เรากลับมาพบกันอีกครั้ง กับงานมหกรรมรถยนต์ประจำช่วงปลายปี 2015
งาน Motor Expo 2015 ซึ่งมากับแนวคิด “มาตรฐานใหม่ ยานยนต์ไทยใส่ใจโลก”
ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการปรับตัวของวงการรถยนต์เพื่อยกระดับคติในการซื้อรถยนต์โดยมีการ
คำนึงถึงเรื่องอัตราสิ้นเปลือง และการปล่อยมลภาวะ ท่านผู้ชมที่ไปเดินดูงานโปรดสังเกต
Eco Sticker ซึ่งแปะไว้กับกระจกรถคันที่โชว์ (อาจจะเป็นสติกเกอร์ หรืออาจจะเป็น A4
ถ่ายเอกสารแล้วมาแปะ ขึ้นอยู่กับงบประมาณ ความเหนือชั้น หรือความรีบของแต่ละค่าย)
ซึ่ง Eco Sticker นี้จะบอกรหัสตัวถัง และรหัสเครื่อง (นักเลงรถน่าจะชอบ) แล้วยังบอก
อัตราการสิ้นเปลืองและอัตราการปล่อยมลภาวะ CO2 เอาไว้ด้วย ถ้าคุณไม่เคยสนใจเรื่องนี้
อีกหน่อยคุณจะสนใจมันมากขึ้นเพราะ CO2 จะมีส่วนทำให้รถรุ่นหนึ่งราคาแพงขึ้นหรือถูกลง
ตามอัตราสรรพสามิตใหม่ก็เป็นได้

z_opening

นอกเหนือไปจากการสนับสนุนให้ใส่ใจในเรื่องมลภาวะแล้ว สิ่งที่ยังมาไม่ขาดคือ
รถใหม่ รถอัพเกรดอุปกรณ์ และรถพันธุ์แรงราคาสูงที่หาดูตามท้องถนนได้ยาก ในปีนี้ จะเป็นปี
สุดท้ายที่เราจะใช้วิธีการคิดสรรพสามิตแบบเก่า หลายค่ายจึงมีการปรับปรุงตัวรถ และปรับราคา
เพื่อเตรียมรับสรรพสามิตใหม่ที่จะบังคับใช้ในปีหน้า ด้วยเหตุนี้ หากเรานับรวมทั้งรถโมเดลใหม่ๆ
ที่เปิดตัวในงาน หรืออาจจะเปิดตัวมาก่อนหน้าไม่นานนัก นำไปรวมกับรถที่มีการไมเนอร์เชนจ์
และรถที่มีการปรับเสริมอุปกรณ์ต่างๆแล้ว น้องหมู ธีรพัฒน์ จอมยุทธ์มีเดียประจำเว็บเราถึงกับ
หอบแฮ่กเพราะมันมีมากกว่า 30 รุ่นรวมกัน และอาจจะแตะ 40 รุ่นเลยก็ว่าได้!

ผมเกิดมา 3 ทศวรรษกำลังเข้าใกล้หลักสี่ ไปมอเตอร์โชว์ไทยมานับครั้งไม่ถ้วน ผมไม่เคยเจอ
การพร้อมใจกัน “อัพของใหม่” ใส่ตลาดจนแทบระเบิดกันขนาดนี้มาก่อน แต่จะมีรุ่นไหน จะเป็นรุ่นอะไร
ผมและหมู ธีรพัฒน์จะนำท่านไปชม ณ บัดนี้

รออะไรล่ะฮะ..Scroll สิครับ

 

BMW/MINI- จัดหนัก จัดแรง จัดเต็ม
Highlight: ซีรีส์ 7 รุ่นใหม่, ซีรีส์ 3 LCI, X5 xDrive40e, X4 20d M Sport ประกอบใน และ 118i Sport

BMWmini_booth02

ผ่านมากี่ปีกี่งานบูธ BMW จัดเต็มเสมอ ลักษณะของบูธคล้ายเดิมเสมอ เต็มไปด้วยรถ
ครบครันทุกรุ่นทุกอนุกรมเสมอและพนักงานขายเต็มพื้นที่เสมอเช่นกัน (บางคนชอบ..ผมรู้)
ในงาน MotorExpo 2015 นี้ก็ไว้ลาย BMW เช่นเคย โดยรถรุ่นแรกที่เป็นรุ่นใหม่ราคาถูกสุด
คือ 118i Sport ซึ่งก็เหมือนกับ 118i M Sport ที่นำมาเปลี่ยนแปลงการตกแต่ง ตัดออพชั่น
บางอย่างออก แล้วทำราคาลงมาเหลือ 1,899,000 บาท ซึ่งถูกกว่า Mercedes-Benz A180
ตัวไมเนอร์เชนจ์อยู่เกือบแสนบาท และถูกกว่า 118i M Sport เกือบสองแสน โดย 118i ทั้งสองรุ่น
จะใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร TwinPower Turbo 136 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ

BMWmini_330i

ซีรีส์ 3 LCI (ไมเนอร์เชนจ์) ยังมาพร้อมกับ 3 ทางเลือก คือ 32oi เครื่องเบนซิน 2.0 ลิตร 184 แรงม้า
ซึ่งมีรุ่นธรรมดาราคา 2,399,000 บาท และรุ่น Luxury กับ Sport ราคา 2,699,000 บาท ต่อมาคือ
320d เครื่องดีเซล 2.0 ลิตร แรงม้าเพิ่มเล็กน้อยเป็น 190 แรงม้า แรงบิด 400Nm มีการตกแต่งให้เลือก
ทั้งแบบ Luxury และ Sport ในราคา 2,799,000 บาท แต่รุ่นที่เด็ดสุดซึ่งได้ผลบุญจากการคิดภาษี
สรรพสามิตแบบใหม่ซึ่งไม่ตั้งแง่กีดกันเรื่องแรงม้าเหมือนกัน ทำให้ 328i 219 แรงม้า กลายร่างเป็น
330i ที่ได้รับการปลดปล่อยพลังให้ทัดเทียมกับตลาดประเทศอื่นที่ 252 แรงม้า แรงบิด 350Nm
สนนราคาอยู่ที่ 3,099,000 บาท มากับการตกแต่งแบบ M-Sport ที่ได้กันชนหน้าหลังแบบ M พร้อม
ล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้วที่โตกว่า 320i และ 320d

BMWmini_740Li

ซีรีส์ 7 เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานกับ 740Li Pure Excellence มาให้เลือกแค่ขุมพลังเดียวไปก่อนในตอนนี้
กับเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบ 3.0 ลิตร 326 แรงม้า ตั้งราคาไว้ที่ 6,999,000 บาท แต่ถ้ายังไม่พอ
ก็ยังสามารถเสียเงินเพิ่มกับออพชั่น Additional Package อันประกอบด้วยภายในตกแต่งด้วย Alcantara
เบาะหุ้มหนัง Nappa และที่เด็ดคือ “ไฟหน้าเลเซอร์” BMW LaserLight ซึ่งส่องได้ไกลสุดถึง 600เมตร
(ตามเงื่อนไขการขับขี่และผู้ขับรถสวน)

อ่านรายละเอียด 740Li Pure Excellence เวอร์ชั่นไทยเพิ่มเติมได้ที่นี่ครับ

BMWmini_booth

X5 xDrive 40e เป็นรถยนต์แบบ PHEV ไฮบริดมีรูเสียบปลั๊กชาร์จได้ ใช้พลังที่
ผสานกันระหว่างเครื่องเบนซินเทอร์โบ 2.0 ลิตร 245 แรงม้ากับมอเตอร์ไฟฟ้าที่
แรงเหลือเฟือมากพอที่จะวิ่งในโหมดไฟฟ้าอย่างเดียวได้ถึง 120 กม./ชม.
หรือถ้าขับแบบเซฟแบต วิ่งแบบเรื่อยๆก็สามารถวิ่งเป็นระยะทางได้ 60 กม.
หลังการชาร์จแบตเตอรี่เต็ม สนนราคาอยู่ที่ 5,399,000 บาท

X4 xDrive20d M-Sport (คันสีแดง) จากเดิมที่เป็นรถนำเข้าราคาสูง พอเปลี่ยนมาเป็นเวอร์ชั่น
ประกอบในประเทศแล้ว ราคาลงมาเหลือ 3,999,000 บาท จากเดิม 4,999,000 บาท
(แม่เจ้า ถูกลงแบบโค่นต้นหูกระจง!) เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบเดียวกับ 320d LCI ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร
190 แรงม้า แรงบิด 400Nm ซึ่งด้วยราคาระดับนี้ ทำให้การแข่งขันในเซกเมนต์
Sexy Premium Compact Crossover เข้มข้นขึ้นไปอีกหลังจากที่ Mercedes-Benz นำเข้า
รุ่น GLC มาในราคา 3.79-4.09 ล้านบาทและจะปรับขึ้นอีกกว่า 3 แสนบาทหลังสิ้นปีนี้ ในขณะที่
Lexus NX ก็มีราคารุ่นท้อปทะลุ 4 ล้านบาท

BMWmini_clubman BMWmini_Clubman2

ในขณะเดียวกัน ฝั่ง MINI ก็มี Clubman ตัวใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานมาเป็นสีสัน
ด้วยขนาดของตัวรถที่ค่อนข้างโตกว่า MINI ทั่วไป (ความยาวมากกว่า 4.2 เมตร กว้าง 1.8 เมตร)
ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยภายในมากกว่า MINI Hatchback ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 2,388,000 บาทสำหรับ
Clubman Cooper เครื่อง 1.5 ลิตร 3 สูบเทอร์โบ 136 แรงม้า ไล่ไปที่ Clubman Cooper D
เครื่องดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 150 แรงม้าราคา 2,688,000 บาท และสุดกับ Clubman Cooper S
เครื่อง 2.0 ลิตรเบนซิน พ่วงเทอร์โบ 192 แรงม้า ราคา 3,088,000 บาท แถมถ้าคุณคิดว่าราคา
มันยังถูกไป ก็สามารถเล่นรุ่น High Trim ราคา 3,288,000 บาทได้เช่นกัน หลายคนที่ไม่ใช่
แฟนพันธุ์แท้ MINI อาจจะเกิดความลังเล ว่าจะเลือกสไตล์ตัวถังแบบคลาสสิควัยรุ่นแบบ Clubman
ที่เท่ห์ด้วยฝากระโปรงท้ายเปิดแยกซ้าย-ขวาดี หรือจะยอมเลือกซาลูนตัวใหญ่ตามกระแส เพราะ
ราคาระดับนี้ ซื้อ BMW 330i M Sport ได้สบายเลย (รถมันคนละประเภท แต่บางคนอาจคิดไม่ตก)
รถใหญ่กว่า แรงกว่า..แต่เอ๊ะ ถ้าสมมติว่าอยากได้ทั้งสไตล์ตัวถัง Futuristic Retro แบบ MINI ด้วย
แล้วก็อยากได้แรงดึงหลังติดเบาะด้วยทำไงได้บ้าง? ก็คงต้องหันไปข้างๆไปมองเจ้า MINI Cooper S
John Cooper Works อีกคันในบูธ บอดี้รถมันก็คือ MINI 3 ประตูตัวเล็กนี่ล่ะครับ แต่เครื่องนี่สิ
เป็น 2.0 ลิตร TwinPower Turbo วางขวาง ปรับจูนเพิ่มม้าจาก 192 เป็น 231 ตัว แรงสะใจขึ้น
ราคา 3,450,000 บาท และตอนนี้จะมีเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะเพียงแบบเดียวเท่านั้น
(ขอบคุณข่าวจาก MINI TH ของคุณอู๋ spin9 มากนะครับ ถ้าไม่ใช่เพราะบทความคุณอู๋
ผมคงลืมเจ้าตัวนี้ไปแล้ว)

อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมของ MINI Clubman ได้ที่นี่ครับ

 

Chevrolet-Find New Roads, with STORM
Highlights: Colorado Storm ตกแต่งพิเศษ และ Captiva ไมเนอร์เชนจ์

Chev_Storm

Colorado High Country Storm เป็นเวอร์ชั่นตกแต่งสปอร์ต เพิ่มสปอร์ตบาร์สีดำ สติกเกอร์
ล้ออัลลอยพ่นสีดำ ขอบหน้าต่าง กันชน และกระจกมองข้างพ่นเป็นสีดำเพิ่มความโหด
ส่วนเครื่องยนต์นั้น ก็เป็นเจ้าของตำนานบ้าพลังของแท้ ด้วยเครื่อง Duramax 2.8 ลิตร
แรงม้าสูงสุด 200 แรงม้า แรงบิดสูงที่สุดในบรรดารถกระบะ 1 ตันในประเทศไทยด้วยตัวเลข
ระดับ 500Nm มีให้เลือกแค่แบบเกียร์อัตโนมัติเท่านั้น แต่สามารถเลือกได้ว่าจะเอารุ่น
ขับหลังราคา 999,000 บาท หรือรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อราคา 1,059,000 บาท

ก็ลองมาดู ว่า STORM จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับ Chevrolet ได้มากเพียงใด ในเวที
การแข่งขันดุเดือดที่ Revo กับ Dmax ยืนแป้นยอดขาย และมี Ranger เป็นผู้นำบนเวที
กระบะอินดี้

Chev_CaptivaMnc

Captiva Minorchange มาเพื่อหักปากกาพี่แพนโดยเฉพาะ มีคนอ่านถามว่าตัวนี้จะมามั้ย
จะไมเนอร์เชนจ์อีกมั้ย ไอ้เราก็หัวเราะตอบไปบอกว่าตอนนี้ Chevy เหนื่อยมากครับน้อง
เขาคงไม่ทำมาหรอก ผ่านไป 1 สัปดาห์ จะเอ๋เลยตัวจริงในงาน Motor Expo เขาให้ธีม
กับเจ้ารุ่นนี้ว่า “อีกก้าวแห่งยนตรกรรม SUV ตัวจริง” หนักแน่นลงตัว แสดงว่าไอ้พวกที่
เปิดๆตัววิ่งๆกันอยู่ในช่วงปีที่ผ่านมาเนี่ย พวกแก ปลอม! SUV ปลอม! ไม่ Strong พอค่ะ

Captiva ใหม่ได้รับการปรับปรุงกระจังหน้าแบบใหม่ ไฟหน้าแบบมี Daytime Running Light
และในรุ่น LTZ มีล้อ 19 นิ้ว อุปกรณ์ภายในมีการเพิ่มเครื่องเสียง MyLink สามารถต่อ USB
เพื่อใช้งานแอพพลิเคชั่น Apple CarPlay หรือ Android Auto ได้ นอกจากนี้ในรุ่น LTZ ยังมีการ
เพิ่มความปลอดภัยโดยให้ระบบตรวจจับรถในจุดบอดกระจกมองข้าง และระบบ Rear Cross-Traffic
ที่สามารถตรวจหารถที่กำลังวิ่งตัดมาจากข้างหลังเวลาถอยออกจากมุมอับได้อีกด้วย ส่วนเครื่องยนต์
ก็มีให้เลือกทั้งแบบเบนซิน 2.4 ลิตร 167 แรงม้า รองรับน้ำมัน E85 และเครื่องดีเซล 2.0 ลิตรเทอร์โบ
163 แรงม้า มีทั้งรุ่นขับเคลื่อน 2 ล้อและ 4 ล้อ

 

Ford-โชว์รถเวอร์ชั่น 2016..กับราคา 2016
Update: Ford Ranger Wildtrak MY2016

Ford_booth

Ford ยังมากับรถรุ่นเดิม ไม่มีการเปิดตัวโมเดลใหม่ รวมถึงใครที่ลุ้นว่า Focus
EcoBoost จะมางานนี้ไหม ขอบอกว่ารอบสื่อ พี่เดินแล้ว พี่ไม่เจอจ้ะ แต่อยากเจอ
อยู่เหมือนกัน ดังนั้นก็ใช้ตัว 2.0GDi กันไปก่อน นอกนั้นก็มีตัว Fiesta EcoBoost
และ Ford EcoSport มาโชว์

Ford_Eve

Ford Everest 2016 มีการปรับนิดหน่อยในเรื่องอุปกรณ์ และปรับเยอะมากในเรื่องราคา
รถคันที่โชว์อยู่นี้ใช้สีฟ้า Blue Reflex ซึ่งเป็นสีมาใหม่ รถสีฟ้า สีส้ม และสีดำจะใช้ภายใน
สีเบจเหมือนเดิม ในขณะที่รถสีขาว สีเงิน สีทอง ที่เป็นล็อตปี 2016 ขึ้นไปจะได้ภายในสีดำ

รุ่น 2.2 Titanium 4×2 A/T MY2016   1,389,000 บาท(ปรับเพิ่มขึ้น + 120,000 บาท)
รุ่น 3.2 Titanium 4×4 A/T MY2016   1,599,000 บาท (ปรับเพิ่มขึ้น + 140,000 บาท)
รุ่น 3.2 Titanium Plus+ 4×4 A/T MY2016   1,749,000 บาท(ปรับเพิ่มขึ้น + 150,000 บาท)

ในรุ่น Titanium Plus มีการเพิ่มระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง
Adaptive Cruise Control, ระบบเตือนการชนด้านหน้า Forward Collision Warning System,
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร Lane Keeping System, ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
และระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Alert System

รูปและรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่

Ford_Ranger

ไม่ให้ Everest เขาเหงา Ranger Wildtrak ก็ปรับราคาตามเหมือนกัน ราคาอย่างเป็นทางการ
1,189,000 บาท (+เพิ่มจากราคาก่อนปรับภาษี 50,000 บาท) แต่ก็กันลูกค้าช้ำใจด้วยการเพิ่ม
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบรักษาระยะห่าง Adaptive Cruise Control, ระบบเตือนการ
ชนด้านหน้า Forward Collision Warning System, ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร
Lane Keeping System และระบบช่วยเตือนการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ Driver Alert Systemมาให้

สำหรับรุ่น XLT และรุ่นอื่นๆ ยังไม่ประกาศราคานะครับ เมื่อทราบแล้วจะนำมาบอกอย่างแน่นอน
เรื่องนี้ไว้ใจหมู ธีรพัฒน์เขาได้

.

Honda- CR-V, HR-V, BR-V จะเอาอะไร V มาอีกมั้ย
New Model: BR-V

Honda_BRV01Honda_BRV02

เด่นที่สุดในบูธ คงหนีไม่พ้น BR-V ที่มาโชว์ตัวราวกับจะบอกว่า “อย่าเพิ่งตื่นเต้นกับ
Avanza ไมเนอร์เชนจ์นะ รอดูของเราก่อน” ทั้งนี้ยังไม่ประกาศราคาอย่างเป็นทางการ
แต่มีน้องๆเจ้าหน้าที่คอยประจำอยู่รอบรถเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม พอจะสรุปได้ดังนี้ว่า
– สีน้ำตาลส้มพรีเมียมแอมเบอร์อย่างคันที่โชว์ มีมาให้เลือกแน่นอน
– รองรับน้ำมัน E85 แน่นอน
– มีทั้งรุ่น 5 ที่นั่ง และ 7 ที่นั่ง (หลังจากที่ลองนั่งดูแล้ว พบว่าเนื้อที่สบายใช้ได้เลย
ใกล้เคียงกับ HR-V แต่พนักพิงหลัง HR-V จะสบายกว่าหน่อย นี่พูดถึงเบาะหลังนะ
ไม่ใช่เบาะตอน 3 พวงมาลัยเหมือน Jazz GE)
– รุ่นท้อปสุด จะมี VSC, HSA มีจอทัชสกรีนขนาด 6.1 นิ้ว เบาะหนังและปุ่มสตาร์ท
– ราคาน่าจะอยู่ในช่วง 750,000-820,000 บาท

Honda_Booth02

สำหรับรุ่นอื่นๆ ก็มาโชว์กันครบเช่นเคย แต่สำหรับรุ่น HR-V นั้นก่อนจะจอง โปรดเช็คราคา
ให้แน่ใจ เพราะในวันรอบสื่อมวลชน ผมสังเกตว่ารุ่น E Limited ยังปะป้ายราคา 1,005,000บาท
แต่เมื่อเช้านี้หมู ธีรพัฒน์เช็คแล้ว พบว่าราคาบนเว็บ Honda มีการอัพเดทใหม่ โดยราคาจะเพิ่มขึ้น
รุ่นละ 24,000-54,000 บาทโดยประมาณ รุ่น S เริ่มต้นที่ 933,000 บาท แต่ได้ล้ออัลลอย
ลายเดียวกับตัวท้อปเพิ่มมา และได้Cruise Control และ Paddleshift กับเครื่องเสียงแบบตัวท้อป
เพิ่มมา จากเดิมที่รุ่น S ดูขาดความหรู ตอนนี้ดูคุ้มขึ้นทั้งที่ราคาแพงขึ้น ส่วนรุ่น E ขึ้นไป จะได้
เบาะปรับไฟฟ้าเพิ่มเข้ามา

.

Hyundai-โชว์รถต้นแบบ และขาย Elantra กับ H-1 ต่อไป
Concept Car: INTRADO (HED-9)

Hyundai_booth

งานนี้โชว์ Elantra Sport SE ราคา 996,000 บาท มาพร้อมกับชุดตกแต่งสเกิร์ท สปอยเลอร์รอบคัน
กระจังหน้า Black Look ปลายท่อไอเสียสแตนเลส ล้ออัลลอยสี Hyper Black ขนาด 17 นิ้ว
เบาะหนังลายใหม่พร้อมโลโก้ SE ตัดสีน้ำเงิน พรมปูพื้นลายเฉพาะรุ่น และแป้นเหยียบสแตนเลส

Hyundai_concept01Hyundai_concept02

นอกจากนี้ฮุนไดได้นำรถต้นแบบ Intrado หรือ HED-9 ซึ่งเป็นรถต้นแบบพลังงานทางเลือก
ตัวถังแบบครอสโอเวอร์  ใช้เครื่องยนต์เซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุด
ร่วมกับแบตเตอรี่แบบ Li-ion ขนาด 36 กิโลวัตต์ สามารถวิ่งได้มากกว่า 600 กม. ต่อเชื้อเพลิงหนึ่งถัง
โครงสร้างตัวถังของ Intrado ทำจากวัสดุ Carbon Fiber ซึ่งผลิตด้วยเทคโนโลยีทันสมัย
ทำให้รถมีน้ำหนักเบา แข็งแรง ดีไซน์ภายนอก เป็นธีม Fluidic Sculpture V2.0 ที่จะถูกนำมา
ถ่ายทอดลงสู่ Hyundai รุ่นอื่นๆในอนาคตต่อไป

.

Isuzu-ขุมพลังใหม่กับ DMAX
Update: Blue Power DDi 1.9

Isuzu_booth92

นานๆจะมีของใหม่เข้าบูธเสียที งานนี้เลยโปรโมทตัว 1.9Ddi BLUE POWER เป็นหลัก
เครื่องดีเซลตัวใหม่ มีขนาด 1.9 ลิตร รหัสเครื่องRZ4E-TC DDi  กำลังสูงสุด 150 แรงม้า
ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 350 นิวตันเมตร ที่ 1,800-2,600 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์ธรรมดาลูกใหม่ 6 จังหวะ มันมาทำตลาดแทนเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตรทั้งหมด
พร้อมระบบตั้งวาล์วแบบอัตโนมัติ และ Genius Sport Shift แสดงตำแหน่งเกียร์ธรรมดา
บนหน้าจอ MID และแจ้งเตือนให้เปลี่ยนเกียร์เมื่อรอบเครื่องยนต์เหมาะสม

เครื่องยนต์ 1.9 DDi Blue Power มีอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่ำที่สุด
ในกลุ่มรถกระบะ มีค่าการปล่อย CO2 อยู่ที่ 161 กรัม / กิโลเมตร ( 161g./km. )

Isuzu_DDiblue

นอกจากนี้ยังมีรุ่น ดีเซล 3.0 ลิตร 4JJ1-TCX DDi Blue Power
กำลังสูงสุด 177 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 380 นิวตันเมตร ที่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที
จับคู่กับเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ทำตลาดคู่กันไป สำหรับหลายท่านที่สงสัยว่าเออ แล้วเกียร์อัตโนมัติไม่มีเหรอ?
คำตอบคือตอนนี้ ยังไม่มีครับ รอเดือนมีนาคม จะมีรุ่นเกียร์อัตโนมัติตามออกมาอีกครับผม

ราคาอย่างเป็นทางการของ Isuzu Dmax คลิกที่นี่
บทความทดลองขับ Dmax 1.9 คลิกที่นี่

.

Jaguar/Land Rover-XE มาซะที!!
New Model: Jaguar XE, Range Rover Sport Diesel Hybrid, Evoque 2016

JLR_XE01JLR_XE02

ในที่สุด รถยนต์พรีเมียมคู่แข่งซีรีส์ 3 ที่พัฒนาโดย Jaguar ก็มาถึงเมืองไทย XE มีความโดดเด่น
ด้วยการใช้แพลทฟอร์มแบบใหม่และบอดี้ทำจากอะลูมิเนียม (มีบางส่วนเท่านั้นที่เป็นเหล็ก)
ซึ่งก็มาในแนวเซฟน้ำหนัก เช่นเดียวกับ C-Class ตัวใหม่ที่หันไปใช้อะลูมิเนียมเป็นส่วนประกอบ
มากขึ้น แต่ใช้ในอัตราส่วนที่น้อยกว่า XE มาก ในงาน Motor Expo นี้ รุ่นที่นำมาเป็นตัวชูโรง
คือรุ่น 2.0 เบนซินเทอร์โบ 200 แรงม้า ตกแต่งแบบ R-Sport ขายในจำนวนจำกัดโดย
ตั้งราคาไว้ 3,999,000 บาท หลังจากหมดงานนี้ ราคาจะเพิ่มขึ้นเป็น 4,499,000 บาท
ส่วนรุ่นที่ตกแต่งแบบ Portfolio ซึ่งหรูกว่า เปิดราคามา 4,799,000 บาท

ตัวจริงของรถ ดูเตี้ยล่ำกว่า 3-Series แต่ก็เสียพื้นที่ภายในไปบ้างแลกกับทรวดทรงของรถ
ที่มาในสไตล์ 4 ประตูหลังคาลาดเตี้ย ราคาค่าตัวสูงเนื่องจากเป็นรถนำเข้า หากเทียบกับ
รถเยอรมันประกอบในประเทศแล้วต่างกันเป็นล้าน แต่นั่นก็คือเหตุผลที่ทำให้ Jaguar
เป็นรถที่หาดูได้ยากบนท้องถนน กลายเป็นรถที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไปอีกแบบ
JLR_RangeSport

ส่วน Range Rover ก็มีรุ่น Range Rover Sport Hybrid ซึ่งเป็นรถขับสี่ไฮบริดรุ่นแรก
ของทางค่าย วางราคาเอาไว้ตั้งแต่ 8,999,000 บาท ไปจนถึง 14,999,000 บาท
ใช้ขุมพลัง LR-SDV6 3.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า ให้แรงม้าสูงสุด
ถึง 340 แรงม้า (ตามสเป็คใน Press Kit) และแรงบิดสูงสุด 700Nm เท่าๆกับตัวดีเซล
V8 นั่นเลยทีเดียว

.

Lamborghini-มาทั้ง V10 และ V12
New Model: Huracan Spyder LP610-4

Lambo_boothLambo_HuraSpyder

จอดเรียงกันอยู่ 3 คัน แต่ของใหม่ที่มางานนี้คือ Huracan Spyder LP610-4
ซึ่งอันที่จริงก็เปิดตัวมาได้สักพักตั้งแต่งานที่เจนีวาแล้ว แต่เมืองไทยเพิ่งได้มาจำหน่ายโดยทาง Niche Cars
เครื่องยนต์ยังเป็นตัวเดิม V10 5.2 ลิตรให้กำลังสูงสุด 618 แรงม้า (PS) ที่ 8,250 รอบ/ นาทีและแรงบิดสูงสุด
560 Nm ที่ 6,500 รอบ/ นาที พร้อมเกียร์คลัตช์คู่ 7 จังหวะแต่ตัวเลขอัตราเร่ง
คงด้อยกว่ารุ่นหลังคาแข็งเล็กน้อยด้วยสาเหตุที่ว่าต้องแบบน้ำหนักเพิ่มขึ้นนิดนึง

.

Mazda-รอบสื่อฯที่ไร นึกว่าน้ำแดงระเบิดในบูธทุกที
Highlight: New MX-5 และ Mazda 2 ราคาขยับปรับออพชั่น

Mazda_booth

สีแดงทั้งบูธคือธีมสำหรับวันงานในรอบสื่อของ Mazda แต่เชื่อว่ารอบสำหรับคนทั่วไป
ก็คงมีรถสีอื่นและรุ่นอื่นมาแซมเช่นเดียวกับปีที่แล้ว รถที่นำมาโชว์ในรอบสื่อ จะเน้นหนัก
ไปที่ CX-3 ซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวไปไม่นาน แต่ไฮไลท์ของงานที่คนทั่วไปน่าจะสนกันมากที่สุด
ก็คือ Mazda 2 ราคาใหม่ ซึ่งมีการปรับลดราคา เพิ่มรุ่นย่อย และเพิ่มออพชั่นในตัวท้อป
โดยอย่างรุ่น 1.3 เบนซินรุ่นถูกสุด จากเดิม 550,000 บาท ก็ลดลงเหลือ 529,000 บาท
รุ่นเบนซินตัวท้อปจาก 665,000 เหลือ 642,000 บาท ส่วนรุ่นดีเซล XD High Plus
จาก 790,000 เหลือ 769,000 และถ้าเพิ่มอีกแค่หมื่นบาท เล่นรุ่น High Plus L
จะได้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์ “ตาปิศาจ” ที่หลายคนอยากได้แต่เจอราคาค่าสั่งจากญี่ปุ่น
แล้วขำอ้วก แล้วยังได้กล้องหลังเพิ่มมาอีกด้วย

สเป็ค อุปกรณ์ และราคาออกแล้ว ที่เว็บทางการของ Mazda เอง คลิกที่นี่ได้เลยครับ

Mazda_MX5Mazda_MX5_2

วันนี้ที่รอคอย มาถึงแล้วกับ MX-5 ตัวใหม่ ที่มีทั้งข่าวดีและข่าวร้าย
เอาข่าวดีก่อนก็แล้วกัน รุ่นที่บ้านเราได้ใช้นั้น เป็นรุ่น 2.0 SkyActiv-G เครื่อง 2.0 ลิตร 160 แรงม้า
ที่แม้จะดูธรรมดา แต่อย่าลืมว่าขนาดรวมของเหลวในรถตามมาตรฐาน บวกกับน้ำหนักคนขับ 78 กก.
แล้ว MX-5 ก็ยังเบาหวิวเพียง 1,080 กก. เท่านั้น เอา Ecocar บางรุ่นมาชั่งด้วยวิธีเดียวกันอาจจะ
หนักกว่านี้ด้วยซ้ำ ขนาดตัวถังเล็กลงกว่า MX-5 รุ่นปี 1989 เสียอีก แบนเตี้ย ได้อารมณ์สปอร์ต
(ที่เป็นสปอร์ตจริงๆ ไม่ใช่เอารถบ้านรถโย่งมาแปะคำว่าสปอร์ต) อุปกรณ์ที่ให้มาก็ถือว่าเต็มพิกัด
เมื่อเทียบกับเมืองนอก เราได้ทั้งระบบเตือนรถเบี่ยงออกนอกเลน ระบบไฟสูงแบบที่เปลี่ยนเป็นไฟต่ำ
อัตโนมัติเวลามีรถสวน ไฟหน้าแบบ AFS ภายในเป็นเบาะหนังสีดำ มีระบบ MZD Connect
ล้อก็เป็นขอบ 17 นิ้ว ทั้งหมดนี้ทำให้ MX-5 ใหม่ มีลักษณะที่ขับมันส์ก็ได้และมีความปลอดภัยสูง
ให้คุณสามารถค้นหาและทลายขีดจำกัดของช่วงล่างหน้าปีกนกคู่และหลังมัลติลิงค์เล่นได้อย่างต้องการ

ทีนี้ข่าวร้ายบ้าง..มันมีแค่เวอร์ชั่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะครับ..หลายคนที่ซื้อรถเปิดประทุน
ขับเล่นเอาเท่ห์คงถามว่าแล้วไง..แต่สำหรับนักเลงรถที่ชื่นชอบการสับเกียร์ ข่าวนี้แรงเหมือนโดน
แย่งแฟนโดยเพื่อนสนิทเลยครับ และอย่างที่สอง ราคา ถ้าคุณอยากได้ จงกำเงิน 2.7 ล้านไว้ด้วย
อย่างที่ Mazda เขามี Slogan ว่า “Feel the drive” นั้น เราเองก็คงต้อง “Dream the drive”
ไปก่อนสำหรับคนเบี้ยน้อยแบบพวกผม

ปล. ถ้าไม่แคร์เรื่องเปิดหลังคา BRZ เกียร์อัตโนมัติก็ถูกกว่าหลายแสนอยู่ แต่สะบัดท้ายออก
ไม่น่าจะมันส์เท่า MX-5 นะ

.

McLaren-570S รุ่นถูกของเขา ยังขนาดนี้
Highlight: มันก็มีอยู่รุ่นเดียว

McLaren_570S

ในสมัยก่อน เราจะรู้จัก McLaren อยู่ไม่กี่รุ่น เช่น McLaren F1 ซูเปอร์คาร์ตำนานจาก 20 ปีที่แล้ว
ซึ่งทำความเร็ว 370 กม./ชม. ครองแชมป์อยู่ 2 ทศวรรษกว่า Veyron จะมาชิงไป จากนั้น เราก็พบกับ
MP4-12C เครื่อง V8 ตามมาด้วย P1 ไฮเปอร์คาร์รุ่นใหม่ที่ขายเกลี้ยงไปแล้ว ในปัจจุบันทาง McLaren
ต้องการที่จะขยายจำนวนรุ่นรถให้ตอบสนองลูกค้าได้หลายกลุ่มขึ้น จึงมีการแบ่งคลาสรถในค่ายออกเป็น
3 ระดับ ได้แก่ Sports Series, Super Series และ Ultimate Series อย่างหลังสุดนี้ ก็คือพวกไฮเปอร์คาร์
อย่าง P1 และ P1 GTR ส่วน Super Series ก็คือ 650S และ 675LT ส่วน Sports Series ก็ได้แก่รุ่น
570S และ 540C

จากคำสัมภาษณ์ของ CEO McLaren รถในตระกูล Sports Series นั้นจะถูกมองว่าเป็น “รถสปอร์ต”
ซึ่งแข่งกันตรงรุ่นกับ Porsche 911 และไม่ใช่ซูเปอร์คาร์แบบพวก Ferrari 488 หรือ Huracan
โดยในเมืองไทยนั้น ทาง Niche Cars ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการได้เผยโฉมรถรุ่น 570S
ก่อน โดย 570S นี้ จะใช้เครื่องยนต์รหัส M838TE ซึ่งมีรากฐานมาจากเครื่องของ MP4-12C
และ 650S โดยยังใช้อ่างน้ำมันเครื่องแบบ Dry-sump และเพลาข้อเหวี่ยงแบบ Flat-plane อยู่
แต่มีการเปลี่ยนชิ้นส่วนฝาสูบและเทอร์โบใหม่ ความจุ 3.8 ลิตรเท่าเดิม แรงม้าสูงสุดอยู่ที่
570PS ที่ 7,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 600Nm ที่ 5,000-6,500 รอบต่อนาที ส่งกำลัง
ผ่านเกียร์คลัตช์คู่ SSG ผลักดันตัวถังคาร์บอนโมโนเซลล์เบาหวิวแค่ 1,313 กก. ให้ทำอัตราเร่ง
0-200 กม./ชม. ได้ภายในเวลาแค่ 9.5 วินาที เบรกที่ให้มาก็เป็นเบรกแบบคาร์บอนเซรามิก
คาลิเปอร์หน้า 6 พอท หลัง 4 พอตมาจากโรงงาน สนนราคาก็ตั้งไว้ถูกแสนถูกที่ 21.8 ล้านบาท
แต่ถ้าท่านไม่ต้องการพลังสูงขนาดนี้ และอยากได้รถสปอร์ตที่ขับใช้งานในชีวิตประจำวันสบายขึ้น
โดยยังต้องการคบหากับ McLaren อยู่ โปรดอดใจรอรุ่น 540C ซึ่งจะเข้ามาขายในไตรมาส 3
ของปี 2016 โดยวางราคาไว้ที่ 19.8 ล้านบาท

 

Mercedes-Benz-ปีนี้รถยกสูงมาแรง
Highlight: GLE Coupe ดีเซล, GLE ปรับใหม่รับชื่อใหม่, A-Class ไมเนอร์เชนจ์, Maybach

Mercedes_booth02

ปีนี้ Mercedes-Benz ส่งท้ายปี 2015 ด้วยการเปิดตัวรถ 6 รุ่นใหม่ และมีรถบางรุ่น
ที่ราคาจะปรับเป็นราคาของปีหน้าแล้ว และอีกหลายรุ่นที่ยังเป็นราคาตามสรรพสามิต
ระบบเก่า ถ้าใครจะซื้อรีบสอบถามและจัดการกันตั้งแต่ปีนี้ เพราะได้ข่าวว่าแต่ละรุ่น
ราคาจะเพิ่มตั้งแต่ 280,000 ไปจนถึง 1,000,000 บาทนะครับ

รถรุ่นใหม่ที่เพิ่มมา เริ่มต้นกันด้วย A180 Style ไมเนอร์เชนจ์ เปลี่ยนกันชนหน้าใหม่
ไฟท้ายเป็นแบบ LED High Performance มีการติดตั้งระบบ Dynamic Select เพื่อ
เลือกโหมดการตอบสนองของตัวรถเช่นเกียร์และพวงมาลัย เครื่องยนต์ขนาด 1.6 ลิตร
เทอร์โบ 122 แรงม้า ตั้งราคาไว้ 1,990,000 บาท ราคานี้อยู่ถึงแค่สิ้นปีเท่านั้น และ
รถ A180 ล็อตปีนี้ ไทยเราได้มาแค่ 20 คัน เป็นสีเขียวอย่างในภาพแค่ 3 คันนะครับ

B200 Urban โฉมใหม่ ก็ปรับตัวเพื่อรับน้องเจ้า 218i ActiveTourer ของ BMW
เบาะนั่งหนังสีแดง เป็นชุดเดียวกันกับของ GLA200 Urban แต่พิเศษกว่าที่สีสัน
และช่วงรองน่องจะสามารถปรับยืดออกมาได้ เครื่องยนต์จะมีขนาด 1.6 ลิตรเท่ากับ
A180 แต่มีพลังเพิ่มเป็น 156 แรงม้า ตั้งราคาไว้ 2,440,000 บาท

จากนั้น รถรุ่นใหม่อีกรุ่นคือ GLE Coupe ซึ่งเอารุ่น GLE350d 4 MATIC
AMG Dynamic มาเปิดตัว ชุดแต่ง AMG รอบคันพร้อมล้อขนาดใหญ่ยักษ์ 21 นิ้ว
ใช้ขุมพลังดีเซลเทอร์โบ V6 3.0 ลิตร 258 แรงม้า แรงบิด 620 Nm ส่งกำลังผ่าน
ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Permanent All-Wheel-Drive ตั้งราคาเอาไว้ที่
6,690,000 บาท ราคานี้ เป็นราคาพร้อมใช้สำหรับปีหน้า

Mercedes_GLE

ต่อจากนั้น ก็เป็นรถ GLE บอดี้ SUV คือรุ่น GLE250d 4MATIC ซึ่งมีทั้งรุ่น Exclusive
และรุ่น AMG Dynamic ซึ่งรุ่นหลังนี้จะได้ล้ออัลลอย 5 แฉก AMG และชุดบอดี้คิท มีหลังคา
พานอรามิกเลื่อนเปิดปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า GLE รุ่นใหม่นี้ เดิมก็คือรุ่น ML แต่ได้รับการเปลี่ยนชื่อ
และยังมีการอัพเดทภายในใหม่ คอนโซลท่อนบนจะไม่เหมือนเดิม รุ่น AMG ภายในจะหุ้มหนัง
Nappa และเครื่องเสียง Harman Kardon เครื่องยนต์เป็นแบบ 2.1 ลิตรดีเซลเทอร์โบ 204 แรงม้า
แรงบิด 500Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 9G-TRONIC 9 สปีด รุ่น Exclusive ตั้งราคาไว้
4,990,000 บาท ส่วนรุ่น AMG Dynamic ราคา 5,490,000 บาท

นอกจากนี้ ขาลุยทั้งหลายอาจจะชอบ G-Class G350d Sport ตัวใหม่ที่ใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ
ล้ออัลลอย 5 ก้านขนาด 19 นิ้ว กันชนแบบ AMG ใช้เครื่องยนต์ 3.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบ 245 แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 600Nm ตั้งราคาไว้ 8,490,000 บาท ราคานี้จะเป็นราคาที่ใช้ในปีหน้าด้วยเช่นกัน

.

MG-333555666
Highlights: MG5 และ MG CS Concept

MG_booth

ในบูธเต็มไปด้วย MG3, MG5 และ MG6 โดยดาวเด่นของบูธปีนี้คือ MG5 ที่เพิ่งจะเปิดตัว
ไปได้ไม่นาน นำมาโชว์ครบทั้งรุ่นภายในสีดำและภายในสีเบจ แถมยังมีการเอามาแต่ง
แบบซิ่ง เปลี่ยนกันชน สเกิร์ท และล้อจนดูเก๋ไม่หยอก (ถ้าไม่นับสคูพคาร์บอนบนฝากระโปรง
ที่พี่แนะนำว่าเอาออกเถอะค่ะ) MG5 นี้ทำตลาดโดยใช้จุดเด่นคือราคาเท่า B-Segment
แต่ขนาดตัวรถไปแตะ C-Segment (พื้นที่ภายในเท่ากับ C-Segment บางรุ่น) อุปกรณ์ความปลอดภัย
ด้าน Active Safety มีมาครบทั้ง ABS, EBD, ระบบรักษาการทรงตัว มีแม้กระทั่งระบบช่วยเบรก
ล้อวงในเวลาเข้าโค้ง ซึ่งปกติจะอยู่ในรถราคาเกือบล้านขึ้นไปเท่านั้น (แต่มีใน MG3 และ 5)

ส่วนในด้านขุมพลัง มีให้เลือกทั้งขุมพลังแม่บ้าน 1.5 ลิตรไม่มีเทอร์โบ 106 แรงม้า และขุมพลัง
พ่อบ้าน 1.5 ลิตรเทอร์โบ 129 แรงม้า รุ่น 106 ม้าจะส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 4 สปีด ในขณะ
ที่รุ่นเทอร์โบจะใช้เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รุ่นถูกสุดราคา 629,000 บาท และรุ่นแพงสุดอยู่ที่
739,000 บาท โดยราคานี้จะอยู่ถึงสิ้นปีนี้เท่านั้น

อ่านรายละเอียด MG5 เพิ่มเติม คลิกที่นี่

MG_GSMG_GS2

อย่าลืมแวะไปดูเวทีข้างหลังด้วย เพราะงานนี้ MG เขาเอา CS Concept จากปี 2013 มาโชว์
รถรุ่นนี้ล่ะครับที่เป็นแม่แบบให้กับ MG GS Crossover เวอร์ชั่นผลิตขายจริง ซึ่งเริ่มขายในจีน
กันไปแล้วในช่วงกลางปี 2015 มาถึงเมืองไทย เราก็ลองมาลุ้นสเป็คราคาและเครื่องยนต์กันดู
อย่างที่เมืองจีนนั้น เครื่องตัวท้อปจะเป็นเบนซิน 2.0 ลิตรเทอร์โบ 217 แรงม้า (อู้วว) ส่งกำลัง
ผ่านเกียร์คลัตช์คู่ (มาคราวนี้ เชื่อพี่นะ MG จูนเกียร์มาให้ดีไปเลยนะ เอาให้พี่ติไม่ได้เลยนะ)

 

Mitsubishi-เซอร์ไพรส์กับไอ้ตัวเล็ก
Highlights: Mirage Minorchange

Mitsubishi_booth

ในบูธ Mitsubishi ก็เต็มไปด้วย Pajero Sport, Attrage และกระบะนุ่มอย่าง Triton
ก่อนหน้านี้มีผู้อ่านส่งรูปมาให้เราดูว่า Triton มีการเปลี่ยนพวงมาลัยไปใช้แบบของ Pajero Sport
แต่ไม่รู้จะมาทันงานนี้หรือเปล่า ผมเลยลองเดินไปดู Triton 4×4 เกียร์ธรรมดา 4 ประตูที่จอดอยู่
พวงมาลัยมันก็ยังเป็นหน้าตาแบบเดิมครับ ไม่แน่ใจว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงเฉพาะรุ่น
เกียร์อัตโนมัติหรือเปล่า ใครไปงานก็ลองส่องดูอีกทีแล้วกัน งานนี้ Mitsubishi กะจัดเต็ม
ในด้านยอดขาย มีแคมเปญสำหรับข้าราชการบำนาญ และข้าราชการกับรัฐวิสาหกิจ ดาวน์ต่ำ
แค่ 5% ผ่อนดอก 2.55% หรือเลือกผ่อนแบบยาว 84 เดือนก็ได้ ให้คุณเป็นเจ้าของรถได้ง่ายขึ้น

Mitsubishi_MirageMinorchange01Mitsubishi_MirageMinorchange02

สิ่งที่มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลยคือ Mirage ไมเนอร์เชนจ์ ซึ่งอัดความปลอดภัยมาให้แบบ
เกินหน้าเกินตาคู่แข่ง ในรุ่น 1.2GL 5MT ตัวถูกสุดนั้น ราคาเริ่มต้นที่ 383,000 บาท
(Celerio ว่าไง?) ยังอุตส่าห์ใจดีมีกระจกไฟฟ้าคู่หน้ากับกระจกมองข้างปรับไฟฟ้ามาให้
ที่สำคัญคือมีถุงลมนิรภัยคู่หน้า, เบรก ABS, EBD/BA และระบบรักษาเสถียรภาพ
การทรงตัวมาให้ เริ่มกันตั้งแต่ตัวถูกสุดไปจนตัวท้อปเลยทีเดียว แต่ถ้าใครอยากไฮโซ
บีม้อร์ Be More ไปอีกขั้น ขอแนะนำลองดู 2 รุ่นบนคือ GLS และ GLS-LTD เพราะนอกจาก
จะได้ไฟหน้าโปรเจคเตอร์แล้ว ยังมีระบบ FCM-LS เตือนการชนด้านหน้าตรงพร้อมระบบ
ช่วยเบรกที่ความเร็วต่ำ และระบบตัดคันเร่งเมื่อจอดอยู่หน้ากำแพงในระยะ 4 เมตรอีกด้วย
พูดง่ายๆก็คือยกอุปกรณ์นี้มาจาก Pajero Sport กันเลย ส่วนชุดความบันเทิงนั้น GLS-LTD
จะได้จอ 6.5 นิ้วพร้อมระบบนำทาง ในขณะที่จอ 2 DIN ขนาด 6.2 นิ้วนั้นจะมีมาให้ตั้งแต่รุ่น
GLX 5MT ราคา 439,000 บาทไปจนถึงรุ่นรองท้อป

ภายนอก มีสีใหม่ให้เลือกคือสีแดงเข้มปนม่วง (Wine Red), สีส้มที่แซ่บมาก (Sunrise Orange)
และสีเทา Titanium Grey

ถ้าใครชอบ Daytime Running Light แบบฝังกันชน ก็มีชุดแต่งของ Mitsubishi ให้เลือก
เสียเงินเพิ่ม..แต่ต้องรอเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้านะชุดแต่งชิ้นนี้ถึงจะมา

 

Nissan-ขาวยกบูธ
Highlights: Navara Sporttech, X-Trail Hybrid และ Sylphy Turbo

Nissan_NPnXT

รถนำเด่นบนเวที จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก X-Trail Hybrid สุดยอดนักหักอก
ลูกค้าเก่าที่ออกตัวเบนซิน 2.0 ลิตรไปเห็นสเป็ค เห็นอุปกรณ์ เห็นพลัง 179 แรงม้ากับราคาแล้ว
ต้องมานั่งน้ำตาไหลให้ Admin Headlightmag ปลอบกันอยู่สิบนาทีกว่าจะทำใจได้
(แต่สเป็คมันก็จัดเต็มจริงๆแหละ) ขนาดในเอกสารแจกสื่อมวลชนยังเขียนเลยว่า “ให้กำลัง
แรงบิดอย่างเยี่ยมยอดเหนือกว่าเครื่องยนต์ขนาด 2.5 ลิตร และประหยัดกว่าเครื่องยนต์
เบนซิน 2.0 ลิตรถึง 20%” เอาน่า..คนใช้รุ่นเบนซินอย่าน้อยใจไปครับ ครบ 10 ปีกลับมาคุย
กันอีกที ดูซิว่าบิลค่ามอเตอร์ ตัวแปลงไฟ และองค์ประกอบไฮบริดจะทะลุค่าน้ำมันที่ประหยัด
ไปได้หรือเปล่า

ดูกระทู้ “เจาะสเป็ค X-Trail Hybrid” เพิ่มเติมสำหรับรายละเอียดเรื่องราคาและอุปกรณ์
คำเตือน: คนที่ซื้อ X-Trail ตัวเบนซินไปแล้วไม่ควรคลิก

อีกไฮไลท์ของบูธ Nissan ก็คือ NP300 Navara Sportech เกาะกระแสกระบะสปอร์ต
ตาม Wildtrak และ Storm ไปอีกคันด้วยชุดแต่งกระจังหน้าและกรอบไฟตัดหมอก
สี Smoke Chrome มีสเกิร์ทข้าง และบันได ล้ออัลลอย 18 นิ้วลายใหม่ และสปอร์ตบาร์
ใช้เครื่อง 2.5 ลิตร 190 แรงม้า ดีเซลเทอร์โบ มีให้เลือกทั้งบอดี้ 4 ประตู และ King Cab

Nissan_booth

Sleeper by Nissan มาจอดอยู่ข้างๆ Teana ตอกย้ำความเป็นพี่น้องกันอย่างชัดเจน
แต่ Sylphy Turbo นอกจากจะตัวเล็กกว่าเบากว่าแล้ว ยังใช้เครื่อง MR16DDT เทอร์โบ
190 แรงม้า มีมูนรูฟ ถุงลม 6 ใบ มีระบบรักษาการทรงตัวพร้อม มีกล้องมองหลัง ทั้งหมดนี้
ในราคา 999,000 บาท อย่างที่ J!MMY บอกล่ะครับ “It is NOW or NEVER” เพราะ
รถสเป็คแบบนี้ ราคาแบบนี้คงไม่มีมาอีกแล้วสำหรับ Nissan

ข่าวดี..แรงกว่ารถเครื่อง 2.5 ในค่ายตัวเองซะอีก
ข่าวไม่ค่อยดี..กินน้ำมันกว่ารถเครื่อง 2.5 ในค่ายตัวเองอีกเหมือนกัน แต่ถ้ารับได้ก็อย่ารีรอ

.

Peugeot-สิงห์โตยังยืนหยัด

Peugeot_Booth

Peugeot นั้นจะว่าไปแล้วก็เหมือนดารานิสัยดี..ตรงที่ไม่ค่อยทำตัวให้มีข่าว แต่พอถึงเวลา
จัด MotorExpo ทีไร ก็ยังมาร่วมงานด้วยอย่างสม่ำเสมอเพื่อบอกประชาชนว่าสิงห์โตฝรั่งเศส
ตัวนี้ยังอยู่นะ ไม่ได้ล้มหายตายจากไปไหน โดยท่านสามารถพบกับรถรุ่นที่คุ้นตากันแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นรถเก๋ง 408 เครื่อง 1.6 เทอร์โบ 163 แรงม้า อุปกรณ์ความปลอดภัยครบในราคา
1,290,000 บาท หรือรถตู้อย่าง Bipper 1.3 ลิตร และ Expert เครื่อง 2.0 ดีเซลเทอร์โบ
163 แรงม้าราคา 1,850,000 บาท

ส่วนที่เด่นในงานนี้ เห็นจะเป็นเจ้า 3008 Crossover ซึ่งใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตรเทอร์โบ
ของ PSA 156 แรงม้า แรงบิด 240Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ มีหลังคา
Panoramic Celio Roof และถุงลม 6 ใบ ตั้งราคาเอาไว้ที่ 2,390,000 บาท

ดูท่า ดูราคา เหมือนจะขายแข่งกับ MINI Countryman และ Mercedes-Benz GLA
ซึ่งงานนี้ขึ้นอยู่กับดีไซน์และชื่อชั้นของแบรนด์ว่าใครจะอยู่ใครจะไป

 

Porsche-ของแรงมาแล้ว
Highlight: 911 GT3 RS

Porsche_booth

AAS Auto Service นำ 911 GT3 RS “แรงที่สุดในสาย NA” ของ Porsche มาให้ชาวไทยได้ชมกัน
GT3 RS นั้น คือรถที่เน้นการใช้ขับแข่งแบบมอเตอร์สปอร์ตเป็นหลัก เพียงแต่ใส่อุปกรณ์ความปลอดภัย
ให้สามารถวิ่งบนถนนได้อย่างถูกกฏหมาย แน่นอนว่ามันเข้าใกล้คำว่ารถแข่งมากกว่า GT3 รุ่นธรรมดา
เสียอีก เครื่องยนต์ที่ใช้เป็นแบบ 6 สูบนอน 4.0 ลิตร ปรับจูนจนได้พละกำลัง 500 แรงม้า ปั่นรอบ
ได้ทะลุ 8,000 มีแรงบิด 460Nm และสามารถเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ได้ภายในเวลาแค่ 3.3 วินาที
และ 0-200 กม./ชม. ภายใน 10.9 วินาที  ระบบส่งกำลังมีเพียงแบบเดียวคือคลัตช์คู่ PDK
ขับเคลื่อนล้อหลัง GT3 RS รุ่นใหม่วิ่งรอบ Nurburgring ได้ภายใน 7 นาที 20 วินาที ซึ่งเร็วกว่า
Carrera GT อยู่ 9 วินาที

สำหรับราคานั้น ยังไม่มีการเปิดเผยแต่ประการใด

อย่างไรก็ตาม จาก Press Kit ที่ทาง Porsche ได้มอบให้เรามานั้น พบว่ามีรถตัวเด็ดที่ไม่ได้
โชว์ตัวในงานรอบสื่อมวลชนอยู่ มันคือ Cayman GT4 ซึ่งเป็น Cayman เวอร์ชั่น Hardcore
ที่เอาเครื่องยนต์ของ 911 ตัวที่แล้วมาใส่ และใช้เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ ตั้งราคาไว้ที่ 13.5 ล้านบาท
ส่วน Porsche 991 Carrera ตัวใหม่ ราคาอยู่ที่ 12,550,000 บาทและ Carrera S ราคา
14,550,000 บาท

.

Subaru-อกหักกับราคา Levorg แต่ XV ใหม่ดูดีขึ้น
Highlight: Levorg, XV ไมเนอร์เชนจ์ และรถต้นแบบ VIZIV II

Subaru_booth

Subaru มีการเปิดราคาใหม่ซึ่งจะใช้สำหรับปีหน้า ตรงนี้ใครที่ซื้อ Subaru ไปแล้ว
กรุณารีบ Scroll ผ่านไปเร็วๆนะครับ

Forester XT เทอร์โบ ราคาเหลือ 2,290,000 บาท Outback 2.5i-S เหลือ 2,490,000 บาท
WRX เกียร์ธรรมดาเหลือ 2,590,000 บาท เกียร์ CVT เหลือ 2,690,000 บาท และ WRX STi
เหลือ 3,150,000 บาท ..งานนี้หักอกคนที่ซื้อรถไปก่อนหน้านี้พอสมควร โดยเฉพาะ STi
เทียบกับตอนเปิดตัวนี่หายไป 300,000 บาทนะครับ ส่วน BRZ เกียร์ธรรมดาก็ราคา 2,150,000
และเกียร์อัตโนมัติ 2,220,000 ยังมีรถขายอยู่นะครับ ถามเซลส์มาให้แล้ว

Subaru_Levorg

ดาวเด่นดวงที่ 1..Subaru Levorg ซึ่งเป็นพี่น้องร่วมสาบานกับ WRX ใช้ลำตัวช่วงหน้า
แบบเดียวกัน ลักษณะช่วงล่างหน้าตาเหมือนกัน ลำตัวช่วงหลังจะเป็น WRX ผสมกับ Legacy Wagon
ใช้เครื่องยนต์ FB16DIT 1.6 ลิตร 4 สูบนอน หัวฉีดตรง เทอร์โบ 170 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250Nm
รุ่นที่ทางเมืองไทยได้มาขายนั้น เป็นรุ่น GT-S ซึ่งถือว่าเป็นตัวแพง (มีมูนรูฟมาให้ด้วย แต่ไม่มีระบบ
Eyesight และ Rear-Cross Traffic Detection) อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ผมได้ลองขับไปที่ไต้หวัน
และเก็งราคาเอาไว้ประมาณ 2 ล้านนั้น สรุปว่าราคาจริงเปิดมา 2,350,000 บาทครับ

เซลส์ถอดใจครับ ราคานี้อธิบายลูกค้ายากเหลือเกิน โดยเฉพาะในเมื่อ Forester 2.0 เทอร์โบมันถูกกว่า!
และเพิ่มเงินอีกแสนกว่าก็เล่น Outback ได้แล้ว งานนี้ต้องถามจริงๆว่าเป้ายอดขายต่อปี 120 คันนี่..
ปรับใหม่แล้วหรือยัง

อ่านรายละเอียด First Impression-Levorg ได้ที่นี่

Subaru_XVmncSubaru_XVmnc02

ในขณะเดียวกัน รถที่ดูให้ความหวังดีๆกับ Subaru ก็ยังคงเป็นผู้กู้ชาติอย่าง XV เช่นเคย
โดยเฉพาะรุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ นอกจากจะเปลี่ยนกันชนหน้าให้มีโครเมียมตัว L คว่ำกับเปลี่ยน
ไฟท้ายใหม่แล้ว จุดที่ดูดีขึ้นมากก็คือภายในของรถ หากเรายังจำกันได้ XV จะขึ้นชื่อมาตลอดว่า
การขับขี่ดีเยี่ยม แต่ภายในไม่สมกับราคาเรือนล้าน มาวันนี้ Subaru ปรับปรุงภายใน แม้จะเป็น
จุดเล็กๆแต่ก็ให้ภาพรวมที่ดีขึ้น ภาพภายในที่โชว์ข้างบนนี่คือรุ่น 2.0i ตัวถูก ราคา 1,098,000บาท
จะเห็นได้ว่าพวงมาลัยเปลี่ยนทรงใหม่ให้คล้าย WRX (แต่ด้านล่างพวงมาลัยจะไม่ตัดตรง) คันเกียร์
หุ้มหนังสวยขึ้น เบาะหนังเย็บตะเข็บด้ายส้ม แผงวัสดุตกแต่งดำเงา(เดิมสีเงิน) มีการขลิบขอบ
สีเงินรอบช่องแอร์ให้ด้วย ส่วนรุ่น 2.oi Premium ตัวท้อปราคา 1,198,000 บาทนั้น จะได้ชุดมาตรวัด
สีขาว/แสงน้ำเงินที่มีชุดจอ MID แบบของ WRX ส่วนจอบนตรงกลางแดชบอร์ดก็จะยกมาจาก
Levorg/WRX (ทำให้สวิตช์ไฟฉุกเฉินสั้นกุดลงด้วยเพราะต้องเผื่อที่ไว้สำหรับสวิตช์เลือกจอ)
มีชุดเครื่องเสียงทัชสกรีนพร้อมระบบนำทาง รองรับ Siri Eyes Free มีปุ่มสตาร์ทและ Smart Entry
เรียกได้ว่าถ้ามองดูภายในของรุ่นท้อปแล้ว หรูเกือบจะเท่า Levorg ไปเลย น่าจะทำแบบนี้ซะ
ตั้งแต่แรกแล้ว

Subaru_Concept

มาถึงรถต้นแบบกันบ้าง VIZIV 2 เป็นรถสไตล์ Crossover โดยคำว่า VIZIV นั้น ทาง Subaru
บอกว่ามันคือ “Vision for Innovation” ประตูคู่หน้าจะเปิดขึ้นแบบ Scissors Door คล้าย
Lamborghini และ McLaren 570S แต่ประตูคู่หลังจะเลื่อนสไลด์แบบรถตู้ รถคันนี้เคยโชว์ตัว
ในงานที่เจนีวามาก่อนแล้ว ขุมพลังของมันเป็นแบบไฮบริด โดยใช้เครื่องเบนซิน FB16DIT
1.6 ลิตรเทอร์โบ 170 แรงม้าที่ด้านหน้ากับมอเตอร์ ส่วนด้านหลังนั้นจะเป็นมอเตอร์อิสระติดตั้ง
ที่ล้อ ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อของมันทำงานโดยใช้ซอฟท์แวร์คุมการทำงานให้สัมพันธ์กัน
ในแต่ละล้อ ทำให้มันเป็นรถขับเคลื่อน 4 ล้อที่ไม่ต้องมีเพลากลาง

 

Suzuki-เปิดเวอร์ชั่นใหม่กระตุ้นยอด
New Version: Ciaz RS

Suzuki_booth

มากันครบทุกรุ่นสำหรับ Suzuki ไม่ว่าจะเป็น Eco car ตัวถังเท่า C-segment ราคาแตะ B-segment
อย่าง Ciaz หรือเพื่อนเก่าหน้าคุ้นอย่าง Swift และ Celerio แต่จำได้ว่า Suzuki มีพันธะสัญญากับ
พวกเราเอาไว้อย่างหนึ่ง เมื่อครั้งที่พวกเขาส่งรถให้เราทดสอบนานมาแล้วนั้น มีรถรุ่น Full-option
พร้อมชุดแต่งและล้อ 16 นิ้วมาให้เราลอง บทความก็อัพไปแล้ว แต่พอเปิดตัวจริง กลับไม่มีรุ่นดังกล่าว
โดยเจ้าหน้าที่ของ Suzuki บอกแต่เพียงว่า “เดี๋ยวจะมีรุ่นสูงกว่านี้ตามออกมา”

วันนี้ ก็คงเป็นจังหวะเหมาะแล้วที่จะเผยโฉมรถรุ่นนั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมื่อยอดขายของ Ciaz
ทำตัวเลขออกมาน้อยเกินคาด เป็นเรื่องประหลาดสำหรับรถ Ecocar ซึ่งปกติ Ecocar 4 ประตูจะขายดี
กว่าเวอร์ชั่น 5 ประตู แต่สำหรับ Swift กับ Ciaz มันกลับตรงกันข้ามกันไปเลย

Suzuki_CiazRS

และนี่ก็คือ New Suzuki Ciaz RS ซึ่งทาง Suzuki บอกว่าเป็น “ภาพลักษณ์ใหม่แห่ง Eco Car
สไตล์สปอร์ต” (สปอร์ตอีกละท่านผู้ชม) ใส่อุปกรณ์ตกแต่งเพิ่มเติม ภายนอก มีชุดสเกิร์ต
และสปอยเลอร์รอบคัน ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว ไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ ส่วนภายในนั้น
เพิ่มเบาะหุ้มหนัง และระบบความบันเทิงจอขนาด 7 นิ้ว รองรับ Apple CarPlay และมีระบบนำทาง
อย่างไรก็ตาม ราคาที่ตั้งไว้ก็ออกจะสูงสักหน่อยคือ 675,000 บาท (แพงชนะ Yaris TRD Sportivo
ราคา 629,000 ไปแล้วอย่างขาดลอย) แต่ถ้าคุณอยากลองอีโค่คาร์ มาดสปอร์ต ไซส์ C-Segment
ราคา B-Segment ล่ะก็ Ciaz RS อาจจะเหมาะก็ได้ครับ

อ่านรายละเอียด Ciaz RS เพิ่มเติมได้ที่นี่

.

Tata-กระบะและรถบรรทุกใช้งาน

Tata_Booth

ว่าจะไม่มีอะไรให้เขียนถึง แต่พอเดินผ่านแล้วก็อดชมเจ้ารถบรรทุกเล็ก SuperAce Mint
ที่จอดอยู่ตรงกลางนี้ไม่ได้ ดีไซน์ของมันอาจจะดูเหมือนรถบรรทุก 4 ล้อขนาดใหญ่
แต่ความจริงแล้วเจ้า Mint นี่ ขนาดตัวถังยาวแค่ 4,340 มม. และกว้างแค่ 1,565 มม.
เท่านั้น อาจจะดูแล้วแคบเมื่อเทียบกับรถเก๋งส่วนใหญ่ แต่ก็ทำให้มันสามารถวิ่งเข้าออก
ตามตรอกซอกซอยในเมืองใหญ่ได้อย่างสบาย แนวคิดคล้ายๆรถบรรทุกดัดแปลงขนาด
660 ซี.ซี. ของญี่ปุ่นที่บรรทุกได้มากและมีความคล่องตัวสูง แต่ SuperAce Mint จะมี
ขนาดบอดี้ที่โตกว่าชนิดที่คนไทยโอเค และใช้เครื่องดีเซล 1.4 ลิตร DICOR 70แรงม้า
แรงบิดสูงสุด 140Nm ความจุถังน้ำมัน 38 ลิตร มีระบบส่งกำลังแบบเดียวคือเกียร์ธรรมดา
5 จังหวะ

และที่จอดอยู่ไกลๆนั้นก็ยังมีปิคอัพ 150N X-Plore เครื่องดีเซล 2.2 ลิตร 150 แรงม้า
มีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Shift-on-the-fly และ Rear Diff. Lock มาให้ในราคา
734,900 บาท

 

Toyota/Lexus-หักปากกาสื่อฯกับ Avanza และหรูหราไปกับ RX
Highlight: Avanza ไมเนอร์เชนจ์, Sport Concept ของ Revo, FT-86 Open Concept และ Lexus GS
ไมเนอร์เชนจ์ และ RX ใหม่

ToyotaLexus_Toyobooth01

บูธ Toyota ปีนี้ยังคงคับคั่งไปด้วยรถในสายการผลิตเช่นเคย ไม่ว่าจะเป็น Yaris, Vios, Altis
ซึ่งเอาตัว ESport Nurburgring มาด้วย ไปจนถึง Camry ทั้ง ESport, Extremo และ Hybrid
และรถกระบะอย่าง Hilux Revo

ToyotaLexus_FT86OpenCOncept

รถเด่นในงานคันแรกก็คือ FT-86 Open Concept คันนี้ มันคือรถต้นแบบที่โชว์ตัวครั้งแรก
ตั้งแต่ปี 2013 เป็นการเอา 86 มาทำเป็นรถเปิดประทุน โดยให้ทาง Toyota Boshuku Milan Design
ช่วยทำการออกแบบขัดเกลาทั้งภายนอกและภายใน หลังคาผ้าใบทำงานด้วยระบบไฟฟ้า
ส่วนจะมีการผลิตจริงหรือไม่นั้น บอกได้เลยว่าถึงจะผลิตจริง ก็คงต้องมีการออกแบบใหม่หลายส่วน
เพราะรูปทรงที่เห็นอยู่นี้ทำขึ้นมาเพื่อโชว์เท่านั้น ยังไม่ได้ทำการทดสอบเรื่องความแข็งแรงของ
โครงสร้างเมื่อเกิดการชนหรือพลิกคว่ำ

ToyotaLexus_AvanzaToyotaLexus_RevoSport

รถเด่นอีกคันคือ Toyota Hilux Revo Sports Concept ซึ่งดูเหมือนจะเกาะกระแสกระบะลุคสปอร์ต
ไปกับ Ranger Wildtrak, Chevrolet Colorado Storm และ Navara NP300 SPORTECH
อีกหน่อยอาจจะมีผลิตขายจริงก็ได้ ส่วนรถอีกคันที่มาแบบ “หักปากกาสื่อ” เลยก็คือ Avanza
ซึ่งก่อนหน้านี้ ถาม Toyota กี่รอบก็บอกว่า “ไม่มาแล้ว รอบอดี้ใหม่ไปเลย” แล้วไงล่ะทีนี้ จู่ๆก็เอา
เวอร์ชั่นไมเนอร์เชนจ์ของอินโดนีเซียมาขายจนได้

Avanza ไมเนอร์เชนจ์นั้น มีการเปลี่ยนแปลงชัดสุดที่ด้านหน้ารถ สไตล์ใหม่ดูแล้วน่ารักกว่าเดิม
จนอยากจะตั้งชื่อในวงการให้เลยว่า Avanza โฉมแก้มยุ้ย นอกจากนี้แล้วภายในก็มีการเปลี่ยน
แดชบอร์ดและแผงมาตรวัดใหม่ รุ่นท้อปมีจอกลางขนาด 7 นิ้ว รองรับแอพพลิเคชั่น T-Connect
ส่วนเครื่องยนต์นั้นก็เป็นแบบ 2NR-FE ขนาด 1.5 ลิตร Dual-VVTi 102 แรงม้า รองรับน้ำมัน
เชื้อเพลิง E20 ราคาในรุ่นถูกสุดเกียร์ธรรมดาเริ่มต้นที่ 605,000 บาท ส่วนรุ่น 1.5S ตัวท้อป
ราคา 729,000 บาท มีให้เลือก 3 สีคือขาว ดำ และสีเงิน

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมและราคา Avanza ทุกรุ่น คลิกที่นี่

ToyotaLexus_Lexusbooth

ที่บูธ Lexus นั้นจะเน้นการโชว์ RX โฉมใหม่เป็นหลัง แต่ที่จริงก็มีรถ GS ไมเนอร์เชนจ์มาด้วย
โดยรุ่น GS250 เบนซิน 6 สูบ 2.5 ลิตรนั้นยกเลิกการทำตลาดไป แล้วแทนที่ด้วย GS200t
เครื่อง 8AR แบบเดียวกับ RX200t จากนั้นก็ยังมีรุ่น GS300h เครื่อง 2.5 ลิตรไฮบริด
ส่วนรุ่น GS350 V6 และ GS450h ก็ยังมีให้เลือกอยู่เหมือนเดิม ราคาเริ่มตั้งแต่ 4,590,000 บาท
ไปจนถึง 8,110,000 บาท

ToyotaLexus_RX200t

ส่วน RX ใหม่นั้นก็เพิ่งจะเปิดตัวไปเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน เรียกได้ว่าถ้าเป็นปลาก็ยังสด
ตาใสอยู่เลยด้วยซ้ำ งานนี้จะเน้นหนักไปที่รุ่น RX200t ซึ่งมีราคาเริ่มต้น 3,990,000 บาท
เป็นต้นไปในรุ่น Luxury ซึ่งออพชั่นจะยังไม่ถึงใจเท่าไหร่ ถ้าอยากหรูขึ้นมาหน่อยก็ต้องเล่น
รุ่น Premium ราคา 4,490,000 บาท ซึ่งในงานก็มีการนำมาจอดโชว์ให้ดูกัน ส่วนรุ่น F-Sport
ราคาตั้งไว้ 4,990,000 บาท ซึ่งจะยันราคานี้ถึงแค่ 13 ธันวาคมเท่านั้น หลังจากนั้นจะปรับเพิ่ม
อีก 100,000 บาท ดังนั้นอย่าคิดนานนะครับ (บางคนบอกคิดไม่นานหรอก คิดแป๊บเดียวแล้ว
เดินไปบูธยี่ห้ออื่นซะงั้น)

ส่วนรุ่น RX350 กับ RX450h ราคาจะอยู่ที่ 6,800,000 และ 7,600,000 บาทตามลำดับ
และจะนำมาขายเมื่อมีลูกค้าทำการสั่งซื้อเท่านั้น สองรุ่นท้อปนี้จะมีระบบ Auto-brake
และ Radar Cruise Control ซึ่ง RX200t จะไม่มีมาให้

ดูโฉมคันจริงของเวอร์ชั่น RX200t ได้ที่นี่

.

Volkswagen-Cut และ Paste จากปีที่แล้ว

VW_booth

ดูหน้าบูธแล้วไม่ต้องพูดอะไรมาก ผมใช้วิธีเดินไปถามเจ้าหน้าที่ประจำบูธว่างานนี้มีรถรุ่นใหม่
เปิดตัวมั้ย คำตอบคือไม่มีค่ะ ดังนั้นก็จะยังพบ Caravelle กับ Multivan อยู่เช่นเคย

อยากให้ Volkswagen รีบเคลียร์เรื่องดีเซลดราม่าซะ แล้วเริ่มกำหนดทิศทางเสียทีว่าจะเอาอย่างไร
กับประเทศไทยต่อไป คนรอซื้อ GTi Mk7 กับ Golf R ยังมีอยู่นะเออ

 

Volvo: ชู V40 รุ่นพิเศษจำนวนจำกัด
New Model: V40 T5R Pole Star Limited 245HP

Volvo_Booth

มันต้องโมเดลพิเศษอย่าง V40 T-5R-Limited PoleStar นี่ล่ะที่เด่นที่สุด
เพราะในเมืองไทยจะมีการขายรถรุ่นนี้แค่ 28 คันเท่านั้น ใช้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร
ปรับแรงม้าเพิ่มด้วยการจูนกล่อง PoleStar กลายเป็น 245 แรงม้า แรงบิดสูงสุด
ขยับขึ้นเป็น 350Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ ภายนอกมีการตกแต่งเพิ่มเติมด้วย
ชุดแต่งและล้ออัลลอยลายใหม่ขนาด 18 นิ้ว มีเฉพาะสีขาวเท่านั้น

ถ้าใครสนใจ ต้องรีบจองภายในงาน MotorExpo นี้เท่านั้น ราคาตั้งเอาไว้แค่ 1,999,000 บาท
(แพงกว่า A180 ไมเนอร์เชนจ์ แค่ 9,000 บาท แต่ได้ม้าเยอะกว่ากันกว่าร้อยตัว)

.

z_ending

อ่ะ..นั่นละฮะท่านผู้ชม

อย่าลืมแวะเวียนไปเยี่ยมชมงาน MotorExpo ส่งท้ายปี ใครจะซื้อหารถ ก็อย่าลืมดูเงื่อนไข
ตกลงทำสัญญากันให้ดีๆว่าราคาตามปีนี้ หรือราคาตามสรรพสามิตปีหน้า จะได้ไม่มีปัญหากัน
ในภายหลัง

ว่าแต่..MX-5 ใหม่นี่..มันแคบจริงๆพับผ่าดิ..หรือว่าตัวเราเองฟระที่อ้วนเกินไป?

 

.


Pan Paitoonpong
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และภาพถ่าย โดยผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
2 ธ.ค. 2015

Copyright (c) 2014 Text and Pictures
Use of such content either in part
or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
December 2nd, 2015

Copyright © 2009-2015 Headlightmag.com, All rights reserved.