กลับมาอีกครั้งกับมหกรรมงานจัดแสดงยานยนต์ซึ่งจัดโดยบริษัทสื่อสากล ซึ่งในปีนี้จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 พฤศจิกายน-10 ธันวาคม 2018 ท่านที่สนใจมาร่วมชมงานในวันธรรมดา ท่านสามารถเข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 12.00 น. ส่วนวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดราชการ จะเปิดเร็วขึ้นเป็น 11.00 น. และเลิกงาน ในเวลา 22.00 น. ของทุกวัน

สำหรับงาน Motor Expo ในปี 2018 นี้ ใช้ธีมประจำงานว่า “Enjoy Driving! Before driverless era” หรือ “ขับสนุก! ก่อนยุคไร้คนขับ” ซึ่งฟังแล้วรู้สึกว่ายุคที่รถยนต์บนท้องถนนจะขับเคลื่อนด้วยตัวมันเองอยู่อีกไม่ไกล ในอนาคตอันใกล้นี้เราจะเปลี่ยนเป็นเพียงผู้โดยสารนั่งกดมือถืออยู่บนเบาะ ดังนั้น เวลาที่เหลืออยู่ก็ควรพยายามใช้ชีวิตให้รื่นฤทัยไปกับการขับรถแบบที่คุณอยากขับ ซื้อรถในแบบฉบับที่คุณอยากได้

อย่าลืมติดตามข่าวสารเพิ่มเติมจากทางเพจ Headlightmag ใน Facebook เพราะนอกจากจะมีบทความนี้แล้ว ทางคุณหมู ธีรพัฒน์ ยังได้ทำกระทู้เจาะลึกสำหรับรถรุ่นต่างๆ และมีรายละเอียดเพิ่มเติมสำหรับรถบางรุ่นที่คุณอาจสนใจเป็นพิเศษ ผมได้ใส่ลิงค์เอาไว้ให้แล้วในหลายคัน

หมายเหตุ – โปรดอย่ายึดติดกับรูปแบบของบูธ เพราะส่วนมาก รอบประชาชนกับรอบสื่อมวลชนจะมีการสลับตำแหน่งรถกันบ้าง

 

ASTON MARTIN

ของเด็ดของค่ายนี้ ก็คือรถสปอร์ตอังกฤษมาดผู้ดีเขี้ยวคม ไม่ว่าจะเป็น DB11 หรือ Vanquish V12 ตัวท้อปสุดของค่าย แต่ไฮไลท์เด็ดของงานครั้งนี้ คือน้องเล็กแต่หมัดไม่เล็กอย่าง Aston Martin Vantage ซึ่งมาพร้อมกับพลัง V8 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ 510 แรงม้า แรงบิดมากมายถึง 685 นิวตันเมตร ลูกค้าสามารถสั่งเลือกแพ็คเกจตัวเบา ซึ่งจะทำให้น้ำหนักรถเหลือ 1,530 กิโลกรัม สนนราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 16,900,000 บาท

เป็นทางเลือกใหม่เสริมทัพจากรุ่นใหญ่อย่าง DB11 ซึ่งในงานนี้เมื่อปีที่แล้ว Aston Martin ไทย เอารุ่น V8 เข้ามาขายในราคา 19,990,000 บาท ซึ่งรถ DB11 V8 นี้จะใช้เครื่องยนต์เดียวกับ Vantage แต่ตัวรถนั้น น้องเล็กจะเบากว่าอยู่ 230 กิโลกรัม

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Vantage ได้ที่นี่


 

AUDI

รถเด่นที่เพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน ก็ได้นำมาโชว์ในงานนี้ด้วย และนี่คือ Audi A6  Avant  55 TFSI quattro  S line ซึ่งเปรียบเสมือนกับพี่ชายตัวโตกว่า เครื่องแรงกว่า ของน้องเล็ก A4 Avant โดยรถคันจริงนั้น ได้ผลบุญจากการเป็นรถใหญ่ตัวยาว สามารถจัดสัดส่วนการออกแบบได้ลงตัว ดูเพรียวในแบบที่ดูรู้ว่าเป็นแวก้อน แต่เป็นแวก้อนที่วัยรุ่นหลายคนเห็นแล้วซู้ดปาก แต่ซู้ดแล้วอาจเศร้าเพราะราคาโดดจาก 3 ล้านต้นๆใน A4 เป็น 4.999 ล้านบาท ต้องอาศัยเงินผู้ใหญ่สักหน่อยถึงจะคว้าได้สำเร็จ

A6 Avant 55TFSI ใช้ขุมพลังเดียวกับ A7 และ A8 เวอร์ชั่นไทย คือบล็อค 3.0 ลิตรเทอร์โบ 340 แรงม้า พร้อมระบบ Mild Hybrid ซึ่งทำขึ้นมาเพื่อให้สามารถดับเครื่องปล่อยไหลได้ตั้งแต่ช่วงความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมงลงมา และทำให้ระบบ Start/Stop สั่งดับเครื่องได้ตั้งแต่ความเร็วเหลือ 22 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ถ้ากดคันเร่งเมื่อไหร่เครื่องยนต์จะติดอยู่ตลอด แบตเตอรี่ขนาดเล็กมากติดตั้งอยู่ด้านท้าย ช่วยจ่ายไฟให้ระบบไฟฟ้าและพวงมาลัยเวลาที่เครื่องดับ และเครื่องยนต์จะดับต่อเนื่องสูงสุดไม่เกิน 40 วินาที

รถคันที่มาโชว์ในงาน ยังเป็นเวอร์ชั่นพวงมาลัยซ้ายอยู่ ข่าวดีคือเวอร์ชั่นไทยของจริงจะได้ล้อขนาดโตกว่านี้ ให้สมกับราคา 5 ล้านทอนพันบาท ถ้าอยากดูว่าเมืองไทยจะได้ล้อลายไหน คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยครับ

โปรโมชั่น Audi

  • สำหรับลูกค้า 100 ท่านแรกที่ออกรถ Audi ทุกรุ่นยกเว้น Q2 รับกล้อง Leica Q-P มูลค่า 180,000 บาท
  • แคมเปญพิเศษ “รูดแสนบาท ได้แสนพอยท์”  โดยลูกค้าธนาคารกสิกรไทย ไทยพาณิชย์ กรุงไทย ยูโอบี กรุงเทพ และกรุงศรีอยุธยา รูดผ่านบัตร 100,000 บาท รับทันทีคะแนนสะสม 100,000 คะแนน มอบให้เป็นพิเศษในวันออกรถ

 

BENTLEY

ฺBentley ภายใต้ผู้แทนจำหน่าย AAS Auto service เอารถแข่ง Continental GT3 มาจอดโชว์ รถรุ่นนี้พอแข่งคลาสนี้ จะใช้เครื่องยนต์ V8 90 องศา 4.0 ลิตรเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 598 แรงม้า แปลงอ่างน้ำมันเครื่องเป็นแบบ Dry-sump ใช้เกียร์แข่ง Xtrac 6 จังหวะ ปรับจากการขับเคลื่อน 4 ล้อในรุ่นปกติ เหลือแค่ 2 ล้อหลัง แถมทำน้ำหนักที่เคยป้วนเปี้ยนแถวสองตัน ลงมาเหลือแค่ราว 1.3 ตันเท่านั้น

ส่วนรถแบบที่คุณซื้อหากันได้ ในงานนี้ Bentley ขอเสนอ Bentayga Petrol V8 ซึ่งใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรทวินเทอร์โบ ให้พลังสูงสุด 550 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 770 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 290 กิโลเมตร/ชั่วโมงทั้งที่ตัวรถใหญ่ หนา และหนักถึง 2,388 กิโลกรัม มีเครื่องเสียงBentley Signature Audio ล้อขนาด 22 นิ้ว และตกแต่งภายในมาอย่างสวยหรู วางราคาเริ่มต้นเอาไว้ที่ 21,500,000 บาท


 

BMW/MINI

เป็นค่ายหนึ่งที่ดูจะขนของใหม่มาล่อใจมากมาย เริ่มต้นกันด้วยรถรุ่นใหม่เพิ่งเอาเข้ามาโชว์และขายในงานนี้เป็นครั้งแรกอย่าง M850i xDrive Coupe ก่อน มันคือรถคูเป้ Grand Tourer ขนาดค่อนข้างใหญ่แต่ยังเน้นความคล่องแคล่วปราดเปรียวมากกว่า S-Class Coupe ของ Mercedes-Benz ในเมืองนอกมีจำหน่ายทั้งรุ่นดีเซลเทอร์โบ 3.0 ลิตร และเบนซินเทอร์โบ 4.4 ลิตร M850i คืออย่างหลัง และเป็นสเป็คที่ BMW Thailand นำเข้ามาให้ซื้อกันในราคา 12,999,000 บาท แม้ว่าพลัง 530 แรงม้าจะไม่ดุเดือดเท่าซาลูนร้อนอย่าง M5 แต่เชื่อว่าคงเป็นที่พึงพอใจของเศรษฐีไทยหลายต่อหลายคน และยังได้ภายในที่สวยงามตามระดับ เพราะนับเป็นรถระดับเรือธงของค่าย

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ M850i ได้ที่นี่

ต่อมา ก็เป็นใครไม่ได้นอกจาก SUV ระดับพรีเมียมที่ส่งมาโกยยอดก่อนที่ Audi Q7 จะเอาไปกินเสียหมด นี่คือ BMW X5 รุ่นใหม่รหัสตัวถัง G05 ปราดเปรียวยิ่งขึ้นด้วยชุดแต่ง M Aerodynamics มีชุดเบรกและช่วงล่างแบบ M Sport ล้ออัลลอย M ขนาด 22 นิ้ว ลาย Double-spoke เครื่องยนต์ดีเซล 6 สูบ 3.0 ลิตร 265 แรงม้าแรงบิดสูงสุด 620 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ xDrive และยังมีระบบช่วยจอด Parking Assistant Plus ที่จำการเคลื่อนที่ของรถในช่วง 50 เมตรสุดท้ายก่อนดับเครื่อง ทำให้ถอยออกตามทิศทางเดิมได้โดยอัตโนมัติ แล้วก็มาพร้อมด้วยกล้องรอบคัน กับหน้าปัดแบบใหม่ BMW Live Cockpit Professional

พูดมาตั้งเยอะ..แต่ยังไม่เปิดราคาในงานนะครับ รอหน่อย

BMW M4 Convertible 30 Jahre (Edition 30 Years) เป็นรุ่นพิเศษที่มีพื้นฐานมาจากรุ่น M4 Cabrio Competition ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรทวินเทอร์โบ 450 แรงม้า แรงบิด 550 นิวตันเมตร ติดตั้ง M Competition Package มาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน เสริมด้วย BMW Individual High Gloss Shadow Line ซึ่งเป็นชุดตกแต่งสีดำเงาบริเวณกระจังหน้า, ครีบ M ด้านข้าง, โลโก้รอบคัน และล้อ M ขนาด 20 นิ้ว สีเทา Orbit Grey มีป้าย 30 Jahre ที่เบาะและแผงประตู ในไทยได้โควต้าแค่ 2 คัน เป็นสีเหลืองและน้ำเงินอย่างละคัน ซึ่งป่านนี้น่าจะโดนจองไปหมดแล้ว สนนราคาของเจ้าคันนี้ 8,999,000 บาท

เออแปลกดี รถขายแค่สองคันในประเทศ ดันมีราคา X5 ที่น่าจะขายได้มากกว่านั้นเยอะ..ยังไม่รู้ อาจจะเปิดหลังผมเขียนบทความ (มั้ง)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

M2 Competition ขวัญใจคนรักความจี๊ดจ๊าด จากเดิมใน M2 Coupe ที่ใช้เครื่องยนต์ N55B30 เปลี่ยนมาเป็นบล็อค S55B30 เหมือนกับรุ่นพี่อย่าง M4 แต่เพื่อไม่ให้เกิดการปีนเกลียวจึงต้องปรับแรงม้าลดจาก 431 เหลือ 410 แรงม้า แรงบิดเท่ากับ M4 คือ 550 นิวตันเมตร แต่แค่นี้ก็มากขึ้นกว่าเดิมตั้ง 40 ตัวแล้ว เวอร์ชั่นไทยได้เกียร์คลัตช์คู่ M-DCT 7 จังหวะ จุดที่เปลี่ยนแปลงภายนอกคือกระจังหน้ารมดำ กันชนขนาดใหญ่ ล้ออัลลอย 19 นิ้ว และกระจกมองข้างเปลี่ยนทรงเป็นแบบ M สำหรับราคาที่เปิดมา อยู่ที่ 6,299,000 บาท

บอกเลยว่าถ้ามีรถทดสอบให้ยืม ผมไม่พลาด แค่รุ่นเก่าตัวธรรมดายังสะใจ Competition จะขนาดไหน

X3 จากเดิมนำเข้ายกคัน ตอนนี้นำเอาชิ้นส่วนมาจากนอกแล้วประกอบเป็นคันในประเทศ พร้อมเปิดให้จับจองได้แล้ว รุ่น xLine ราคาถูกลง 340,000 บาท เหลือ 3,359,000 บาท แต่ตัดหลังคากระจก หน้าปัด Full TFT ไฟหน้า Adaptive แต่เพิ่มกล้องมองหลังมาให้ ส่วนรุ่น M Sport ราคาลดลง 140,000 บาท เหลือ 3,659,000 บาท ตัดเครื่องเสียง Harman Kardon ตัดไฟหน้า Adaptive เพิ่มม่านที่ประตูหลังกับ Head-Up Display มาให้ งานนี้ลูกค้าต้องเลือกเองแล้วครับว่าจะไปหารถ CBU ที่ค้างสต็อคอยู่หรือเล่นตัวประกอบใน

อ่านรายละเอียดและอุปกรณ์เพิ่มเติมสำหรับ X3 ได้ที่นี่

นอกจากนี้ยังมีรุ่นที่มาแบบแอบหลบๆ เกือบจะเดินผ่านโดยไม่ได้สนใจเพราะไม่ได้มีบอกในเอกสารสื่อมวลชน (จริงๆน่าจะบอกกันสักนิดเพราะแต่ละรุ่นก็น่าสนใจทั้งนั้น) อย่างเช่นตัวแรก 530e มีการเพิ่มรุ่น Highline เข้ามาและตัดรุ่น Luxury ออกจากใบสเป็ค ราคาพร้อม BSI Standard อยู่ที่ 3,539,000 บาท ถูกกว่ารุ่น Luxury เดิม 100,000 บาท ล้อลาย 9 ก้านคู่ขนาด 18 นิ้ว ไม่มี Paddle shift ไม่มี Head Up Display ไม่มีระบบช่วยจอดรถ ไม่มีซันรูฟ เครื่องเสียงแบบธรรมดา ภายในเป็นเบาะน้ำตาลส้มกับลายไม้

740Le M Sport เมื่อเทียบกับรุ่น Pure Excellence จะมีระบบ Driving Assistant, ชุดแต่ง M, พวงมาลัย M Sport, BMW Connected Drive, เครื่องเสียง Bower & Wilkins เป็นต้น ส่วนขุมพลังจะเหมือนเดิม คือเครื่องเบนซิน B48 2.0 ลิตร 258 แรงม้าบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าจนได้พลังรวม 326 แรงม้า

ส่วน X1 ตัดรุ่น sDrive18i xLine ออก กลายมาเป็นรุ่น sDrive18i Iconic ปรับราคารวม BSI Standard ลงเหลือ 1,999,000 บาท โดยเทียบกับรุ่น xLine เดิม จะมีเกียร์ที่เปลี่ยนจาก 6 จังหวะเปลี่ยนเป็นคลัตช์คู่ตัวใหม่ (อันที่จริงเริ่มเปลี่ยนมาก่อนหน้านี้แล้ว) ตัดจอ Head Up Display ออก แต่ยังมีระบบช่วยนำเข้าจอดอยู่ Comfort Access ถูกเอาออก วัสดุตกแต่งภายในเปลี่ยนจากลายไม้เป็น Black Gloss, ตัดแอร์ 2โซนออก, ตัดระบบนำทางออก, ตัดเครื่องเสียง Hi-Fi/ระบบเชื่อมต่อ Bluetooth/USB และกล้องแสดงภาพด้านหลังออก

เรียกได้ว่ามาสไตล์ 320d Iconic คือถอดของออกเยอะ แต่ก็ทำให้ได้ราคาที่ดึงดูดใจต่อการเป็นรถยุโรปคันแรกของบ้านมาก

Oxford Edition เป็น MINI รุ่นพิเศษที่นำเข้ามาเพียง 60 คันเท่านั้น โดยเป็นรุ่น 3 และ 5 ประตูอย่างละ 30 คัน ตัวถังสีแดง Pure Burgundy ตัดด้วยหลังคาสีดำและกระจกมองข้างสี Melting Silver ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดำลาย Cosmos Spoke คาดด้วยสติ๊กเกอร์ลายทางคู่อันเป็นเอกลักษณ์ที่บริเวณด้านหน้ารถ ด้านหลังรถ และมือจับประตู ส่วนฝาปิดถังน้ำมัน กรอบไฟหน้าหลังทำเป็นสี Piano Black และเส้นไฟ LED ลายธงยูเนียนแจ็คซึ่งเป็นดีไซน์ที่หลายคนชื่นชอบ MINI Oxford ใช้เครื่องยนต์ TwinPower Turbo 2.0 ลิตร 192 แรงม้า รุ่น 3 ประตู ราคา 2,819,999 บาท รุ่น 5 ประตูราคา 2,859,999 บาท

นับเป็นการตั้งราคาที่น่าสนใจโดยพยายามทอนเหรียญบาทให้ลูกค้า พกสะดวก

นอกจากนี้ยังได้นำเอารถต้นแบบ John Cooper Works GP ซึ่งพยายามแต่ง MINI ให้เหมือนรถแข่งทางเรียบด้วยลิ้นหน้าทรงกวาดพื้นขนาดใหญ่ กระจังรังผึ้งด้านหน้า และกันชนหลัง พ่วงด้วยสเกิร์ตด้านข้างและสปอยเลอร์บนหลังคา การใช้วัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ที่มีคุณสมบัติความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบาพิเศษทำให้รถมีน้ำหนักเบาและมีการกระจายน้ำหนักที่สมดุล ท่อไอเสียคู่ติดตั้งตรงกลางกันชน ไฟท้ายที่มาในดีไซน์ธงยูเนียนแจ็คครึ่งผืน

ข้อเสนอพิเศษในงานมหกรรมยานยนต์ ครั้งที่ 35

ลูกค้าฺBMW และ MINI ที่จองรถยนต์ภายในงานและมีกำหนดรับส่งมอบรถยนต์ภายในวันที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2561 จะได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ดังนี้

  • การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา BSI (BMW Service Inclusive) ยกเว้นรถรุ่น i3, i8

    • สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ BMW ทุกรุ่น ยกเว้นรุ่น i เมื่อซื้อโปรแกรมบำรุงรักษา BSI Ultimate จะได้รับการยกระดับจากระยะเวลาบำรุงรักษา 5 ปี / 100,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร
  • การยกระดับโปรแกรมบำรุงรักษา MSI (MINI Service Inclusive)
    • สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถ MINI ทุกรุ่น จะได้รับการยกระดับ MSI Standard ฟรี จากระยะเวลาบำรุงรักษา 3 ปี / 60,000 กิโลเมตร เป็น 10 ปี / 100,000 กิโลเมตร**
    • สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์ผ่านทาง BMW Financial Service รับฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง 1 ปีเต็ม
    • รับฟรี หมวกแก๊ปจาก MINI John Cooper Works พิเศษเฉพาะผู้มาทดลองขับรถยนต์ MINI เท่านั้น

 


 

CHEVROLET

ค่ายนี้ยังไม่มีปรากฏการณ์อะไรใหม่ให้ตลาดช็อค แต่ก็ต้องพยายามดิ้นรนทำสิ่งที่มีอยู่ให้เตะตาผู้บริโภคมากที่สุด GM Direct วันนี้ ขอเสนอ นวัตกรรมที่จะทำให้ Dark side ของคุณ Dark ยิ่งขึ้นไปอีก กับ Chevrolet Colorado Midnight Edition ทะมึนจับกระแสพ่อมดศาสตร์มืดด้วยของดำรอบคัน กระจังหน้า กระจกมองข้าง โป่งล้อ และล้ออัลลอยล้วนเป็นสีดำ ที่พิเศษเพิ่มจากรุ่น High Country ทั่วไปก็คือไฟท้ายที่เป็นแบบ LED ดีไซน์ใหม่ และกระจกรถมาแนวหน้าใสหลังมืดแบบวัยรุ่นนิยม  ราคา 1,028,000 บาทในรุ่นขับหลัง และ 1,098,000 บาทในรุ่นขับสี่

อ่านรายละเอียดของ Colorado Midnight Edition ได้ที่นี่

นอกจากม้ามืด Midnight แล้ว ก็ยังมีรุ่นที่ไม่มืด แต่ราคาฟังแล้วน่าจะคุยกันง่าย อย่าง Colorado Tornado Edition (จะอะไรกับพายุนักหนานะค่ายนี้) ซึ่งมีสติกเกอร์ที่ฝากระโปรงหน้าและคาดข้างด้านท้าย กับซุ้มล้อสีดำด้านเพิ่มเข้ามาให้ ตั้งราคาไว้ 799,000 บาท และสามารถรับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 80,000 บาทเมื่อนำรถเก่ามาแลกรถใหม่ แต่ผู้เขียนลืมถามว่าถ้ารถผู้เขียนราคาตลาด 50,000 เชฟจะยอมเพิ่มให้กี่บาท

ส่วนคนที่ชอบรถแนว PPV นั่งได้หลายคน Chevrolet ก็เอารุ่น 4×2 LTZ มาตกแต่งเป็นรุ่น Perfect Edition เพิ่มชุดแต่งกันชนหน้า/หลัง ซุ้มล้อสีด้าน สปอยเลอร์ และปลายท่อสแตนเลย ราคาปกติตั้งไว้ 1,379,000 บาท ลดลงมาเหลือ 1,189,000 บาทเท่านั้น

โปรโมชั่นงาน Motor Expo

  • Trailblazer รุ่น 4×4 A/T LTZ ในข้อเสนอพิเศษ 1,289,000 (จาก 1,479,000 บาท)
  • Colorado High Country Storm ในข้อเสนอพิเศษ 1,028,000 บาท รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 60,000 บาท เมื่อนำรถเก่าแลกรถใหม่
  • Colorado High Country ในข้อเสนอพิเศษ 998,000 บาท รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 60,000 บาท เมื่อนำรถเก่าแลกรถใหม่
  • Colorado C-Cab ในข้อเสนอพิเศษ 699,000 บาท สำหรับรุ่น LT รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 90,000 บาท และสำหรับColorado C-Cab ป รุ่น LTZ Z71 รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 100,000 บาทเมื่อนำรถเก่าแลกรถใหม่
  • Colorado X-Cab ในข้อเสนอพิเศษ 599,000 บาท สำหรับรุ่น LT รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 60,000 บาทและโปรแกรมเช็คระยะฟรี 30,000 กิโลเมตร สำหรับรุ่น LT Z71 รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 70,000 บาท และรุ่น LTZ Z71 รับมูลค่าเพิ่มเติมสูงสุด 90,000 บาท เมื่อนำรถเก่าแลกรถใหม่

FOMM

FOMM One เป็นรถยนต์ไฟฟ้าขนาดเล็กสำหรับคนเมือง ที่มีขนาดกระทัดรัดด้วยลำตัวที่ยาวเพียง 2,585 มิลลิเมตร (สั้นกว่าระยะฐานล้อรถ C-Segment ทั่วไป) แต่ออกแบบให้จุคนได้ 4 ที่นั่ง (แต่เท่าที่ลองนั่งมา ควรเป็นคนตัวผอมหน่อย) มีความโดดเด่นด้วยพวงมาลัยทรงคล้ายเครื่องบิน และติดตั้งคันเร่งเอาไว้ที่พวงมาลัยนั่นเอง ใช้แบตเตอรี่ขนาดเล็กจุ 2.96 kWh จำนวน 4 ก้อน ทำให้สามารถถอดแยกเปลี่ยนได้ในอนาคต และที่สำคัญ FOMM ยังริเริ่มเครือข่าย Battery Cloud ที่ลูกค้าสามารถขับเข้าไปเปลี่ยนได้เมื่อแบตเตอรี่ใกล้หมด ทำให้ไม่ต้องกังวลเรื่องต้องไปหาแย่งจุดชาร์จกับชาวบ้าน

เมื่อชาร์จไฟจนเต็ม FOMM One สามารถแล่นได้ไกล 160 กิโลเมตรตามมาตรฐานการวัด WLTC (ใกล้เคียงกับ LEAF รุ่นแรกๆ) และสามารถใช้ความเร็วสูงสุดได้ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เริ่มเปิดรับจองตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมที่ผ่านมา สำหรับลูกค้า 2,000 คันแรก จะได้ส่วนลดราคาจาก 664,000 บาทเหลือ 599,900 บาท

ถึงแม้ FOMM One จะมีราคาเท่ากับรถอีโคคาร์รุ่นกลางค่อนข้างสูง แต่ทางบริษัทก็ชูจุดเด่นว่าค่าบำรักษาของ FOMM จะต่ำกว่ารถเบนซินทั่วไปถึง 9 เท่าเพราะมีชิ้นส่วนที่ต้องดูแลน้อย ไม่ต้องเติมน้ำมัน น้ำมันเครื่อง น้ำมันเกียร์ เป็นต้น


 

FORD

พี่ม้าแรงฤทธิ์ ร้อนแรงสุดจากฝั่งอเมริกาที่มาแตะแผ่นดินไทยเวลานี้ คงต้องยกให้กับ Ford Mustang ส่วนไดโนเสาร์สีน้ำเงินนั้น คิดว่าเราพูดถึงกันเยอะแล้ว ว่าแต่อย่าลืมเช็ค VIN ล่ะ

Mustang เวอร์ชั่นที่ถูกนำเข้ามาขายในครั้งนี้ เป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์แล้ว พวงมาลัยขวาแท้ประกอบจากอเมริกา เข้ามาแข่งขันในเซกเมนต์รถคูเป้หน้าแปลกและ Performance Car ที่มีคู่แข่งอย่าง Audi TTS, AMG C43 และ BMW M2 เรื่องขนาดตัวนั้น Mustang จะใหญ่กว่าชาวบ้าน แต่ถ้าห่วงเรื่องแรง ก็จะบอกว่ารุ่น 5.0 GT นั้น มีเครื่อง V8 ที่พัฒนามาแล้ว ไม่ได้โบราณคร่ำครึเหมือนเมื่อ 20 ปีก่อน สามารถหมุนรอบจัดได้ 7,500 รอบต่อนาทีและมีพละกำลังถึง 460 แรงม้า นี่คือรถม้าเกิน 400 ป้ายแดงโชว์รูมที่ราคาถูกที่สุดในตลาดแล้ว (4,799,000 บาท) แล้วนี่ยังมาพร้อมกับหน้าปัดร้อยพันเล่ห์ ดิจิตอลสมบูรณ์แบบ ปรับการโชว์ค่าได้จนวัยรุ่นตาแตกตาย ช่วงล่าง Performance Pack และเบรกหน้า Brembo ท่อไอเสียปรับความดังของเสียงได้ แถมยังตั้งเวลาให้ท่อเงียบเฉพาะตอนดึกถึงตอนเช้าได้อีกต่างหาก

แต่ถ้าคุณไม่คิดจะไปไล่ฆ่าใคร และต้องการแค่รูปโฉมของ Mustang ที่แปลกตากว่ารถทั่วไป บางที รุ่น 2.3 EcoBoost ซึ่งแม้จะเล็กแต่ก็ยังมีม้า 300 ตัว มาในราคา 3,599,000 บาท ฟังแล้วโอเคมั้ยครับ เผื่อใครอยากจะเอาม้าไปเป็นเพื่อนไดโนเสาร์ดุๆที่บ้าน?

ดูข้อมูลและอุปกรณ์ Ford Mustang ได้ที่นี่

อ่านบททดสอบ Ford Mustang ที่ผมขับมาเอง ได้ที่นี่

โปรโมชั่น Ford ในงาน Motor Expo

  • โปรแกรมขยายเวลาการรับประกันคุณภาพ (Premium Extended Warranty) สำหรับลูกค้าที่ออก Ranger และ Everest  ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 ธันวาคม 2561 เป็นเวลา 5 ปีหรือ 150,000 กิโลเมตร (แล้วแต่อย่างใดอย่างหนึ่งถึงก่อน)
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น Wildtrak และ Double Cab Limited ดอกเบี้ย 1.99% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น Double Cab XLT ดอกเบี้ย 0% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 48 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น Open Cab XLT ดอกเบี้ย 89% ดาวน์ 25% ผ่อนนาน 84 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น Open Cab XL+ ดาวน์เพียง 9,999 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น Open Cab XL ส่วนลด 35,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Ranger ใหม่ รุ่น STD Cab & Open Cab XLS ส่วนลด 23,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure
    • Ford Everest ใหม่ ราคาเริ่มต้น 1,299,000 บาท พร้อมฟรีประกันภัยชั้นหนึ่ง Ford Ensure

 

HONDA

เปิดตัวมานานแล้ว โชว์มาหลายที่ ครานี้ถึงคิวพี่ไทย กับ Honda NSX ซูเปอร์คาร์ตัวท้อปของค่าย ขุมพลัง V6 3.5 ลิตรเทอร์โบคู่พ่วงมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้กำลังสูงสุด 581 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 646 นิวตัน-เมตร ทำงานร่วมกับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 2.9 วินาที NSX ทุกคันจะประกอบด้วยมือ ตั้งแต่ขั้นตอนการร้อยน็อต ไปจนถึงการประกอบชิ้นส่วนภายนอก และภายในทุกชิ้น ในขั้นตอนการประกอบจะมีผู้เชี่ยวชาญจำนวน 16 คน และใช้เวลา 14 ชั่วโมงในการประกอบ NSX 1 คัน และ ใน 1 วันจะสามารถประกอบ NSX ได้ 10 คัน ตัวรถประกอบที่ Marrysville รัฐ Ohio และเครื่องยนต์ทำจากเมือง Anna รัฐเดียวกัน

Honda CR-V มีการปรับอุปกรณ์และเพิ่มทางเลือกใหม่ รุ่น 5 ที่นั่งราคา 1,359,000-1,499,000 บาท ปรับลดลงจากรุ่น 7 ที่นั่ง 50,000 บาท สิ่งที่หายไปคือ เบาะนั่งแถวที่ 3, กลไลเลื่อนหน้า-ถอยหลังเบาะนั่งแถวที่ 2 และ ช่องแอร์บนเพดาน มีให้เลือกเฉพาะรุ่นเบนซิน 2.4 ลิตร ส่วนรุ่น 7 ที่นั่งมีการปรับอุปกรณ์ในรุ่นย่อยล่างทั้งเบนซินและดีเซล บวกราคาเพิ่มจากเดิม 10,000 บาท สรุปคือรุ่น 5 และ 7 ที่นั่งรุ่นย่อยล่าง (2.4S, 2.4E, 1.6 E ดีเซล) จะได้ฝาท้ายไฟฟ้าเตะเปิด, จอกลางขยับขนาดเป็น 7 นิ้ว รองรับ Apple Car Play / Android Auto และ SIRI

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ CR-V 5 ที่นั่งได้ที่นี่

จี๊ดที่สุดวันนี้ น่าจะเป็นการมาของ Honda Civic ไมเนอร์เชนจ์ มาแบบเก็บข่าวเรียบๆเงียบๆ รู้ตัวก่อนล่วงหน้าแค่นิดเดียว แถมคราวนี้ยังมีสีน้ำเงินใหม่ Brilliant Sporty Blue มาให้เลือกทั้งรุ่น 1.8 และ 1.5T ราคาเพิ่มจากรุ่นเดิม 5,000 บาทในรุ่น 1.8E, 1.8EL และ 1.5 Turbo ส่วนรุ่น Turbo RS เพิ่ม 20,000 บาท ที่เพิ่มมาเยอะ เพราะเค้าโยนระบบ Honda Sensing ที่มีทั้งระบบช่วยเตือนรถให้อยู่ในเลน ระบบ Adaptive Cruise Control ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติมาให้ แถมภายในห้องโดยสารยังมีแฟชั่นเดินด้ายตะเข็บแดงอีกด้วย

แต่รุ่นที่เพิ่มน้อยแต่คุ้มเยอะ น่าจะเป็นรุ่น 1.5 Turbo (ไม่ RS) ที่แพงกว่าเดิมแค่ 5,000 แต่ได้ถุงลมนิรภัยข้างเพิ่มมา 2 ลูก ได้ Paddle shift และระบบพับกระจกมองข้างเวลาจอดรถโดยอัตโนมัติ สำหรับคนที่สนใจอยากดูรายละเอียดแบบยาวๆ ดูในบทความที่คุณหมูทำไว้ได้เลย คลิกที่นี่เลยครับ

ใครไปดูตัวจริงแล้วผมฝากดูนิดนึงครับ ล้อของรุ่น 1.8EL น่าจะเปลี่ยนไหม ส่วนรุ่นอื่นๆ สวยครับ ตัว 1.8E ได้ล้อของ EL ตัวก่อนไมเนอร์เชนจ์ โอเคอยู่แล้ว

เห็นงานนี้ Toyota เขาเอา Camry มา Honda ก็ขอสกัดความร้อนแรงหน่อยด้วยการเอา Accord มาจอดโชว์บนแท่นเฉยๆ เป็นรุ่น Hybrid 2.0 ลิตร 215 แรงม้า รายละเอียดต่างๆยังไม่สามารถบอกเพิ่มเติมได้นะขณะนี้ รู้แต่ว่าต้นปีหน้าเจอกัน

โปรโมชั่น Honda ในงาน Motor Expo

  • แคมเปญ “Double Smile” ดาวน์ 0 บาท ประกัน 0 บาท
  • แคมเปญ “ฮอนด้าช่วยผ่อน” โดยฮอนด้าช่วยผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 1,000 บาท และสูงสุดเดือนละ 10,000 บาท นาน 12 เดือน
  • รถยนต์เก่าแลกซื้อรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี เพียงนำรถยนต์รุ่นใดยี่ห้อใดก็ได้ มาเปลี่ยนเพื่อซื้อรถยนต์ฮอนด้า ซีอาร์-วี ใหม่ ทุกรุ่น รับบัตรเติมน้ำมันมูลค่า 5,000 บาท เพียงจองรถยนต์ตั้งแต่วันที่
    20 พฤศจิกายน 2561 – 28 กุมภาพันธ์ 2562 และรับรถยนต์ภายในวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562
  • ดอกเบี้ยพิเศษสำหรับเจ้าของรถยนต์ฮอนด้าทุกรุ่น (Honda Loyalty) รับดอกเบี้ยพิเศษลดลง 15% จากลูกค้าทั่วไป

HYUNDAI

ค่ายนี้เขาก็งัดข้อกับ Nissan แย่งกันเป็นเจ้าพ่อประจำซอยขายแบตเตอรี่ เมื่อ Nissan เอา LEAF มาขาย Hyundai ก็พยายามโชว์ความเก๋าเกมด้านรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการเอา Kona Electric มาจอดอยู่ข้างๆ Ioniq Electric เพราะผู้บริหารบอกว่า ดูจากยอดขายของ Ioniq แล้วพบว่าได้รับการตอบรับที่ดี ก็เลยเอา Kona มาหยั่งเชิงและอาจจะเอาเข้ามาขายจริงๆถ้าสามารถทำราคากับออพชั่นได้ดึงดูดใจลูกค้าพอ

Kona Electric มีความเจ๋งตรงที่แบตเตอรี่จุไฟ 64kWh มากกว่า Ioniq ยิ่งกว่าเท่าตัว จึงทำให้สามารถวิ่งได้ไกล 482 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็ม 1 ครั้ง ตัวมอเตอร์ขับเคลื่อนให้พละกำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 395 นิวตันเมตร ในขณะที่ Ioniq มีพลังแค่ 120 แรงม้า และ 295 นิวตันเมตร นับว่าถ้าเอามาขายจริง ก็น่าสนใจมากว่าจะทำราคาได้เท่าไหร่ เพราะรถยนต์ไฟฟ้านั้นตัวแปรที่ทำให้ต้นทุนสูงขึ้นคือความจุของแบตเตอรี่ ถ้าขนาด Ioniq ยัง 1.749 ล้านบาท แล้ว Kona จะจบที่เกินสองล้านหรือไม่

โปรโมชั่น Motor Expo

  • จองรถยนต์ Hyundai ทุกรุ่นในงาน ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี
  • สำหรับผู้จองรถ H-1 รุ่น Elite และ Touring ฟรีค่าบำรุงรักษา 30,000 กิโลเมตร

 

ISUZU

ของเด่นของงาน คือ D-Max Stealth ซึ่งแม้จะไม่สามารถบินหลบเรดาร์ไปทิ้งบอมบ์ที่ไหนได้ แต่ให้พ่อคุณยืมไปขับรับรองว่าเท่ห์จนแม่งอน Stealth มีพื้นฐานรถเป็นรุ่น Hi-Lander Cab4 เครื่องยนต์ 1.9 Ddi Blue Power แต่มาพร้อมกับชุดแต่ง Stealth Black Package ซึ่งประกอบไปด้วยกระจังหน้าพิเศษสีดำเงา, ไฟหน้า LED โคมรมสีดำ, กรอบไฟตัดหมอกรมดำ, สเกิร์ตหน้ามีแถบโครเมียม, ล้ออัลลอยทูโทน 18 นิ้ว กันชนหลังสีดำเงา ห้องโดยสารสองโทนเบจ/ดำ และเบาะนั่งเป็นหนังสีดำ ราคาเริ่มต้นในรุ่นเกียร์ธรรมดา 887,000 บาท รุ่น Z Prestige เกียร์ธรรมดา 957,000 บาท และรุ่น Z Prestige เกียร์อัตโนมัติ 999,000 บาท

ดูรูปและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

 โปรโมชั่น Isuzu ในงาน Motor Expo

  • จองรถภายในงาน และทำสัญญากับ Isuzu Leasing รับบัตรเติมน้ำมัน ปตท. มูลค่า 1,500 บาท
  • จองรถ D-Max 1.9/3.0 ภายในงาน และทำสัญญากับ Isuzu Leasing รับอัตราดอกเบี้ย 1.23% หรือดาวน์ต่ำ 29,000 บาท
  • จองรถ D-Max Hi-Lander 1.9 L และทำสัญญากับ Isuzu Leasing รับดอกเบี้ยเริ่มต้น 0.89% และบัตรกำนัล Isuzu มูลค่า 15,000 บาท หรือเลือกเงื่อนไขดาวน์ต่ำ 35,000 บาท พร้อมรับบัตรกำนัล Isuzu มูลค่า 30,000 บาท
  • MU-X รับเงื่อนไขพิเศษ Isuzu Leasing ดอกเบี้ย 0.99%
  • ผู้ที่ซื้อ Isuzu ในงานลุ้นโชครับทองคำได้ทุกวัน รวมมูลค่า 1,300,000บาท

 

JAGUAR/Land Rover

d

แต่ก่อนเราจะทราบกันว่าราคาของรถสองยี่ห้อนี้ในไทยค่อนข้างสูง พอมางานนี้ ก็เลยเปิดตัว Land Rover Discovery Sport รถ SUV ขนาดกลางระดับพรีเมียม ที่มาพร้อมจุดเด่นกับที่นั่งแบบ 7 ที่นั่ง ด้วยราคาจำหน่ายเริ่มต้นเพียง 3.499 ล้าน ใช้เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบชาร์จ Ingenium 4 สูบ ขนาด 2 ลิตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีด พร้อมระบบ Terrain Response  สามารถปรับรูปแบบการขับขี่ตามสภาพถนนได้อย่างแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการบังคับเลี้ยว การตอบสนองของลิ้นปีกผีเสื้อ และระบบเบรก/ระบบควบคุมการทรงตัว โดยมีโหมดการควบคุมทั้งหมดสี่แบบได้แก่ พื้นผิวปกติ, พื้นผิวลื่น (หญ้า/ถนนลูกรัง/หิมะทั้งบนถนนและออฟโรด) พื้นผิวที่เป็นโคลนและร่อง และพื้นทราย ขนาดตัวรถไม่ใหญ่มากนักเพราะยาวแค่ประมาณ 4.6 เมตร สั้นกว่า Discovery รุ่นปกติ 381 มิลลิเมตร

ต่อมา เป็น SUV ระดับสูงขึ้นอีก Range Rover Sport Plug-in Hybrid ใช้ขุมพลัง P400e เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า พลังขับจากเครื่องยนต์ 300 แรงม้า บวกกับพลังของมอเตอร์ 116 แรงม้า แต่เมื่อทำงานพร้อมกันจะได้พลังรวม 404 แรงม้า และมีแบตเตอรี่จุไฟ 13.1 kWh ทำให้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าอย่างเดียวได้ไกลสูงสุด 51 กิโลเมตร ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท และอีกรุ่นที่เป็นเรือธงของค่าย Range Rover Plug-in Hybrid ราคาเริ่มต้น 8.999 ล้านบาท ซึ่งมาพร้อมกับขุมพลังแบบเดียวกัน แต่ขนาดตัวโตกว่า และพกพาความหรูหรามาอย่างเต็มพิกัดด้วยวัสดุอย่างดีภายในรถ

สำหรับเรื่องราคาขาย Land Rover นั้น ได้มีการปรับกันขนานใหญ่ด้วยเช่นกัน ปรับราคาจำหน่ายเริ่มต้น สำหรับ Range Rover Velar จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 4.9 ล้านบาท จากเดิมที่ราคาเริ่มต้น 5.999 ล้านบาท Land Rover Discovery จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 5.5 ล้านบาท จากเดิมที่ราคาเริ่มต้น 6.499 ล้านบาท, Range Rover Sport Plug-in Hybrid จัดจำหน่ายในราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท จากเดิมที่ประกาศราคาเริ่มต้นไว้ที่ 7.399 ล้านบาท

นอกจากนี้ยังขนเอารถสปอร์ตของ Jaguar มา ไม่ว่าจะเป็น F-Type เปิดประทุนและคูเป้ ซึ่งสำหรับรถรุ่นนี้นั้น ทางผู้แทนจำหน่าย Inchcape ปรับราคาจำหน่ายเริ่มต้น Jaguar F-Type เหลือเริ่มต้น 6 ล้านบาท จากเดิมที่จำหน่ายในราคาเริ่มต้นที่ 6.99 ล้านบาท กับน้องเล็กอย่าง Jaguar E-Pace

โปรโมชั่นงาน Motor Expo สำหรับ Jaguar และ Land Rover

จากัวร์ (Jaguar)

  • ดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ Jaguar F-Pace, XE, XF และ  XJ
  • ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ Jaguar E-Pace

แลนด์โรเวอร์ (Land Rover)

  • ดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ เรนจ์ โรเวอร์ อีโวค (Range Rover Evoque), เรนจ์ โรเวอร์ เวลาร์ (Range Rover Velar) และ แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ (Land Rover Discovery)
  • ฟรีประกันภัยชั้น 1 สำหรับ แลนด์ โรเวอร์ ดิสคัฟเวอรี่ สปอร์ต (Land Rover Discovery Sport)
  • ฟรีวอชเชอร์ใช้บริการสถานีชาร์จไฟฟ้า EA Anywhere มูลค่า 10,000 บาท สำหรับ เรนจ์โรเวอร์ สปอร์ต ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Sport Plug-in Hybrid) และ เรนจ์โรเวอร์ ปลั๊กอิน ไฮบริด (Range Rover Plug-in Hybrid)

KIA

งานนี้ยังไม่มีรถใหม่ มี Grand Carnival หลายรุ่นย่อยมาโชว์สำหรับคนที่ต้องการรถ 11 ที่นั่ง ความหรูอาจจะไม่เท่าคลาสพวก Alphard, Velfire แต่ถ้าเอาเรื่องช่วงล่างกับอัตราเร่ง เทียบกับราคารถ ก็ถือว่ามีจุดเด่นที่ทำให้คนที่กำลังเดินไปบูธ Hyundai แวะบูธนี้ได้นานพอสมควร ส่วนจะตกลงใจกับใครก็อีกเรื่อง


LAMBORGHINI

นอกจากการนำ Huracan Performante เปิดหลังคาคันสวยมาโชว์ ก็มีรถเพิ่งจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน งานนี้ก็ขนมาโชว์กันเลยสำหรับ “Super SUV” อย่าง Urus (อูรุส) ที่ถูกพัฒนาขึ้นมาโดยผสมผสานลักษณะทางการออกแบบและความดุดันสไตล์ค่ายกระทิงดุ เข้ากับตัวถังรถแบบSUV หลังคาเตี้ยที่ทำให้เจ้าของสามารถขับไปไหนมาไหนได้โดยไม่ต้องเลื้อยหลบกันอีกต่อไป

Urus ใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรเทอร์โบคู่ บล็อคยอดนิยมของเครือ VW Group/Audi แต่พอต้องมาแปะโลโก้ Lamborghini จึงต้องฟิตกล้ามเรียกแรงม้าเพิ่มจนมากมายถึง 659 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร กลายเป็น SUV เครื่องยนต์สันดาปภายในสเป็คโรงงานที่มีพลังสูงสุด สามารถเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลา 12.8 วินาทีและทำความเร็วสูงสุดได้ถึง 305 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 23,420,000 บาท จองวันนี้รับรถอีกทีครึ่งหลังของปี 2019 เพราะยอดสั่งซื้อจากลูกค้าทั่วโลกมีจำนวนมากมาย ส่วนโชว์รูมของ Lamborghini Bangkok (Renazzo Motor) ผู้แทนจำหน่ายรายใหม่นั้น มีกำหนดแล้วเสร็จในเดือนมกราคม 2019

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ Lamborghini Urus ได้ที่นี่


 

MASERATI

Maserati รถหรูจากอิตาลี มีมาทั้ง Ghibli, Quattroporte และ Levante ส่วนคันในภาพเป็น Ghibli S GranSport ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 60 องศาพร้อมระบบอัดอากาศที่ให้พลัง 430 แรงม้า ทางด้านอุปกรณ์ติดรถ มีทั้งฝาท้ายไฟฟ้า ประตูแบบ Soft close เครื่องเสียงและมัลติมีเดียควบคุมผ่าน Maserati Touch Control Plus (MTC+) เบาะนั่งปรับ 12 ทิศทาง เครื่องเสียง Harman Kardon 12 ลำโพง ภายในบุด้วยหนังและไม้อย่างดีตามธรรมเนียมของค่ายนี้ สนนราคาอยู่ที่ 9,990,000 บาทพร้อมประกันคุณภาพและฟรีค่าบำรุงรักษา 3 ปีหรือ 60,000 กิโลเมตร


 

MAZDA

รถต้นแบบที่เป็นตัวแทนของงานดีไซน์ KODO ภาคสอง ก็คือ Mazda VISION Coupe ซึ่งมีแนวทางการออกแบบคล้ายกันกับ KAI Concept ตรงนี้เน้น “สัดส่วนทองคำ” ใช้ขนาดของบอดี้รถในส่วนต่างๆที่คิดมาแล้วเป็นอย่างดี เพื่อให้รถสะท้อนบุคลิกตามประเภทของมันอย่างที่ควรเป็น และยังเน้นการทำเส้นสายต่างๆให้ดูสะอาดตา มีมิติ แต่ไม่เน้นเหลี่ยมสัน เว้าโค้งมากจนทำลายความงามของรถทั้งคัน บางส่วนของตัวรถ จะเป็นพื้นที่โลหะที่ดูว่าง แต่ได้รับการคำนวณมาอย่างดีให้เล่นกลกับลูกตามนุษย์ เมื่อรถวิ่งผ่านแสงไฟในรูปแบบต่างๆ เมื่อรวมสิ่งเหล่านี้เข้ากับปรัชญาของ Mazda แล้วเติมความหรูหราแบบรถยุโรปชั้นสูงเข้าไปผลที่ได้ก็คือ VISION Coupe คันนี้

อันที่จริง รถคันนี้ถูกขนมาแสดงในงานฟอรั่มการออกแบบที่ Mazda ประเทศไทยจัดขึ้นไม่นานมานี้พร้อมๆกับรถต้นแบบ RX Coupe ครั้นพอเสร็จงานก็จะถูกส่งกลับทั้งคู่ แต่ทางทีมไทยเจรจาสู้จนสามารถดึงเอาไว้ได้ 1 คันและนำมาจัดแสดงในงานนี้

โปรโมชั่นของ Mazda

  • Mazda 2 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 3 ปี หรือ 60,000 กิโลเมตร
  • Mazda 3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
  • CX-3 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 2.15% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1 และฟรีค่าบำรุงรักษานาน 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
  • CX-5 เงินดาวน์ 25% รับดอกเบี้ยต่ำสุด 0% พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
  • BT-50 Pro เงินดาวน์ 20% ผ่อนเริ่มต้นเพียง 5,900 บาท/ เดือน พร้อมฟรีประกันภัยชั้น 1
  • เฉพาะลูกค้าที่จองภายในงาน Motor Expo รับลำโพง BOSE แต่อย่าลืมสอบถามกับผู้ขายให้ชัวร์ก่อนว่าของยังไม่หมด

 

McLAREN

McLaren โดยผู้แทนจำหน่าย Niche Cars นำรถรุ่นพิเศษ 600LT เข้ามาขาย LT ย่อมาจาก Long Tail ซึ่งถ้าใครเป็นแฟนค่ายนี้ย่อมรู้ดีว่าชื่อนี้หมายถึงการเป็นรุ่นพิเศษที่แรงเป็นพิเศษ 600LT เป็นรถจาก Sport Series (ระดับเดียวกับ 540C และ 570S) แต่ได้รับการโมดิฟายเพิ่มพลังให้เครื่อง V8 3.8 ลิตรทวินเทอร์โบจนได้แรงม้า 600 ตัว ภายนอกมีลิ้นหน้า ดิฟฟิวเซอร์หลัง และหางหลังแบบยาวเฉพาะรุ่น จนความยาวของรถเพิ่มจาก 570S ไปอีก 73.7 มิลลิเมตร แต่น้ำหนักตัวกลับเบากว่า 570S ตั้ง 96 กิโลกรัม

ท่อไอเสียออกตรงกลางด้านบนและเป็นท่อแบบไทเทเนียม 600LT ภายในรถนั้น เดิมจะมาในแนวดิบ ไม่มีเครื่องปรับอากาศ ไม่มีระบบนำทาง เพื่อลดน้ำหนัก แต่ทั้งหมดนี้ถ้าลูกค้าอยากได้ก็แค่บอก ไม่ต้องเสียเงินเพิ่ม McLaren เพิ่งเริ่มต้นการผลิต 600LT จริงเมื่อเดือนตุลาคม 2018 และสำหรับประเทศไทย Niche Cars เจรจาจนได้มาขายทั้งสิ้น 6 คัน ในราคาเริ่มต้น 24,700,000 บาท

ทั้งนี้ หากเพื่อนใครพลาดโอกาสในการจอง 600LT ก็อย่าเพิ่งเอาเงินไปเขวี้ยงทิ้ง มาลองรถที่ผลิตแบบไม่ได้จำกัดแต่ก็มันส์ไม่จำกัดแบบ 720S แล้วจะพบว่าถึงตัวหนักกว่า 600LT หางก็ไม่ได้ยาว แต่ม้า 720 ตัวเวลามันหิวยางมะตอยแล้วเป็นยังไง ราคาเริ่มต้นบวกจาก 600LT ไปอีกไม่กี่ล้าน เชื่อว่าเพื่อนไม่น่ามีปัญหา


 

MERCEDES-BENZ

รถต้นแบบ Mercedes-Benz EQA Concept เป็นรถยนต์ไฟฟ้าแฮทช์แบ็คขนาดตัวใกล้เคียงกับ A-Class ซึ่งเผยโฉมมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2017 มีเส้นสายการออกแบบชนิดที่ทางเบนซ์เรียกว่า Sensual Purity ซึ่งก็คือแนวทางการออกแบบพื้นผิวตัวถังที่เรียบ สะอาดตา แต่เก็บรายละเอียดส่วนอื่นให้ดูสวยงาม นอกจากนี้ EQA Concept ยังขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ (มอเตอร์หน้า 1 ชุดและหลัง 1 ชุด) ให้พลังรวม 268 แรงม้า

EQA สามารถวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟเต็มแต่ละครั้ง แบตเตอรี่มีขนาดจุไฟ 60kWh  และมันคือหนึ่งในรถที่เป็นแนวทางให้กับค่ายเบนซ์ ทั้งในทางการออกแบบ และวิศวกรรมสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะอยู่ในธีมกำหนดนี้ต่อไปจนถึงปี 2025

เธอจะรักความแรง หรือเธอจะรักความดูแพง หรือบางทีอาจได้ทั้งสองอย่าง ผลงานของ Mercedes-AMG ในช่วงปีที่ผ่านมาเข้าตากรรมการเยอรมันมากจนเราได้สิทธิ์ในการรับรถรุ่นแปลกใหม่เร็วขึ้น CLS53 4 MATIC+ ก็เป็นสมาชิกใหม่สุดในเครือตัวแรง เปิดมาด้วยราคา 7,090,000 บาท ซึ่งอาจจะดูไม่เป็นมิตรเท่า C43 แต่อย่าลืมว่านี่คือรถขนาดค่อนข้างใหญ่ และขุมพลังที่ใช้ก็เป็นแบบ 6 สูบเรียงเทอร์โบบล็อคใหม่ไร้สายพานหน้าเครื่อง กำลัง 435 แรงม้า แรงบิด 520 นิวตันเมตร มีมอเตอร์ไฮบริดชุดเล็ก EQ Boost ที่เสริมกำลังให้ได้อีก 22 แรงม้ากับแรงบิด 250 นิวตันเมตรเป็นเวลาชั่วคราวเมื่อต้องการใช้ ทำให้ CLS53 เป็นซาลูน (หรือคูเป้) ที่เร็วที่สุดคันหนึ่งในงบประมาณขนาดนี้

สำหรับความโดดเด่นภายนอก มีท่อไอเสียแบบ AMG Sports exhaust system, ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ ขนาด 20” พร้อมเทคโนโลยีไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED ที่มีคุณสมบัติพิเศษมากมายที่เหนือกว่าระบบไฟหน้า LED มาตรฐาน (ที่มีหลอดไฟ LED 19 หลอดต่อโคมไฟหน้า 1โคม) สวยแบบผู้ใหญ่คลีน แรงแบบวัยรุ่น

ดูรายละเอียดและอุปกรณ์ CLS53 4MATIC+ ได้ที่นี่

อ่านบทความรีวิว ทดลองขับ CLS โดย J!MMY ได้ที่นี่

ถ้าคันเมื่อกี้ยังแพงไม่พอ ก็ขอเชิญพบกับเวอร์ชั่นอัปเดตของ AMG GT S ที่เปลี่ยนกระจังหน้าทรงใหม่ และใช้เครื่องยนต์ V8 4.0 ลิตรทวินเทอร์โบติดตั้งไว้ระหว่างฝาสูบสองฟาก พละกำลังสมัยเป็นรุ่นแรก 510 แรงม้า ปัจจุบันเพิ่มเป็น 522 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 670 นิวตันเมตร สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ 310 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

นอกจากรถไฮไลท์ของงานทั้ง 2 รุ่นแล้ว ก็ยังมีรถรุ่นอื่นๆที่เพิ่งเปิดตัวไป ไม่ว่าจะเป็น E63 S 4 MATIC+ ที่หน้าตาดูจืดกว่า CLS แต่กลับมีพละกำลังบ้าบอมากมาย 612 แรงม้า มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่ปรับลักษณะการส่งกำลังได้หลากหลายตามสไตล์การขับ สามารถเร่งจาก 0-200 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายในเวลาแค่ 11.5 วินาที เป็นซาลูนพ่อบ้านที่สามารถฆ่ารถสปอร์ตได้หลายคันในราคา 12,790,000 บาท หรือ C43 คูเป้ ไมเนอร์เชนจ์ประกอบในประเทศเจ้าของสโลแกนแรงเต็มรอบ ออพชั่นท่วมหลังคา ราคามิตรภาพ ที่แม้จะแอบถอดนั่นถอดนี่จุดเล็กๆออกจากรุ่นเดิม แต่ก็ใส่หน้าปัดดิจิตอลขนาดใหญ่ และได้เครื่องยนต์ที่แรงเพิ่มเป็น 390 แรงม้า ในราคา 4,220,000 บาท

สำหรับคนที่ไม่ได้ต้องการพละกำลังไว้ไล่ฆ่าใคร ยังมี C200 Coupe เครื่อง 1.5 ลิตรเบนซินเทอร์โบพ่วงมอเตอร์ไฮบริดเล็ก EQ Boost และ C-Class saloon C220d ที่ทำราคาตัวท้อปมาถูกกว่าสามล้านบาท.. ใครเป็นแฟนเบนซ์ อย่าห่างเหินค่ายนี้เขานาน เพราะจะมีของเด็ด ของแปลก และราคากระชากใจออกมาเป็นระยะ

โปรโมชั่น Mercedes-Benz ใน Motor Expo

  • รับสมาร์ทโฟน iPhone XS Max 256 GB มูลค่า 49,900 บาท (สินค้ามีจำนวนจำกัด) สำหรับลูกค้าที่รับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ 7 รุ่นที่ร่วมรายการ อย่าง CLA 200 Urban, CLA 250 AMG Dynamic, E 350e ทั้งสามรุ่นย่อย, GLC 250 d ทั้งสองรุ่นย่อยโดยนับเฉพาะผู้ที่จองและรับรถในระหว่างวันที่ 13 พฤศจิกายน-31 ธันวาคม 2018
  • สำหรับลูกค้าที่จองรถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์รุ่นใดก็ได้ในช่วงงาน Motor Expo พร้อมรับรถและเริ่มต้นสัญญารถใหม่เฉพาะประเภทสัญญาเช่าทางการเงิน (Finance Lease) และมายสตาร์ (mySTAR) กับทางบริษัทฯ ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2018 รับฟรีบัตรน้ำมันมูลค่า 16,000 บาท
  • สำหรับลูกค้าที่ออกรถยนต์รุ่น GLC 250 d 4MATIC OFF-ROAD และ GLC 250 d 4MATIC AMG Dynamic ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2018 สามารถเลือกระหว่าง รับอัตราดอกเบี้ย 0% สำหรับสัญญาเช่าซื้อระยะเวลา 48 เดือน หรือส่วนลดเงินดาวน์สำหรับทุกประเภทสัญญา

 

MG

MG สร้างความฮือฮาให้แก่ชาวโลกด้วยการอวดโฉมรถต้นแบบ E-Motion Concept ที่งาน Shanghai Autoshow 2017 และในวันนี้ เราก็ได้เห็นรถคันจริงในประเทศไทย  E-Motion ถูกออกแบบบนแนวคิดของการเป็นรถสปอร์ตขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้า ที่ไม่มีการเผยสเป็คแบบละเอียด ทราบแค่ว่าอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงต่ำกว่า 4 วินาที และสามารถวิ่งได้ไกล 500 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้ง

สิ่งที่น่าสนใจคือ MG ในเมืองนอก มีความพยายามที่จะผลักดันรถอย่าง E-Motion ให้กลายมาเป็นความจริง ซึ่งถ้าหากสำเร็จ MG อาจมี Segment หนึ่งที่สามารถบุกเข้าตลาดระดับบนได้มากกว่าที่เป็นอยู่ พอถึงตอนนั้นก็ค่อยดูกันว่าจะมี E-Motion จอกลางดับกันบ้างหรือไม่ แต่ถ้าจะผลิตจริงก็ขอเชียร์ จะได้มีอะไรแปลกใหม่ในวงการเพิ่มมาบ้าง

สำหรับคนที่รอ E-Motion ไม่ไหว ก็ลองดูนี่ครับ MG3 Limited Edition โดยเป็นการนำเอา MG3 1.5X สีขาว มาใส่หลังคาดำ ผลิตเพียง 100 คันเท่านั้น นอกเหนือจากนี้ไปก็จะเหมือน MG3 ปกติ รวมถึงเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร 112 แรงม้า กับเกียร์ที่เปลี่ยนมาใช้แบบอัตโนมัติ 4 สปีด ซึ่งผมได้ไปลองขับมาแล้ว พบว่าแม้ความเร็วจะน้อยกว่ารุ่นเดิมนิดหน่อย แต่เวลาขับมันง่ายขึ้นเยอะ ตอนนี้ใครก็ขับได้ ไม่ต้องเรียนรู้ทำความเข้าใจอะไรมากกว่ารถที่ทุกคนใช้กัน และที่สำคัญคือภายในสวยดูดีขึ้นเยอะด้วย

โปรโมชั่น MG

  • สำหรับ MG ทุกรุ่นที่จองในงาน รับประกันภัยชั้น 1 ฟรีนาน 1 ปี
  • สำหรับรถยนต์ MG ทุกรุ่น ดาวน์ที่ 15% ขึ้นไป สามารถเลื่อนระยะเวลาผ่อนชำระงวดแรกออกไป 90 วัน นับจากวันที่ออกรถ เงื่อนไขการพิจารณาภายใต้นโยบายของ บริษัท ลีสซิ่งกสิกรไทย จำกัด (แคมเปญขับฟรี 90 วัน)
  • เฉพาะข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจ ดาวน์ 0 บาท และผ่อนชำระสูงสุด 84 เดือน
  • พนักงานที่มีรายได้ประจำ ดาวน์เริ่มต้นเพียง 10% โดยไม่ต้องมีผู้ค้ำประกัน
  • นักศึกษาจบใหม่ รับส่วนลดมูลค่า 50,000 บาท เมื่อซื้อรถยนต์ MG 3 ใหม่ ทุกรุ่น
  • MG 3 : เลือกรับดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 25,950 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 5,182 บาท หรือ รับฟรีชุดแต่งรอบคัน
  • MG ZS : ดอกเบี้ยพิเศษ 1.69% เงื่อนไขดาวน์ 25% และผ่อนชำระ 48 เดือน
  • MG 5: เลือกรับดาวน์เริ่มต้น 5% เพียง 32,450 บาท หรือ ผ่อนเริ่มต้นเพียงเดือนละ 7,007 บาท
  • MG GS 2.0T: ดอกเบี้ย 0% สูงสุด 60 เดือน 1.5T เลือกรับดอกเบี้ยพิเศษ 1.29% หรือ ผ่อนเพียงเดือนละ 9,443 บาท

 


 

MITSUBISHI

ค่ายสามเพชรแดง งานนี้มีพระเอกเป็น Mitsubishi Triton บิ๊กไมเนอร์เชนจ์ที่เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน เป็นการเปิดตัวร่างนี้ครั้งแรกในโลก ซึ่งเกิดขึ้นที่ประเทศไทยในวาระฉลองครบรอบ 40 ปีกระบะมิตซูอีกด้วย สำหรับสเป็คของ Triton รุ่น 4 ประตูยกสูงนั้น เริ่มต้นที่รุ่น Plus GLX เกียร์ธรรมดาที่ 779,000 บาท ไปจนถึงรุ่นท้อป 4WD GT Premium 6AT ราคา 1,099,000 บาท โดยจุดเด่นที่มีคือเกียร์อัตโนมัติซึ่งเปลี่ยนจาก 5 เป็น 6 จังหวะ เพิ่มกล้อง 360 องศา ระบบช่วยชะลอความเร็วรถอัตโนมัติ พร้อมระบบเตือน เซนเซอร์กะระยะหน้า/หลัง ระบบช่วยเตือนเวลารถเบี่ยงออกนอกเลน และถุงลมนิรภัย 7 ใบ

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

นอกจากนี้ก็ยังมี Mitsubishi Pajero Sport Elite Edition ซึ่งเป็นการนำรถรุ่นปกติขับเคลื่อนสองและสี่ล้อมาตกแต่งเพิ่มเติมโดยการใส่ “ของดำ” ครบชุดไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า หลังคา ชายกันชนหน้า/หลัง ล้ออัลลอยและสปอยเลอร์ล้วนทำมาเป็นสีดำหมด และเพิ่มตัวอักษร PAJERO SPORT ขนาดใหญ่ที่ฝากระโปรงหน้า แล้วยังเปลี่ยนเบาะแบบใหม่สีน้ำตาล รับกันกับแผงประตูสีน้ำตาล โดยหนังที่ใช้บุเป็นแบบสะท้อนความร้อนออกได้มากกว่าปกติ Comfort TECH ส่วนอุปกรณ์อื่นๆ จะเทียบเท่ากับ Pajero Sport 2WD Limited Edition และ 4WD GT-Premium ราคารุ่นขับสองอยู่ที่ 1,459,000 บาท ส่วนขับสี่ จบที่ 1,574,000 บาท

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่

โปรโมชั่น Mitsubishi

  • Pajero Sport จองในงาน รับฟรี Mitsubishi Dual Tumbler Set และ Cooler Backpack มูลค่า 3,197 บาท
  • รุ่นอื่นๆ ยกเว้น Pajero Sport เมื่อจองในงานรับ Dual Tumbler Set มูลค่า 1,598 บาท
  • Pajero Sport มีแคมเปญ ดอกเบี้ย 0% นาน 36 เดือน ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี+ชุดรับสัญญาณทีวีดิจิตอล
  • New Triton ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 5 ปี รับชุดแต่งกันชนหน้ามูลค่า 10,900 บาท
  • Xpander, Mirage และ Attrage ฟรีประกันภัยชั้น 1 นาน 1 ปี ฟรีค่าแรงเช็คระยะนาน 5 ปี
  • Triton รับส่วนลด 10% สำหรับชุดแต่งแพ็คเกจ Sporty หรือ Stylish หรือ Protection
  • Xpander รับส่วนลด 10% สำหรับชุดแต่งแพ็คเกจ Decor หรือ Aero
  • Pajero Sport สามารถเลือกแพคเกจชุดแต่งพิเศษ ประกอบด้วย คิ้วซุ้มล้อ ชุดป้องกันมุมตัวถังรถ ชุดแต่งใต้กันชนหลังและด้านข้าง หรือ อีกแพคเกจที่เพิ่มบันไดข้าง โดยชุดแต่งทั้ง 2 แพคเกจลด 40% จากราคาปกติ
  • สำหรับลูกค้าทั่วไป มีแคมเปญตรวจเช็ครถยนต์ก่อนเดินทาง ถึงสิ้นปี ประกอบด้วยการ ฟรีเช็คสภาพรถยนต์ 22 รายการ, ฟรีไส้กรองเมื่อเปลี่ยนน้ำมันเครื่องสังเคราะห์แท้, ส่วนลด 10% สำหรับเคมีภัณฑ์ และมีส่วนลด 300 บาท เมื่อนำแบตเตอรี่เก่ามาเปลี่ยนใหม่

 

NISSAN

แล้วก็มาขายจริงๆเสียทีหลังจากที่เปิดตัวไปตั้งแต่ 6 กันยายน 2017 ชื่อของรถคันนี้ แปลว่า ใบไม้ ขณะเดียวกัน ก็ย่อมาจากคำหลายคำรวมกันคือ Leading/Environmentally friendly/Affordable/Family car การออกแบบภายนอกของ NEW Nissan Leaf ได้แรงบันดาลใจมาจากรถยนต์ต้นแบบ IDS Concept Car ที่เปิดตัวไปในปี 2015 มีเอกลักษณ์ประจำตัวของ Nissan ยุคใหม่คือกระจังหน้าแบบ V-Motion โคมไฟทรงบูมเมอแรง และหลังคาแบบ Floating Roof

ขุมพลังที่ใช้ เป็นมอเตอร์ไฟฟ้า AC Synchronous electric motor รหัส EM57 กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,283 – 9,795 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 320 นิวตันเมตร ที่ 0 – 3,283 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Single Speed ปล่อย CO2 0g./km. (Zero Emission) ระยะทางที่ NEW Nissan Leaf วิ่งได้สูงสุดต่อการชาร์จเต็ม 1 ครั้งอยู่ที่ 400 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน JC08 ประเทศญี่ปุ่น ) หรือ 240 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน EPA ประเทศสหรัฐฯ) หรือ 311 กิโลเมตร (ตามมาตรฐาน NEDC)

ราคาขาย เปิดมา 1,990,000 บาท โดยรถสเป็คไทย จะไม่มีระบบช่วยเหลือในการขับขี่ Pro Pilot เบาะเป็นแบบปรับมือทั้งคู่หน้า และมีให้เลือกเพียงสีเดียวคือสีขาวหลังคาดำ Nissan รับประกันรถยนต์เป็นเวลา 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร รับประกันระบบไฟฟ้ารถยนต์เป็นเวลา 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร และรับประกันการเสื่อมสภาพของแบตเตอรี่เป็นเวลา 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร

โปรโมชั่น Nissan วันนี้ถึงสิ้นปี 2018

  • Nissan Terra ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี อัตราดอกเบี้ย 0.99% (เงินดาวน์ 25%, ระยะเวลาผ่อนชำระ 24-48 เดือน)
  • Nissan Note  รับทองคำหนัก 1 บาท, “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,590 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 33% (187,440 บาท), ดอกเบี้ย 3.21% และงวดที่ 61 (227,200), คำนวณจากรุ่น 1.2V CVT ราคา 568,000 บาท] + ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี
  • Nissan Almera รับทองคำหนัก 50 สตางค์, ฟรี ประกันภัยชั้นหนึ่ง Nissan Premium Protection 1 ปี หรือเลือกรับข้อเสนอพิเศษ*: “Nissan Easy Pay” ผ่อนเริ่มต้นเพียง 3,490 บาท [(สำหรับงวดที่ 1-60), เงินดาวน์ 36% (193,320 บาท), ดอกเบี้ย 1.54% และงวดที่ 61 (161,100), คำนวณจากรุ่น 1.2 E Sportech ราคา 537,000 บาท] หรือ ดาวน์ต่ำสุด 10,700 บาท (คำนวณจากส่วนลดเงินดาวน์ 43,000 บาท ที่ดาวน์ 10% รุ่น 1.2 E Sportech ราคา 537,000 บาท)** ผ่อนนาน 72 เดือน
  • รุ่นอื่นๆ โปรดคลิกอ่านได้ที่นี่

PORSCHE
> Macan Minorchange 2.0 ลิตร ราคาเริ่มต้น 4.8 ล้าน

AAS ยังขนรถสปอร์ตเยอรมันมาโชว์หลายรุ่นไม่ว่าจะเป็น 911 Carrera 4 GTS, 718 Boxster, 718 Cayman หรือจะเป็นรถขนาดใหญ่ที่นั่งได้หลายคนมากขึ้นอย่างตระกูล Panamera 4 E-Hybrid และ Panamera 4 E-Hybrid Sport Turismo พร้อมทั้งมีการนำเอาแบบจำลอง 1 : 3 ของ Mission e มาวางไว้ให้ชม

ไฮไลท์ของบูธ Porsche ในงานครั้งนี้ คือ SUV ขนาดกระทัดรัด Macan โฉมไมเนอร์เชนจ์ที่เสนอราคาเริ่มต้นมาเพียง 4,800,000 บาท ใช้เครื่องยนต์ 4 สูบเทอร์โบ 2.0 ลิตร 252 แรงม้า และในโอกาสที่ฉลองครบรอบ 25 ปีของ Porsche ประเทศไทย ทาง AAS ได้สั่ง Macan รุ่นใหม่นี้พร้อมกับ Premium Package ซึ่งมีเครื่องเสียง BOSE Surround Sound System, ระบบสั่งการด้วยเสียง, Apple CarPlay เพิ่ม Ambient Lightingในห้องโดยสาร (ขนาด Cayenne E-Hybrid ยังไม่มี) ม่านบังแสงอัตโนมัติ และกระจกปรับลดแสงอัตโนมัติ แล้วยังมีอุปกรณ์มาตรฐานอย่าง ไฟหน้า LED, จอกลางขนาด 10.9 นิ้ว, เซ็นเซอร์หน้า/หลังพร้อมกล้องมองหลัง เบาะไฟฟ้า 14 Way พร้อมระบบความจำ เป็นต้น

นอกจากนี้ยังมี SUV ขนาดใหญ่อีกรุ่นที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้ไม่นาน อย่าง Cayenne E-Hybrid ที่ใช้เครื่องยนต์ V6 3.0 ลิตร 340 แรงม้าบวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 136 แรงม้า จนได้พลังรวมสูงสุด 462 แรงม้ากับแรงบิด 700 นิวตันเมตร มีให้เลือก 2 สเป็ค คือถ้าใครไม่เน้นอุปกรณ์ ก็สั่งรุ่นที่ราคาเริ่มต้น 6.3 ล้านบาท แต่ถ้าเป็นรุ่นที่มีในสต็อคเลย จะมาพร้อมอุปกรณ์ Thailand Standard Package อยู่ที่ 6,679,000 บาท ล้ออัลลอยตามราคานี้จะมีขนาด 19 นิ้ว แต่ถ้าจะให้เก๋ สั่งล้อลายพิเศษแบบคันในภาพจะดูเข้าท่ามาก

รายละเอียดเพิ่มเติม Porsche Cayenne E-Hybrid

 


ROLLS-ROYCE
> Cullinan

Cullinan นับเป็น SUV รุ่นแรกที่ Rolls-Royce สร้างขึ้นมา และยังเป็นรถยนต์ขับเคลื่อน 4 ล้อคันแรกของทางค่ายอีกด้วย แต่ถึงจะมีรูปลักษณ์ที่ดูบึกบึนด้วยความสูงตัวถังกว่า 1.8 เมตร แต่ภายในกลับหรูหราเหมือนกับ Phantom และมาพร้อมบรรยากาศห้องโดยสารที่โปร่งตา หนังหุ้มเบาะและวัสดุรอบคัน ได้รับการคัดเลือกอย่างพิถีพิถันและบรรจงตัดเย็บด้วยช่างเทคนิคภายในของ Roll-Royce อีกทั้งยังมีการบุวัสดุเก็บเสียงอย่างหนาเพื่อให้ห้องโดยสารเงียบ บวกกับช่วงล่าง Air Suspension ที่ปรับความแข็งนุ่มได้อย่างเหมาะสม ทำให้เป็นรถที่นั่งสบาย และยังง่ายต่อการขึ้นลงจากรถเพราะช่วงล่างจะลดระดับลง 40 มิลลิเมตรเมื่อดับเครื่อง และยกสูงอีกครั้งเมื่อขับออกไป

Cullinan ใช้เครื่องยนต์ V12 ทวินเทอร์โบ ความจุ 6.75 ลิตร 571 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ สำหรับลูกค้าที่สนใจ บอกได้ว่าราคาไม่แพงเลยครับ แค่ 32.9 ล้านบาทเท่านั้น ในเมืองนอก Cullinan จะมีตำแหน่งการตลาดที่สูงกว่า Phantom ใหม่อยู่นิดหน่อย ถือว่าเป็นการเดินแผนการตลาดที่ฉลาดเพราะลูกค้าที่ยินดีจะจ่าย แต่อยากให้รถสามารถวิ่งไปไหนมาไหนลุยน้ำได้บ้าง หรือต้องการ “Presence” บนท้องถนนที่ดูน่าเกรงขาม Cullinan น่าจะตอบโจทย์นี้ได้ดีชนิดที่ว่าถ้าไม่ใช่มัน..แล้วจะมีใครทำได้อีก


SUBARU

มาแล้ว ความภาคภูมิใจของชาวเสรีไทย, ลาดกระบัง และสิงคโปร์ ในที่สุด Subaru ประกอบในประเทศไทยครั้งแรกในรอบกี่ทศวรรษก็ไม่ทราบ กลายมาเป็นความจริงกับ Subaru Forester แม้จะมีเพียงเครื่องยนต์เดียวคือ 2.0 ลิตร 156 แรงม้า (อย่าถามถึงรุ่นเทอร์โบเพราะเมืองนอกเขาก็ไม่ทำ) แต่ก็มีให้เลือก 3 รุ่นย่อย ราคา 1.33 ล้าน, 1.38 ล้าน และ 1.45 ล้านบาท ถือว่าช่วยนำพา Subaru ให้เข้าถึงคนไทยได้ง่ายขึ้น รุ่นล่างสุดอุปกรณ์ก็ไม่ได้น่าเกลียด มีกล้องมองหลัง Cruise Control ปุ่มสตาร์ท แอร์ออโต้แบบ 2 Zone จอกลางขนาด 8 นิ้ว เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ล้อ 17 นิ้ว ระบบความปลอดภัยเกือบเท่ารุ่นสูง แต่ระบบ EyeSight จะอยู่ในรุ่นย่อยแพงที่สุด (มีระบบ Cruise Control ปรับความเร็วตามรถคันหน้าอัตโนมัติ และเมื่อรถหยุด หากรถคันหน้าเคลื่อนตัว จะมีเสียงเตือนสติคนขับ) รุ่นกลาง และตัวท้อป จะมีล้อขนาด 18 นิ้วและ X-Mode แบบพิเศษกว่า

ถึงแม้ดูท่าคนส่วนมากจะไม่ชอบรูปทรง แต่อย่างน้อย ถ้าพูดถึงระบบขับเคลื่อน 4 ล้อตลอดเวลาแท้ๆเจ้าเดียวในรถ SUV พื้นฐานเก๋งตัวขนาดนี้ ราคาระดับนี้ และได้ตัวถัง Subaru Global Platform ที่ควบคุมความสะเทือนช่วงล่างได้ดีกว่าเดิมทั้งที่ของเดิมก็ไม่ได้แย่อยู่แล้ว อย่างนี้ยังมีโอกาสให้แบรนด์ดาวลูกไก่ไปต่อในอนาคตได้

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

โปรโมชั่น Subaru Forester

  • บริการช่วยเหลือ 24 ชั่วโมง / 3 ปี
  • ลูกค้า 99 ท่านแรกที่สั่งจอง จะได้สิทธิ์ในการทัวร์โรงงานลาดกระบังเมื่อรถของท่านผลิตเสร็จ

 

SUZUKI

ยังไม่มีรถใหม่เพิ่มเติมสำหรับงานนี้ แต่ก็มีการนำเอารถ Suzuki Swift Sport ซึ่งเป็นรถที่ทาง Suzuki Japan ตกแต่งสีสันนำไปโชว์ที่งาน Tokyo Auto Salon ก้มเช็คดูแล้วน่าจะของจริงครับ แต่ไม่รู้เอามาทำไม ยิ่งเห็นยิ่งเสียดายกับกฎอีโคคาร์บ้าๆของประเทศที่ต้องเอาโมเดลรุ่นของรถไปผูกกับการจดทะเบียนขอสิทธิ์ แทนที่จะเปิดอิสระ รถรุ่นไหนเข้าเงื่อนไขก็รับสิทธิ์ รุ่นไหนไม่เข้า ก็คิดตาม CO2 rate ไป รถอย่าง Swift Sport เทอร์โบผมว่าถึงขายล้านกว่าก็มีคนบ้าซื้อและเยอะด้วย แต่กฎหมายมันขวางทางสนุกอยู่

นอกจากนี้เพื่อเป็นการเพิ่มสีสัน ทาง Suzuki ที่ชนะการประกวด Swift Phenomenon กับทาง Suzuki มาโชว์โดยงานนี้มีคนส่งรถเข้าประกวดมามากกว่า 300 ท่าน และผู้ชนะเข้ารอบ 5 ท่านสุดท้ายจะได้นำรถมาโชว์ไอเดียบรรเจิดของตนเองในงาน Motor Expo แห่งนี้ ซึ่งเท่าที่ดู มีทั้งแต่งแบบสายโชว์ สายซิ่ง และสายคลีนสลับกันไป ก็ลองไปดูเป็นแนวทางแต่อย่าเที่ยวไปแงะพาร์ทเขาล่ะครับ รถใครใครก็รัก

โปรโมชั่น Suzuki

  • เฉพาะ Suzuki Swift ทุกรุ่นย่อย เลือกรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท หรือ พิเศษสุด ขับฟรี 90 วันพร้อมดอกเบี้ยต่ำ บัตรเงินสดเติมน้ำมัน ปตท. 5,000 บาท
  • เฉพาะ Suzuki Ciaz ทุกรุ่นย่อย เลือกรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 60,000 บาท  หรือ ผ่อนค่างวดเพียงเดือนละ 999 บาท ระยะเวลา 6 เดือน หรือ พิเศษสุด ขับฟรี 90 วันพร้อมดอกเบี้ยต่ำ บัตรเงินสดเติมน้ำมัน ปตท. 5,000 บาท
  • เฉพาะ Suzuki Celerio เลือกรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 40,000 บาท หรือ รับอัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน หรือ พิเศษสุด ขับฟรี 90 วันพร้อมดอกเบี้ยต่ำ ยกเว้น Celerio GA M/T
  • สำหรับ Ertiga ทุกรุ่นย่อยเลือกรับ ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 70,000 บาท หรือ อัตราดอกเบี้ย 0% นาน 12 เดือน หรือ พิเศษสุด ขับฟรี 90 วันพร้อมดอกเบี้ยต่ำ
  • Swift, Ciaz, Celerio และ Ertiga (ยกเว้น Celerio GA M/T) ประกันภัยชั้น 1 ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปีแรกและโปรแกรมช่วยเหลือฉุกเฉิน (Roadside Assistant Program)  บริการช่วยเหลือฉุกเฉินจาก บริษัท เอ ดับเบิลยู พี เซอร์วิสเซส (ประเทศไทย)  จำกัด ฟรีเป็นระยะเวลา 3 ปี
  • Suzuki Carry – ส่วนลดอุปกรณ์ตกแต่งมูลค่าสูงสุด 30,000 บาท และ ประกันภัยชั้น 1 ฟรี เป็นระยะเวลา 1 ปีแรก

 

TOYOTA/Lexus

สำหรับ Toyota นั้น ถ้าไม่นับ Yaris ที่คาดรูปน้องๆ BNK48 แล้ว ความเด่นของรถในบูธไปตกอยู่กับ Camry โฉมใหม่เสียหมด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะโครงสร้าง TNGA นั้น ใครได้ขับก็ต้องแปลกใจว่าตกลงนี่มีอะไรที่เหลือมาจาก Camry รุ่นที่แล้วบ้าง อีกทั้งยังวางระดับราคามาได้เหมาะสม เพราะรุ่นท้อปถูกกว่าตัวเดิม แต่ได้อุปกรณ์ต่างๆมากขึ้น ในงานนี้ มีการนำเอารุ่น TRD Sportivo มาจอดอยู่บนเวทีด้วย ล้อ และชุดแต่งแบบนี้ ทำให้รถดูมีมาดหนุ่มขึ้น ช่างสวนทางกับลายล้อ 16 นิ้วของรุ่น 2.0G ที่เห็นแล้วนึกว่า 15

ถ้าสนใจเรื่อง Camry อยากรู้เรื่องอุปกรณ์ต่างๆและรายละเอียดเพิ่มเติม ขอเชิญที่เจาะสเป็ค Toyota All New Camry ที่คุณหมูทำไว้ให้นะครับ คลิกได้เลยที่นี่

รถใหม่เพิ่งเปิดตัวก่อนหน้างานอีกคัน คือ Fortuner TRD Sportivo II ตกแต่งเพิ่มเติมด้วยกันชนหน้าดีไซน์สปอร์ต กระจังหน้า สเกิร์ตหน้า และกระจกมองข้างสีดำเมทัลลิก พร้อมกรอบไฟตัดหมอก กันชนท้าย สเกิร์ตหลังดีไซน์ใหม่และคิ้วประตูท้ายสีดำเมทัลลิก ล้ออัลลอย TRD 20 นิ้ว สีทูโทน ภายในหุ้มด้วยวัสดุหนังสีดำสลับแดง พร้อมชุดแต่งลายคาร์บอนแถบโครเมียมรมดำ และมาตรวัดเรืองแสงแบบ Optitron สีแดงลายคาร์บอน พร้อมสัญลักษณ์ TRD ซึ่งมาพร้อมกับสมรรถนะอันทรงพลังจากเครื่องยนต์ GD Efficient Boost 2.8 ลิตร ที่ทำงานคู่กับระบบขับเคลื่อนซิกม่าโฟร์ และชุดแต่งช่วงล่างเฉพาะรุ่น TRD Sportivo

นอกจากนี้ Toyota จับมือกับ Adidas ประเทศญี่ปุ่น สร้างสรรค์แคมเปญสุดพิเศษภายใต้แนวคิด“Disrupt to Create” ที่สื่อถึงดีไซน์และสมรรถนะอันสมบูรณ์แบบที่สุดของ Toyota C-HR และ ADIDAS ด้วยการออกแบบรถ Toyota C-HR รุ่นพิเศษ คือรุ่น ADIDAS Inspired Design โดยนำชุดอุปกรณ์ตกแต่งแท้โตโยต้ามาตกแต่งและออกแบบลวดลายลงบนตัวรถ

ส่วน Lexus นั้น ขนมาทั้ง ES300h รถที่ใช้พื้นฐานร่วมกับ Camry แต่วิ่งยิ่งนิ่งและแน่นกว่า (ตามราคารถครับ) กับรถหรูระดับเรือธงของค่ายอย่างรุ่น LS แต่ที่มาเปิดตัวแบบเงียบๆ คือ RC300 Coupe ซึ่งทาง Lexus เขาเลือกสีส้มสดใสมาจอด แม้ว่าชื่อจะเปลี่ยนจาก RC200t เป็น RC300 แต่แท้จริงขุมพลังที่ใช้ก็ยังเป็น 8AR-FTS 2.0 ลิตร ส่วนภายใน โดดเด่นด้วยหน้าจอแสดงผล Electric Multi Vision (EMV) ขนาด 10.3 นิ้ว ที่มาพร้อมกับนาฬิกาบอกเวลาแบบ จีพีเอส และเพลิดเพลินตลอดการเดินทางด้วยชุดเครื่องเสียงจาก Mark Levinson Surround Sound System 17 ลำโพง

โปรโมชั่น Toyota/Lexus ในงาน Motor Expo

  • Yaris และ Yaris ATIV *ดาวน์ต่ำเริ่มต้น 8,500 บาท และฟรีประกันภัยชั้น 1 (Toyota Care) พร้อมขับฟรี 90 วัน
  • Vios-ผ่อนสบายเริ่มต้น  7,000 บาท และฟรีประกันภัยชั้น 1 (Toyota Care) พร้อมขับฟรี 90 วัน
  • Altis เฉพาะรุ่น 1.8 ลิตร อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 25% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือประกันภัยชั้น 1 Toyota Care
  • Camry ใหม่ อัตราดอกเบี้ยพิเศษ 1.89% เมื่อดาวน์ 20% ขึ้นไป ผ่อนนาน 48 เดือน หรือ ผ่อนสบายเริ่มต้น  17,000 บาทพร้อมรับ Ultimate Ownership Package
  • C-HR *ผ่อนสบายเริ่มต้น  8,500 บาท และรับฟรีของที่ระลึก C-HR | ADIDAS Set Japan Limited Edition พร้อมขยายระยะเวลารับประกันคุณภาพจาก 3 ปี เป็น 5 ปี พร้อมทั้งฟรีค่าแรงเช็คระยะจนถึง 100,000 กม. พิเศษ สำหรับเครื่องยนต์ไฮบริด ขยายระยะเวลารับรองการใช้งานแบตเตอรี่ ไฮบริด 10 ปี (ช่วงปีที่ 6-10) และรับประกันระบบไฮบริด 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • Lexus – ผู้ที่จองรถเลกซัส จะได้รับบัตรกำนัลห้องพัก โรงแรมเรเนซองส์ พัทยา ผู้ที่ทำการจองรถรุ่น LS หรือ LC สามารถเลือกรับประสบการณ์สุดพิเศษ Omakase course มิชลินสตาร์ จาก Ginza Sushi Ichi หรือ Wine Testing Course จาก เลอ กอร์ดอง เบลอ และผู้ถือบัตรเครดิตของธนาคารไทยพาณิชย์ ที่จองรถยนต์รถเลกซัสทุกรุ่นภายในงาน ด้วยบัตรที่ร่วมรายการรับคะแนนสะสมสูงสุด 20 เท่า

 

VOLVO

นำขบวนโชว์ด้วย XC40 รถ SUV ขนาดกระทัดรัดซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่เดือนกันยายน ด้วยราคาเริ่มต้นเพียงแค่ 2,090,000 บาท กับรุ่น 190 แรงม้า และแม้กระทั่งตัวแพงสุดอย่าง XC40 T5 R-Design ก็ยังมีราคาแค่เพียง 2,390,000 บาท และยังได้อุปกรณ์ทั้งที่เกี่ยวกับความปลอดภัยขั้น Advance และเรื่องความ Hip กิ๊บเก๋ นั่นก็ทำให้มันได้รับยอดจองไปแล้วถึง 400 คัน

อ่านเรื่องอุปกรณ์เพิ่มเติมของ XC40 ได้ที่นี่

นอกจากนี้ก็ยังมีรถอย่าง XC90 Excellence ซึ่งถือว่าเป็นตัวพ่อแห่งความหรู ราคาแพงที่สุดในบรรดาทุกรุ่นย่อยของ XC90 คือ 5.99 ล้านบาท เป็นรุ่นย่อยเดียวที่เราจะได้รถประกอบจากโรงงาน Torslanda ในสวีเดนในขณะที่รุ่นอื่นๆจะประกอบที่มาเลย์ ยังไม่มีสเป็คแบบละเอียดว่ามีอุปกรณ์ใดเพิ่มจากรุ่น Inscription อีกบ้าง แต่ถ้าไม่อยากจ่ายเกือบ 6 ล้าน บอกเลยว่ารุ่นย่อยอย่าง R-Design ก็เก๋พอแล้ว แม้จะได้เครื่องเสียง Harman Kardon แทน Bower & Wilkins อย่างในรุ่น Inscription ก็ตาม นอกจากนี้ยังมี Volvo รุ่นอื่นอย่าง XC60 และ S90 มาโชว์ ซึ่งรถใหญ่อย่าง S90 พอเลือกสีฟ้าและตกแต่งแบบ R-Design ก็แอบดูวัยรุ่นอยู่เหมือนกัน ค่อยสมกับม้า407 ตัวหน่อย

โปรโมชั่นของ Volvo

  • XC40 เริ่มต้นผ่อนที่ 19,xxx บาทต่อเดือน
  • XC60 เริ่มต้นผ่อนที่ 28,xxx บาทต่อเดือน
  • XC90 เริ่มต้นผ่อนที่ 36,xxx บาทต่อเดือน
  • S90 เริ่มต้อนผ่อนที่ 28,xxx บาทต่อเดือน
  • S90 สามารถเลือกได้ว่าจะรับส่วนลดเงินดาวน์ 300,000 บาท + Volvo Premium Service Program นาน 5 ปี หรือใช้สิทธิ์นำรถ Volvo คันเดิมมาแลกเพื่อรับส่วนลด 300,000 บาท สำหรับการซื้อรถยนต์ Volvo คันใหม่บวก Volvo Premium Service Program (รถที่นำมาแลกต้องไม่เก่ากว่าปี 2010)

 

—-////—-