การแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อหลายภาคส่วนในประเทศไทย รวมทั้งธุรกิจอุตสาหกรรมยานยนต์ด้วยเช่นกัน เนื่องจากประชาชนต้องปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และการทำงาน ลูกค้าหลายรายไม่กล้าจับจ่าย และชะลอการตัดสินใจซื้อรถยนต์ออกไปก่อน ทำให้สถานการณ์ในภาพรวมด้านยอดขายรถยนต์ ทั้งในประเทศไทย และทั่วโลก ลดลงอย่างเห็นได้ชัด

ล่าสุด Honda ประเทศไทย ก็ได้ออกมาประกาศผลการดำเนินงานในระหว่างสถานการณ์ COVID-19 ช่วงครึ่งปีแรกของปี 2563 ด้วยยอดจำหน่ายสะสมระหว่างเดือน มกราคม – มิถุนายน 2563 จำนวนทั้งสิ้น 41,326 คัน หรือคิดเป็น 29.2% สูงสุดเป็นอันดัน 1 ในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่ง จากจำนวนยอดขายรถยนต์นั่ง ทั้งหมด 141,366 คัน แต่ทว่าลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ที่มียอดขาย 64,699 คัน หรือ ลดลง 36%

กระนั้น เมื่อมองภาพรวม สถานการณ์ในตลาดตอนนี้ ถือว่ายังดีกว่าปริมาณการณ์ที่ Honda เคยคาดเอาไว้ว่าในช่วงเดือนเมษายน น่าจะตกต่ำลงมากกว่านี้ แต่จากตัวเลขยอดขายที่เกิดขึ้น น่าจะมาจาก ผู้บริโภค อั้น กำลังซื้อไว้ในช่วงที่ผู้ติดเชื้อจำนวนมาก จนต้องเกิดมาตรการ Lock down แต่หลังจากที่สถานการณ์ตัวเลขผู้ติดเชื้อดีขึ้น ผู้คนเริ่มมองเห็นความจำเป็นในการซื้อรถยนต์ส่วนบุคคลมาใช้เพิ่มขึ้น ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้สถานการณ์ยอดขายไม่ย่ำแย่ลงจนเกินไป

โดยยอดขาย ทั้งหมด 41,326 คัน แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ ดังนี้

  • City : 16,950 คัน
    • (ส่วนแบ่งการตลาด 39.3%)
  • Civic (Sedan & Hatchback) : 8,656 คัน
    • (ส่วนแบ่งการตลาด 56.7%)
  • HR-V : 3,667 คัน
    • (ส่วนแบ่งการตลาด 33%)
  • Honda CR-V : 1,978 คัน
    • (ส่วนแบ่งการตลาด 43%)
  • Accord : 2,270 คัน
    • (ส่วนแบ่งการตลาด 45.3)
  • Jazz / BR-V / Brio / Mobillio : 7,805 คัน

ในขณะที่งานมหกรรมจัดแสดงยายนต์ Bangkok International Motor Show 2020 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 15 – 26 กรกฎาคม ที่ผ่านมา รถยนต์ Honda ก็มีจอดจองทั้งหมด 2,001 คัน

นอกจากนี้ ยังเผยกลยุทธ์ และทิศทางการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย ในช่วงครึ่งหลังของปี 2563 โดยด้านการขายและการตลาด จะเพิ่มความเข้มข้นของการทำตลาดออนไลน์มากขึ้น ยกระดับรูปแบบการจัดกิจกรรมออนไลน์ ให้สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ปรับรูปแบบการจัดแสดงในมหกรรมยานยนต์ต่างๆ โดยยึดแนวคิดหลัก Less Is More ลดความเสี่ยงด้วยการเพิ่มระยะห่างระหว่างผู้คนที่เข้ามาเยี่ยมชมบูธ

ส่วนด้านการบริการหลังการขาย มีการปรับกลยุทธ์ เพื่อให้ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตของลูกค้าแบบปกติใหม่ หรือ New Normal มากขึ้น โดยเพิ่มประสิทธิภาพในงานด้านต่างๆ ดังนี้

  • Online Booking – ส่งเสริมระบบการจองคิวออนไลน์
  • Super Fast Tech – เพิ่มประสิทธิภาพการบริการให้รวดเร็วยิ่งขึ้น
  • Roadside Assistance – บริการช่วยเหลือนอกสถานที่ 24 ชั่วโมง
  • Drop & Go Service – นัดหมายและยืนยันการบริการล่วงหน้า โดยไม่ต้องรอรับการบริการที่ศูนย์บริการ เพียงจอดรถ พร้อมฝากกุญแจไว้  และชำระเงินผ่านช่องทางออนไลน์ (e-Payment)
  • Home Service – บริการอำนวยความสะดวกในการดูแลรถยนต์ (บางรายการ) ถึงบ้าน

อีกทั้งด้าน Digital Transformation ยังมีการสร้างพื้นฐานที่แข็งแกร่งของทั้งองค์กร โดยนำ Digital Technology มาใช้ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาด รวมถึงริเริ่มโปรเจกต์ Blockchain Innovative Technology (BIT) เพื่อรองรับ Big Data และการเปลี่ยนแปลงทางด้านเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

นายพิทักษ์ พฤทธิสาริกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารปฏิบัติการ Honda Automobile (Thailand) กล่าวว่า

“ในช่วงครึ่งปีหลัง 2563 สถานการณ์โควิดในประเทศไทย เริ่มคลี่คลาย ทิศทางของตลาดอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย มีแนวโน้มดีขึ้นกว่าต้นปีแรก แต่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง เพราะตลาดยังมีความอ่อนไหว หากเกิดเหตุการณไม่คาดคิด ซึ่งอาจทำให้ประชาชนกลับมาระวังการใช้ชีวิต และการใช้เงินอีกครั้ง

Honda ได้ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ในการดำเนินงานหลายด้าน เพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมของลูกค้ายุคใหม่ และยังคงมาตรการ  Social Distancing” ในโชว์รูมและศูนย์บริการ รวมถึงทุกพื้นที่ในการดำเนินธุรกิจต่อไป Honda คาดว่าตลาดรถยนต์รวมในปี 2563 จะมียอดขายรวม 680,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 32% โดยเป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคล 340,000 คัน ลดลงจากปีก่อน 35% และในส่วนของรถยนต์ Honda คาดการณ์ว่ายอดขายจะลดลงจากปีก่อนประมาณ 25%”

——————-///——————–