหม่ๆมาโชว์
และไม่ต้องพูดถึง C-HR เพราะยังไม่ได้มาโชว์โฉมในงานนี้แต่อย่างใด
รถที่นำมาจัดแสดง จะเป็นรถในสายการผลิตปัจจุบัน เริ่มตั้งแต่ Yaris, Vios
ไมเนอร์เชนจ์, Altis ไมเนอร์เชนจ์, Camry, Sienta, Fortuner และ Hilux
Revo

Toyota_concept

แน่นอนว่าถึงไม่มีรถใหม่ แต่ก็ต้องไม่พลาดที่จะแสดงแสงยานุภาพด้วยการ
โชว์นวัตกรรม Toyota FCV Plus ซึ่งเป็นรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยเชื้อเพลิง
ไฮโดรเจน เผยโฉมครั้งแรกในงาน Tokyo Motorshow เดือนตุลาคม 2015
ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าในล้อ 4 ข้าง ติดตั้ง Fuel Cell เอาไว้ด้านหน้ารถ
และถังไฮโดรเจนเอาไว้ด้านหลังของเบาะแถวหลัง สามารถจุผู้โดยสารได้
4 คน ความพิเศษอยู่ที่ตัวรถออกแบบให้สามารถใช้เป็นเครื่องผลิตไฟฟ้าได้
มีท่อสำหรับต่อดูดเชื้อเพลิงไฮโดรเจนจากนอกรถ เข้าสู่ภายในแล้วให้ระบบ
Fuel Cell Electric ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าออกมาจ่ายเข้าบ้านเรือนได้

นี่คือแนวคิดหนึ่งของ Toyota ที่ว่า ปกติรถไฟฟ้ามักต้องดูดพลังจากที่อื่น
มาใช้ในการขับเคลื่อน แต่อันที่จริง ตัวรถเองก็สามารถทำหน้าที่ผลิตกระแส
ไฟฟ้าป้อนกลับไปสู่บ้านคุณได้เช่นเดียวกัน

Toyota’s Promotion

– Hilux Revo รุ่นปรับปรุงปี 2016 ผ่อนเริ่มต้น 4,899 บาท นาน 60 เดือน
เมื่อดาวน์ 150,960 บาท พร้อมรับประกันภัยชั้น 1
– Yaris ผ่อนเริ่มต้น 4,200 บาท พร้อมประกันภัยชั้น 1
– Vios และ Camry อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน
48 เดือน พร้อมรับประกันภัยชั้น 1
– Altis และ Camry Hybrid อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป
ผ่อนนาน 48 เดือนหรือเลือกรับประกันภัยชั้น 1

Toyota_lexus_all

สำหรับ Lexus นั้น ยังไม่มีรถใหม่ ดังนั้นจึงนำ IS, NX, RX, GS และ LS
รุ่นที่ยังขายอยู่ในปัจจุบันออกมาโชว์ พร้อมกับนำเสนอสมนาคุณผู้ที่
จองและซื้อ Lexus ภายในงาน รับบัตรกำนัลจากโรงแรม Inter Continental
มูลค่า 8,000 บาทฟรี

 

Volvo
– V90/S60 & V60 Polestar Performance/XC60 D4 Dynamic
Volvo_all

Volvo ยังคงลุยหนักต่อเนื่อง เปิดตัวผลิตผลจากแชสซีส์และขุมพลัง Drive-E
เจนเนอเรชั่นใหม่ไล่รุกตลาดระดับพรีเมียมทีละรุ่น เริ่มด้วย SUV XC90 ตามติด
มาด้วยซาลูน S90 ล่าสุดในงานมอเตอร์โชว์ ก็เผยโฉม V90 D4 Inscription
เปิดราคามา 4,190,000 บาท

Volvo_V90

Volvo V90 ก็คือเวอร์ชั่นตัวถังแบบสเตชั่นแวก้อนของ S90 นั่นเอง และต่างก็
ใช้โครงสร้างตัวถังแบบ SPA-Scalable Product Architecture ซึ่งสามารถนำ
ไปดัดแปลงรองรับรถยนต์ได้หลายแบบ รุ่น D4 ใช้เครื่องยนต์ดีเซล Drive-E
พร้อมเทคโนโลยี i-Art ขนาด 2.0 ลิตร 4 สูบ เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ให้พลัง
190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 400 นิวตัน-เมตร และยังมาพร้อมอุปกรณ์ความปลอดภัย
พร้อมสรรพสไตล์ Volvo กับเทคโนโลยี Semi-autonomous ที่คนขับสามารถ
เซ็ตความเร็วที่จะใช้ แล้วตัวรถก็สามารถขับเคลื่อนไป เพิ่ม/ลดความเร็ว หรือ
แม้กระทั่งเบรกจนความเร็วเหลือ 0 โดยคนขับควบคุมแค่พวงมาลัย

นอกจากนี้ การที่เป็นรุ่นย่อย Inscription ทำให้คุณได้เครื่องเสียง Bowers &
Wilkins ที่มาพร้อม Amp 1400 Watt Class D 12-Channel ลำโพง 19 ตัว
พร้อมซับวูฟเฟอร์แยกอีก 1 ตัว

และถ้าหาก V90 ราคาสูงเกินไปสำหรับคุณ ก็ยังมีรุ่นพิเศษของ Volvo XC60
รุ่น D4 Dynamic Edition ให้เลือก ในราคา 3,179,000 บาท ตกแต่งด้วย
กันชนและแผงกระจังหน้าแบบใหม่ ท่อไอเสียแบบกลม ล้ออัลลอยลายใหม่
ขนาด 18 นิ้ว ภายในสีดำ ใช้เครื่องยนต์และเกียร์แบบเดียวกับ V90 คันบน

Volvo_S60PP

สำหรับคนที่ชอบ Volvo สายซิ่ง ในที่สุด ก็มีการเปิดราคา S60/V60 รุ่นพิเศษ
Polestar Performance ออกมาแล้ว โดยรุ่น S60 ราคา 2,549,000 บาท และ
V60 ราคา 2,649,000 บาท ทั้ง 2 รุ่นใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบ เปลี่ยนท่อ
และจูนกล่องของ Polestar จนได้แรงม้า 245 ตัว แรงบิด 350 นิวตัน-เมตร
ตกแต่งด้วยชุดกันชนหน้า ดิฟฟิวเซอร์หลัง สปอยเลอร์ และล้ออัลอย Polestar
ขนาด 19 นิ้วพร้อมช่วงล่างสเป็คแข็งหนึบจาก Polestar เช่นกัน ขับดีหรือเปล่า
สมราคามั้ย คลิกอ่าน Full Review โดยผมเอง ได้ที่นี่ครับ

แต่เช็คก่อนนะครับว่ารถจำนวนจำกัด 24 คัน (S60 กับ V60 อย่างละครึ่ง) นั้น
ยังเหลืออยู่ เพราะเห็นมีเพื่อนแซวว่า 24 คันขาย 2 ปีหมดหรือเปล่า แต่คราว
ที่แล้วรุ่น R-Limited 28 คันนั้น ลงขายในมอเตอร์โชว์ เกลี้ยงใน 3 วันครับ