Mitsubishi เริ่มเดินหน้าเปิดตัว C-Segment Crossover ในชื่อ ‘Eclipse Cross’ ที่สหรัฐอเมริกา ต่อจากตลาดยุโรปอย่างเป็นทางการแล้ว โดยเผยโฉมในงาน Los Angeles Autoshow 2017

ชื่อชั้นของ Mitsubishi Eclipse เป็นที่รู้จักกันในนามของรถสปอร์ตขนาด Compact ถือว่าเป็นรถสปอร์ตในตำนานที่มีชื่อเสียงและยอดขายสูงที่สุดของ Mitsubishi Motors เท่าที่เคยมีมา แต่วันนี้ Mitsubishi ขอนำชื่อ Eclipse กลับมาใช้อีกครั้ง กับรถ Crossover แนวใหม่ที่จะรับประกันความมั่นใจในการขับขี่และเทคโนโลยีอันทันสมัย ภายใต้งานออกแบบยุคใหม่

Mitsubishi Eclipse Cross จึงถือกำเนิดเพื่อแทรกกลางระหว่างรุ่น Outlander : SUV เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง และ Outlander Sport (บางประเทศเรียก ASX) เพื่อเข้าสู่สังเวียน Crossover ขนาด C-Segment อันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุด โดย Mitsubishi มั่นใจว่า Eclipse Cross ถือกำเนิดอย่างถูกที่และถูกเวลาอย่างแท้จริง

มิติตัวถังภายนอก
ยาว x กว้าง x สูง : 4,405 x 1,805 x 1,685 มิลลิเมตร
ระยะฐานล้อ : 2,670 มิลลิเมตร

ดีไซน์ภายนอกคือจุดขายสำคัญของ Mitsubishi Eclipse Cross ด้วยบุคลิกที่พร้อมพุ่งทะยาน โดยได้รับแรงบันดาลใจจากท่านักกีฬาวิ่งเตรียมตัววิ่งจากจุด Start (ท่า Get Set) สัดส่วนตัวรถจะเป็นรถทรงลิ่ม มีเส้นสายบ่าข้าง Belt Line ที่โดดเด่นและเส้นสายที่ชัดเจน , เส้นสายชายล่างประตูตวัดขึ้นคล้ายมัดกล้ามเนื้อ, กรอบกระจกที่ถูกออกแบบให้เทขึ้น คล้ายก้นกระดก

ดีไซน์ด้านหน้าถูกออกแบบตามหลักแนวคิด Dynamic Shield ที่เราเห็นได้จาก Mitsubishi Pajero Sport เน้นการใช้สีดำบริเวณตะแกรงกระจังหน้าและชิ้นส่วนใต้กระจังหน้า เพื่อสะท้อนถึงความเป็นรถยนต์สมรรถนะสูง

การออกแบบบั้นท้ายคือส่วนที่โดดเด่นที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับส่วนอื่นของตัวรถ ด้วยติดตั้งตำแหน่งไฟท้ายที่ยกสูงขึ้นไป พร้อมติดตั้งไฟเบรก LED แบบแกนยาวเชื่อมระหว่างไฟท้าย LED ซ้าย-ขวา

จุดขายที่ Mitsubishi Eclipse Cross พยายามชูคือการออกแบบภายในห้องโดยสารแนว Sport ที่มีคุณภาพสูงและกว้างขวาง ถือเป็นทิศทางการออกแบบภายในรถยนต์ Mitsubishi รุ่นใหม่ พื้นที่ห้องโดยสารผู้ขับขี่ให้ความรู้สึกถูกโอบล้อมในสไตล์รถ Sport ผู้ขับขี่สามารถมองเห็นและสัมผัสถึงภายในที่มีคุณภาพ ไม่ละเว้นแม้แต่จุดเล็กจุดน้อย เพราะใช้วัสดุตกแต่งภายในคุณภาพสูง พร้อมทั้งมีการใช้วัสดุ Piano Black สีดำและสีเงินประกอบเข้าด้วยกัน

ชุดเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple Carplay และ Android Auto ที่สำคัญยังมี Touchpad ข้าง ๆ คันเกียร์เพื่อป้อนคำสั่งผ่านปลายนิ้ว ง่ายขณะขับขี่

1 ในฟีเจอร์เด่น คือ มาตรวัดแสดงผลสี Head-Up Display (เฉพาะรุ่นย่อย SEL) แสดงผลแบบ Real-Time อยู่ในตำแหน่งที่เห็นได้ทั้งพวงมาลัย, ท้องถนนและป้ายจราจร สามารถแจ้งข้อมูลเตือนเพื่อให้ผู้ขับขี่รับทราบ

เบาะนั่งหลังพร้อมปรับอุณหภูมิอุ่นได้ (เฉพาะ SEL Touring Package) สามารถควบคุมอุณหภูมิแยกอิสระเบาะซ้ายและขวา ผ่านสวิตช์ที่ติดตั้งบนคอนโซลกลาง และสามารถปรับเอนได้หลายระดับ และสามารถเลื่อนหน้า-ถอยหลังได้

Sunroof แบบ Panorama แบ่งออกเป็น 2 ช่อง ปรับด้วยไฟฟ้า (เฉพาะ SEL Touring Package)

ระบบการเชื่อมต่อ Mitsubishi CONNECT ช่วยให้ผู้ขับขี่รู้สึกปลอดภัยและมีประสบการณ์ในการขับขี่แบบส่วนบุคคล รองรับการเชื่อมต่อเครือข่ายโทรศัพท์ 4G LTE, GPS ที่สามารถระบุพิกัด, ภายในรถจะมีปุ่มเรียกบริการฉุกเฉินถึง 2 ปุ่ม ได้แก่ บริการ Call Center และบริการข้อมูล/ช่วยเหลือฉุกเฉิน

แพ๊คเกจด้านความปลอดภัยของ Mitsubishi CONNECT ประกอบไปด้วย ระบบแจ้งเตือนการชนอัตโนมัติ, ระบบให้ความช่วยเหลือฉุกเฉิน SOS, การให้ความช่วยเหลือด้านข้อมูล, การให้บริการช่วยเหลือบนท้องถนน, ให้บริการช่วยเหลือรถยนต์ที่ถูกขโมย, ระบบแจ้งเตือนและการติดตามระยะทาง

สำหรับแพ๊คเกจด้านบริการระยะทางไกลของ Mitsubishi CONNECT ประกอบไปด้วย ระบบสั่งเปิดเครื่องปรับอากาศ, สั่งล็อก/ปลดล็อกประตู, สั่งกดแตรระยะไกลได้, สั่งเปิด-ปิดไฟ, ค้นหาตัวรถ, ตั้งค่าภายในรถและการตั้งค่าควบคุมสำหรับผู้ปกครอง (ตั้งค่าระบบเตือนเมือรถออกพื้นที่ที่กำหนด Geo Fence, ระบบเตือนเมื่อขับรถเร็วเกินกว่ากำหนด Speed Alert และระบบเตือนมีการใช้รถนอกเวลาที่กำหนด Curfew Alert)

ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Super All-Wheel Control (S-AWC) ที่ถ่ายทอด DNA ความแข็งแกร่งและความสามารถในการตะลุยมาจาก Mitsubishi รุ่นพี่ ๆ มาใส่เอาไว้ อันเป็นเอกลักษณ์เด่นของรถยนต์ Mitsubishi ช่วยให้การขับขี่ทั้งทางตรงและทางโค้งเป็นไปด้วยความมั่นใจ ผ่านการกระจายแรงบิดลงสู่ล้ออิสระทั้ง 4 ล้อ

ระบบขับเคลื่อน S-AWC จะประกอบไปด้วยระบบควบคุมการขับขี่ ดังต่อไปนี้

  • Active Stability Control (ASC)
  • Anti-lock Brakes (ABS)
  • Active Yaw Control (AYC)
    ทั้งหมดจะทำงานร่วมกันเพื่อกระจายแรงบิดลงสู่ล้อคู่หลัง ซ้าย-ขวา โดยใช้แรงเบรกเพิ่มเติมและระบบควบคุมการขับเคลื่อนสี่ล้อด้วยระบบอิเล็กทรอนิคส์

ระบบขับเคลื่อน S-AWC จะมีการใช้เซ็นเซอร์ตรวจสอบขั้นสูง เพื่อตรวจับพฤติกรรมผู้ขับขี่และอาการของตัวรถ เซ็นเซอร์จะพยายามตรวจจับองศาของพวงมาลัย, อัตราการหมุนของล้อ, แรงบิดเครื่องยนต์, อัตราทดเกียร์, อัตราการเลี้ยว, อัตราเร่ง, แรงดันเบรก เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ 3 โหมด ได้แก่ Auto/Snow/Gravel เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประมวลผลการขับขี่ตามสภาวะในปัจจุบัน

Mitsubishi Eclipse Cross มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือความปลอดภัยผู้ขับขี่เต็มพิกัด ด้วยเซ็นเซอร์อัจฉริยะรอบคัน อาทิ

  • ระบบแจ้งเตือนมุมอับสายตา Blind Spot Warning (BSW)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถยนต์วิ่งแทรกขณะเปลี่ยนเลน Lane Change Assist (LCA)
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Rear Cross Traffic Alert (RCTA)
  • ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ Forward Collision Mitigation (FCM)
  • ระบบเตือนออกนอกช่องจราจร Lane Departure Warning (LDW)
  • ระบบ Adaptive Cruise Control System (ACC)
  • กล้องมองภาพรอบคัน Multi-View Camera System
  • ระบบเปิด-ปิด ไฟสูงอัตโนมัติ Automatic High Beam (AHB)

เครื่องยนต์
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ขนาด 1.5 ลิตร 1,499 ซีซี ฉีดเชื้อเพลิงตรง Turbo กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 75.0 x 84.8 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0 : 1 ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) ที่ 5,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตรที่ 1,800 – 4,500 รอบ/นาที หากเป็นรุ่นขับเคลื่อนสองล้อหน้า เกียร์ธรรมดา จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 6.6 ลิตร/100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 : 151 กรัม/กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุด 205 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 10.3 วินาที รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ เกียร์ CVT จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 7.0 ลิตร/100 กิโลเมตร ปล่อยค่าไอเสีย CO2 : 159 กรัม/กิโลเมตร ทำความเร็วสูงสุด 200 กิโลเมตร/ชั่วโมง อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมงภายใน 9.8 วินาที

ระบบช่วงล่าง
ด้านหน้า : แมคเฟอสันสตรัท
ด้านหลัง : Multi-Link

Mitsubishi Eclipse Cross เวอร์ชันสหรัฐอเมริกามีรุ่นย่อยให้เลือกถึง 4 แบบ ได้แก่ SE, LE, SE และ SEL ทุกรุ่นย่อยจะติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานครบครัน ได้แก่ กระจกมองข้างไล่ฝ้า, สปอยเลอร์ท้าย, มาตรวัด MID แบบจอสี, มาตรวัดแบบแสดงผลเห็นได้ชัดเจน, ระบบ Bluetooth, ปุ่มฟังก์ชันบนพวงมาลัย, กล้องมองหลัง, Cruise Control, แอร์อัตโนมัติ, ถุงลมนิรภัย 7 จุดและระบบกันขโมย โดยมีราคาเริ่มต้นที่ 23,295 ดอลลาร์ หรือถูกกว่า C-SUV ที่นั่นเพียงเล็กน้อย

ที่มา : Mitsubishi North America