ในอดีต จิตวิญญาณและปรัชญาในการพัฒนารถยนต์ระหว่าง Mazda และ BMW มีความใกล้เคียงกันมาก ทั้งคู่จะต้องเน้นการพัฒนารถยนต์ที่มอบความสนุกสนานในการขับขี่ และผู้ขับขี่จะต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถราวกับเป็นชิ้นส่วนสำคัญของรถยนต์นั้น ๆ

ถ้าให้เปรียบเทียบกันในโลกแห่งความเป็นจริง BMW ถือเป็นรถยนต์ชั้นแนวหน้าที่มุ่งเน้นปรัชญาการสร้างรถยนต์ที่ขับขี่สนุกสนานจนหาตัวจับได้ยาก Mazda อาจจะมีภาพลักษณ์คล้ายกับ BMW ในตลาดแมสที่ตนเองถนัด แต่ถ้าถามความเป็น “ผู้นำ” ในการพัฒนารถยนต์ที่ขับขี่อย่างเร้าใจได้ เราก็ต้องยกให้ BMW เป็นที่สุดเหนือกว่า Mazda อยู่ดี หนำซ้ำ ทีมวิศวกร Mazda ก็มักนำรถยนต์ BMW หลายรุ่นมาเทียบเป็น Benchmark ในการพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่อยู่เสมอด้วย

แต่สำหรับ BMW ในยุคปัจจุบัน กลับมีบางสิ่งที่เปลี่ยนไป เมื่อรถยนต์ BMW สมัยใหม่ได้ปรับโปรแกรมพวงมาลัย, การตอบสนองของเครื่องยนต์และเสียงของท่อไอเสียที่ทำให้ผู้ขับขี่รู้สึกไม่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับตัวรถทำให้อารมณ์การขับขี่ที่สนุนสนานก็ลดน้อยตามไปด้วย

ต่อให้ BMW เริ่มวางมือกับการสร้างรถยนต์ขับขี่สนุกสนานลงไป แต่สำหรับ Mazda นั้น ยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนารถยนต์ที่ผู้ขับขี่ยังรู้สึกสนุกสนานไปกับมันต่อไป นั่นจึงทำให้ Mazda ต้องเปลี่ยน Benchmark ในการพัฒนารถใหม่จาก BMW กลายเป็นรถยนต์ Toyota !!

สิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงนั้นก็คือ All NEW Toyota Camry ที่ถูกพัฒนาขึ้นบนพื้นตัวถัง TNGA ใหม่ล่าสุดนั้นมีการบังคับควบคุมที่เฉียบคมและให้ความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของรถมากกว่าที่เคยเป็นมา ผิดแผกกับ Camry รุ่นก่อน ๆ ที่ไม่เคยมีชื่อเสียงด้านการขับขี่มาก่อน

(ในอดีต Toyota Camry ไม่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถที่ขับดีนัก แต่สำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดกลับมีชื่อเสียงด้านการขับขี่จน Mazda ต้องจับตามอง)

นี่คือประเด็นที่ทำให้วิศวกร Mazda เป็นห่วงเอามาก ๆ ว่า ขนาด Toyota Camry รุ่นที่ผ่านมามีคุณภาพขับขี่ที่ไม่ได้ดีสักเท่าไร มันยังขายดีได้ขนาดนี้ แล้วยิ่งเป็น Camry ใหม่ที่มีคุณภาพขับขี่ที่สนุกสนานได้ขนาดนี้ มันก็ยิ่งช่วยสร้างชื่อเสียงและยอดขายของ Camry โฉมใหม่ได้ไกลกว่าเดิมเข้าไปอีก

ถ้าให้อธิบายโดยง่ายก็คือ Toyota สามารถเป็นคู่แข่ง Mazda โดยตรงในแง่ของคุณภาพการขับขี่ และยิ่งเป็น Toyota ที่มีมูลค่าของแบรนด์และยอดขายสูงขนาดนี้ ก็ยิ่งทำให้ Mazda ต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด (เพราะถ้าพลาดไปก้าวหนึ่ง ก็อาจทำให้ Mazda ต้องเสียศูนย์ไปได้)

ถือเป็นการพลิกเกมการแข่งขันด้านงานวิศวกรรมที่ทุกคนต้องจับตา เพราะยิ่งแข่งขันมากเท่าไร ก็จะยิ่งเป็นผลดีต่อผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ท่าน ๆ

ที่มา : Autoguide