บริษัท AAS Auto Service จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley
อย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย จัดงานเปิดตัวสุดยอดยนตรกรรม
จากแดนผู้ดี เจเนอเรชันใหม่ Bentley Continental GT FULL MODELCHANGE
ในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ ณ ห้องบอลรูม โรงแรมเรเนซองส์ ย่านราชประสงค์
เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2011 ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่องาน Exclusive Launch of The New
Bentley Continental GT ตามแนวคิด “An unbroken line” สะท้อนถึง นวัตกรรมและ
การออกแบบเส้นสายซึ่งไม่มีที่สิ้นสุด

Continental GT เปิดตัวครั้งแรกในปี 2003 ซึ่งถือได้ว่ประสบความสำเร็จในการ
เข้าไปยึดครองในกลุ่มตลาดใหม่ได้อย่างดีเยี่ยม จีทีนำเสนอความหรูหราและ
ความสามารถในการใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันได้อย่างยอดเยี่ยม ดังนั้น
Continental GT 4 ที่นั่ง คูเป้ใหม่นี้ได้ถูกสร้างขึ้นตามรอยแห่งความสำเร็จของ
รุ่นก่อนที่เต็มไปด้วยจิตวิญญานของความเป็นจีทีทุกประการ หากแต่มีรูปลักษณ์
ที่มีมาตรฐานสูงขึ้น ถูกหลักตามแบบวิศวกรรม หรูหรา เต็มไปด้วยงานฝีมือประณีต
ประสิทธิภาพการขับขี่ที่คล่องตัว ใช้งานได้จริงในชีวิตประจำวันและการได้รับการ
ปรับแต่งให้มีความสมบูรณ์แบบที่ลงตัว

ภายในห้องโดยสารคืองานฝีมือชั้นเยี่ยมที่สร้างขึ้นภายในโรงงาน Bentley ที่เมือง
Crewe ประเทศอังกฤษ ไม่ว่าจะเป็น วัสดุหนังชั้นดีภายในห้องโดยสาร, การตกแต่ง
ด้วยลายไม้, การตกแต่งด้วยโลหะและพรมอย่างดี Bentley ใส่ใจในทุกรายละเอียด
แม้กระทั่งวัสดุไม้ที่ใช้ภายในห้องโดยสารทุกชิ้น ถูกเคลือบด้วยสารป้องกันรังสี UV
เพื่อป้องกันสีซีด งานหนังทุกชิ้นผ่านการตัดเย็บจากช่างฝีมือชั้นดีของ Bentley ซึ่ง
นักออกแบบภายในได้รังสรรค์เส้นสายที่มีความคมชัดและบ่งบอกถึงความเป็น
เอกลักษณ์ในขณะที่ยังรักษาไว้ซึ่งความนุ่มนวลเมื่อยามได้สัมผัสอีกด้วย

แผงหน้าปัด ได้เส้นสายจากรูปแบบของปีกสัญลักษณ์ Bentley และได้รับการตกแต่ง
จากหนังคุณภาพสูงให้ความรู้สึหนุ่มยามสัมผัส นอกจากนี้หน้าจอแบบสัมผัสทำจาก
โครเมี่ยมชั้นดีได้รับการติดตั้งในห้องโดยสารให้มีมิติมากขึ้น แถมยังทำให้คอนโซล
ส่วนกลางได้รับการยกสูงในรูปแบบของ Bentley Wing ได้สวยงามและลงตัว

เบาะนั่งแบบพิเศษได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมากจากงูเห่าที่กำลังแผ่แม่เบี้ย
ซึ่งให้ความสบายสูงสุด เป็นผลมาจากการใช้วัสดุพิเศษ (complex foam) ซึ่งรองรับสรีระ
ได้เป็นอย่างดี วัสดุพิเศษนี้ให้สัมผัสที่กระชับแต่ก็นุ่มสบายแม้ขณะเดินทางไกล

เบาะนั่งด้านหน้าที่บางลง ทำให้ที่พักขาของผู้โดยสารตอนหลังนั้นขยายกว้างขึ้นถึง
46 มิลลิเมตรและยังง่ายต่อการเข้าสู่ที่นั่งทางด้านหลังอีกด้วย

เบาะนั่งสามารถระบายอากาศได้ดีพร้อมทั้งเบาะนั่งแบบนวดได้ 10 จุด เพิ่มความปลอดภัย
ด้วยถุงลมนิรภัยบริเวณเข่าด้านคนขับและถุงลมนิรภัยด้านข้างสำหรับผู้โดยสารทุกที่นั่ง
เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

ฟังก์ชั่นการทำงานที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวันได้ถูกรวบรวมเอาไว้ในรถคันนี้ ไม่ว่าจะ
เป็นการติดตั้งระบบ power booth มาเป็นมาตรฐานให้กับรถหรือติดตั้งระบบ Electronic
Park Brake พร้อมด้วยระบบ Move off Assist และการออกแบบใหม่ล่าสุดนั่นคือ การเพิ่ม
ลายหนังให้กับช่องเก็บของ เพิ่มความกลมกลืนพร้อมกับเพิ่มที่วางขวดน้ำให้เหมาะสม
และสวยงามอย่างลงตัว

ช่องเก็บสัมภาระและที่วางของต่างๆ ได้รับการออกแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็นรูปลักษณ์
 การพับเก็บ หรือการออกแบบให้ถอดออกได้เพื่อเก็บสัมภาระต่างๆ เช่น กุญแจและ
ปากกาหรือสามารถเก็บเข้ากับกระเป๋าหรือถุงได้เช่นกัน เพื่อให้เหมาะสมกับภายใน
ของคูเป้ ที่เก็บของสามารถติดปีกขอ Bentley เพิ่มความเป็นเอกลักษณ์ลงไปได้
(อุปกรณ์สั่งพิเศษ) ที่วางแก้วคู่ถูกติดตั้งไว้กลางคอนโซลไว้เป็นอย่างดี 

มีระบบเทคโนโลยีหน้าจอแบบระบบสัมผัสที่มาพร้อมกับแผนที่ที่มีความละเอียดและมี
Hard Disk หน่วยความจำขนาด 30 GB ใช้เก็บข้อมูล หน้าจอแสดงผลขนาด 8 นิ้วแสดง
การทำงานของชุดเครื่องเสียง โทรศัพท์ การตั้งค่าการขับขี่แบบสะดวกสบายหรือโหมด
อื่นๆ และระบบการนำทางใหม่ล่าสุด ซึ่งจะใช้ข้อมูลจากทาง Harddisk ในรถ และเครื่อง
DVD เข้าสู่ระบบข้อมูลของเส้นทางและช่วยเลี่ยงเส้นทางที่มีการจราจรที่หนาแน่นรอบ
พื้นที่ให้กับคุณอีกด้วย การค้นหาเส้นทางและสถานที่จะทำด้วยการแท๊กภาพถ่ายจาก
การ์ดหน่วยความจำ SD และทำงานร่วมกับแผนที่ Google (สำหรับบางประเทศเท่านั้น)
ทีมงานออกแบบภายในของเบนท์ลี่ย์ยังออกแบบกราฟฟิคหน้าจอและส่วนอื่นๆ ให้คง
ไว้ซึ่งความคลาสสิก

ระบบ Infotainment ใหม่ใน Continental GT ให้ความบันเทิงภายในรถได้อย่างดีที่สุด
ลำโพง 8 ตัวติดตั้งมาพร้อมกับรถและมาพร้อมกับเทคโนโลยี Balanced Mode Radiator
ล่าสุด ลำโพงขนาดกะทัดรัด แผงลำโพงเรียบแบน เพิ่มความคมชัดเป็นพิเศษด้วยช่วง
ความถี่ที่กว้างขึ้นนั่นเอง

ระบบลำโพง 11 ตัวจาก Naim เครื่องเสียงชั้นนำที่ดีที่สุดในประเทศอังกฤษสำหรับ Bentley
สร้างขึ้นเฉพาะรุ่น Continental GT จะประมวลผลสัญญานแบบดิจิตอล Dirac Dimension
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด อีกทั้งยังเป็นรายแรกที่สร้าง ‘sound field’ แบบอิสระให้กับ
ลำโพงเพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในคอนเสิร์ตฮอลล์และเพิ่มความ
สุนทรีย์ให้แก่ผู้โดยสารทุกท่านไม่ว่าจะนั่งอยู่ที่เบาะไหนก็ตาม

ขุมพลังมีให้เลือก 2 ขนาด นอกจากเครื่องยนต์รุ่นใหม่ W12 สูบ FourCam 32 วาล์ว 6.0 ลิตร
พร้อม Twin Turbochaerger ที่ถูกปรับปรุงให้แรงขึ้น มีกำลังสูงสุดมากถึง 575 แรงม้า (PS)
แถมยังเป็นขุมพลังรักโลก แบบ Flex Fuel สามารถใช้น้ำมันแก็สโซฮอลล์ได้ถึงระดับ E85
แล้ว ยังมีเครื่องยนต์ V8 DOHC 32 วาล์ว 4.0 ลิตร ที่จะพร้อมออกจำหน่ายจริงในช่วงปลายปี
2011 นี้อีกด้วย

เครื่องยนต์ V8 ขนาด 4 ลิตรใหม่ คือเกียรติยศของ Bentley ในด้านความมุ่งมั่นในการรักษา
สิ่งแวดล้อม วิศวกรของ Bentley สามารถปรับปรุงและพัฒนาการปล่อยมลพิษ CO2 ได้ดีขึ้น
ถึง 40% ให้เครื่องยนต์นั้นสร้างพละกำลังเต็มประสิทธิภาพทั้งกำลังและแรงบิดควบคู่กันไป
ไม่เพียงเท่านั้น โรงงาน Crewe ยังสร้างเครื่องยนต์รุ่นใหม่ ให้เป็นผู้นำในเรื่องอัตราส่วน
กำลังต่อการปล่อยมลพิษที่ลงตัวมากที่สุด

ในปี 2008 Bentley เคยประกาศว่าจะทำโครงการระยะยาวที่เกี่ยวกับการรักษาสิ่งแวดล้อม
รวมถึงการพัฒนาประสิทธิภาพของ ระบบขับเคลื่อนและการนำเทคโนโลยี FlexFuel มา
ใช้กับรถยนต์รุ่นต่างๆภายในปี 2012 Bentley รุ่น FlexFuel นี้มีความสามารถในการลดการ
ปล่อยมลพิษ CO2 ได้มากถึงร้อยละ 70 ในพื้นฐาน ‘well-to-wheel’ ซึ่งเป็นการวัดค่าการ
ปล่อย CO2 โดยน้ำมันจากการผลิต (Well) ผ่านการเผาไหม้ของเครื่องยนต์หรือการใช้งาน
ต่างๆ (wheel)

เพื่อให้มั่นใจว่าขุมพลังและแรงบิดที่เกิดมีความคงที่ (ไม่ว่าจะด้วยน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดไหน)
ตัวเซ็นเซอร์คุณภาพน้ำมันเชื้อเพลิง จะทำการตรวจสอบอัตราส่วนของเชื้อเพลิงที่มีใช้อยู่ในรถ
อย่างต่อเนื่อง จากนั้น ECU จะปรับการทำงานของเครื่องยนต์ให้เหมาะสม การทำงานนี้จะช่วย
ให้มีการส่งกำลังอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจได้เลยว่าเครื่องยนต์ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพแม้
จะใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลดลง

การปรับปรุงเพิ่มเติมให้กับเครื่องยนต์ รวมไปถึงการลดแรงเสียดทานให้ต่ำลง ชิ้นส่วนที่มี
น้ำหนักเบาที่ทำให้รูปแบบเครื่องยนต์ W12 นั้นมีรอบเครื่องที่มีอิสระมากขึ้น ในขณะที่
ระบบการจัดการเครื่องยนต์และเทอร์โบคู่ทำงานเพื่อทำให้มั่นใจว่า อาการรอรอบ หรือที่
เรียกว่า Turbo Lag นั้น จะต้องลดน้อยที่สุดอีกด้วย

โดยรวมแล้ว New GT คูเป้ มีน้ำหนักตัวที่ลดลง 65 กิโลกรัมหากเปรียบเทียบกับรุ่นก่อน ทั้งนี้
เป็นผลมาจากการลดน้ำหนักในทุกๆ ชิ้นส่วนของรถยนต์ตั้งแต่เครื่องยนต์ถึงเบาะนั่งเลยทีเดียว
ผลผลิตกำลังขับที่ออกมานั้นเพิ่มขึ้น 15PS และแรงบิดที่เพิ่มขึ้น 50 นิวตันเมตรเป็น 575PS
(567 แรงม้า / 423 กิโลวัตต์) และ 700 นิวตันเมตร (516 ปอนด์ ฟุต) ผลที่ได้คือการปรับปรุงพัฒนา
อัตราส่วนกำลังต่อน้ำหนักใน New GT 6% อีกทั้งยังทำให้สามารถเร่งจาก 0 ถึง 60 ไมล์/ชั่วโมง
ได้ในเวลาเพียงแค่ 4.4 วินาทีเท่านั้น (0-100 กิโลเมตรในเวลาเพียงแค่ 4.6 วินาที) ความเร็วสูงสุด
198 ไมล์/ชั่วโมง (318 กิโลเมตร / ชั่วโมง)

ถ่ายทอดกำลังผ่าน เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ พร้อมแป้น Paddle Shift บนพวงมาลัย จาก ZF
รุ่น 6HP28 ที่เปลี่ยนเกียร์ได้รวดเร็ว (200 มิลลิวินาที) แถมยังสามารถลดเกียร์แบบ 2 เกียร์
พร้อมกันได้ (เกียร์ 6 ลดลงสู่เกียร์ 4 เป็นต้น) ลงสู่ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ กระจายแรงบิดสู่
ล้อคู่หน้า/หลัง ในอัตราส่วน 40:60 โดยให้น้ำหนักที่ด้านหลังมากกว่า เพื่อเพิ่มความรู้สึก
ในแบบรถสปอร์ต ทั้งการทรงตัวและการเร่งเครื่องเมื่ออยู่ระหว่างการเข้าโค้ง ขุมพลังนี้ยัง
สามารถปรับการส่งแรงบิดได้ทันทีระหว่างล้อหน้าและล้อหลัง ตามสภาพถนน หรือผู้ขับขี่
ต้องการ นอกจากนี้ ยังมีระบบควบคุมการทรงตัวอิเล็กทรอนิกส์ (ESC) เพิ่มความปลอดภัย
และการยึดเกาะถนนในทุกๆ รูปแบบการขับขี่

ระบบ Continuous Damping Control (CDC) จะคอยวัดการทำงานของรถยนต์และการทรงตัว
ด้วยการปรับตั้งค่าช่วงล่างกว่าร้อยครั้งใน 1 วินาทีเพื่อให้การขับเคลื่อนที่นุ่มนวลอย่างน่าทึ่ง
เมื่ออยู่ที่ความเร็วต่ำและเพิ่มการควบคุมเมื่อเพิ่มความเร็ว นอกจากนี้ยังสามารถลดระดับรถ
ได้ในโหมด ‘V-Max’ เพื่อสร้างความมั่นคงเพิ่มขึ้นเมื่ออยู่ในความเร็วสูงสุด

ใครอยากได้ Bentley Continental GT ติดต่อได้ที่ โชว์รูม Bentley อาคาร CTI Tower ถ.อโศก หรือ
บริษัท AAS Auto Service จำกัด ผู้นำเข้าและตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ Bentley อย่างเป็นทางการ
แต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ที่มีศูนย์บริการมาตรฐานและทีมบริการ (Service Teams) พร้อม
ให้บริการรถ Bentley ทุกคัน  และควรซื้้อรถยนต์เบนท์ลี่ย์จากทาง AAS เท่านั้นที่สามารถได้สิทธิ์
การรับประกันจากโรงงาน Bentley ประเทศอังกฤษ 3 ปี ไม่จำกัดระยะทาง  สอบถามรายละเอียด
เพิ่มเติม  ได้ที่ โทร. 02-522-6703,  02-610-9911

ข้อมูลเฉพาะทางเทคนิค

โครงสร้างของตัวรถ Steel Monocoque
ขนาด
ความยาวโดยรวม              4,806 มิลลิเมตร. / 189.2 นิ้ว
ความกว้าง (เฉพาะตัวรถ)    1,944 มิลลิเมตร / 76.5 นิ้ว
ความกว้าง (รวมกระจกข้าง) 2,227 มิลลิเมตร / 87.7 นิ้ว
ความสูงโดยรวม                1,404 มิลลิเมตร / 55.3 นิ้ว
ระยะฐานล้อ                     2,746 มมิลลิเมตร / 108.1 นิ้ว
ขนาดถังน้ำมัน                  90 ลิตร / 20 แกลลอน / 24 US gallons
ขนาดที่เก็บสัมภาระ           358 ลิตร / 12.6 cu ft
Kerb Weight (EU)            2,320 กิโลกรัม / 5,115 ปอนด์
น้ำหนักรถโดยรวม             2,750 กิโลกรัม / 6,063 ปอนด์

เครื่องยนต์   
ชนิด: W12 สูบ 6.0 ลิตร Twin-Turbocharged  FlexFuel E85
กำลังสูงสุด: 567 แรงม้า / 423 กิโลวัตต์ / 575 PS ที่ 6,000 รอบ / นาที
แรงบิดสูงสุด: 700 นิวตันเมตร / 516 ปอนด์ / ฟุต ที่ 1,700 รอบ / นาที

ระบบส่งกำลัง
อัตโนมัติ 6 จังหวะ ของ ZF พร้อมอัตราการทดเกียร์ที่รวดเร็วและ paddleshift ติดตั้งบนพวงมาลัย
ระบบขับเคลื่อน : ขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างต่อเนื่อง (40:60 rear bias)
อัตราการทดเกียร์ :
เกียร์ที่ 1.    4.17
เกียร์ที่ 2.    2.34
เกียร์ที่ 3.    1.52
เกียร์ที่ 4.    1.14
เกียร์ที่ 5.    0.87
เกียร์ที่ 6     0.69   
Final drive: 3.526

พวงมาลัย : rack & pinion, power assisted, speed-sensitive ZF servotronic
ช่วงหมุนพวงมาลัยซ้ายสุด – ขวาสุด: 2.6 รอบ
รัศมีวงเลี้ยว: 11.3 เมตร

ช่วงล่าง
ด้านหน้า : Four link double wishbones, ช็อกอัพแบบถุงลม ปรับระดับเองได้ ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ 
ด้านหลัง : Trapezoidal multi-link, ช็อกอัพแบบถุงลม ปรับระดับเองได้ ควบคุมโดยคอมพิวเตอร์ 
มีเหล็กกันโคลง Anti Roll Bar ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง

เบรค
ด้านหน้า : 405 มม. ventilated discs (หรือเลือกติดตั้ง 420 มม. Carbon Silicon Carbide, cross drilled)
ด้านหลัง : 335 มม. ventilated discs (หรือเลือกติดตั้ง 356 มม., Carbon Silicon Carbide, cross drilled)
ล้อและยาง 9.5J x 20” (275/40ZR 20) หรือเลือกติดตั้ง 9.5J x 21” (275/35 ZR21)

สมรรถนะ
ความเร็วสูงสุด : 198 ไมล์ต่อชม. (318 กม./ ชั่วโมง)
0 – 60  ไมล์/ชั่วโมง. : 4.4 วินาที (0 – 100 กม./ ชั่วโมง: 4.6 วินาที)
0 – 100 ไมล์/ชั่วโมง : 10.2 วินาที (0 – 160 กม./ ชั่วโมง: 10.2 วินาที)
30 – 50 ไมล์/ชั่วโมง (50 – 80 กม./ ชั่วโมง) : 1.7 วินาที
50 – 75 ไมล์/ชั่วโมง (80 – 120 กม./ ชั่วโมง) : 2.9 วินาที

อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (รูปแบบการขับขี่ยุโรป)*
ในเมือง                       11.1 ไมล์/แกลลอน (25.4 ลิตร/100 กม.)
นอกเมือง                     24.9 ไมล์/แกลลอน (11.4 ลิตร/100 กม.)
รวมทั้งสองรูปแบบ          17.1 ไมล์/แกลลอน (16.5 ลิตร/100 กม.)
การปล่อยมลพิษ CO2     384 กรัม / กม.

อัตราบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิง (รูปแบบ EPA) **
ขับขี่ในเมือง          12.0 ไมล์ต่อแกลลอน (US)
ขับขี่บนทางหลวง    19.0 ไมล์ต่อแกลลอน (US)
รวมกัน                 14.0 ไมล์ต่อแกลลอน (US)

การควบคุมมลพิษ
* อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนี้เป็นตัวเลขเพียงชั่วคราวและขึ้นอยู่กับชนิดที่ได้รับการอนุมัติให้ใช้
** อัตราการบริโภคน้ำมันเชื้อเพลิงนี้เป็นตัวเลขเพียงชั่วคราวและขึ้นอยู่กับการรับรองของ EPA
EU 5 และ US LEV 11

————————————///————————————