MINI John Cooper Works GP รหัสที่ดิบที่สุดของ MINI ได้เปิดตัว Generation ที่ 3 แล้ว โดยคงความดิบเหมือนเดิมด้วยการนำตัวถัง 3 ประตู มาเพิ่มแรงม้าจนแรงกว่า MINI John Cooper Works รุ่นปกติขึ้นมาอีก 75 แรงม้า เสริมด้วยการตกแต่งพิเศษทั้งภายนอก พร้อมไล่เบาภายใน ให้สมกับการเป็นรุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด

MINI John Cooper Works GP มาพร้อมกับชุดแต่งเฉพาะรุ่นรอบคัน ประกอบด้วย กันชนหน้า – หลัง, สเกิร์ตข้าง, สปอยเลอร์หลัง 2 ชั้น, ท่อไอเสียปลายคู่ ขนาด 90 มิลลิเมตร ยิงออกกลาง และโป่งล้อหน้าหลังทำจาก CFRP เพื่อรองรับล้อ Forged ลายใหม่น้ำหนักเบา ขนาด 18 x 8.0 นิ้ว รัดด้วยยาง 225/35 สีตัวถังมีให้เลือกสีเดียวกับ สีเทา Racing Grey Metallic ตัดด้วยสีเงิน, สีดำ และสีแดง รอบคัน

 

ห้องโดยสารเน้นน้ำหนักเบา นำไปสู่การถอดเบาะหลังออกคงเหลือเพียง 2 ที่นั่ง ทั้งยังถอดวัสดุซับเสียงออก ช่วยเพิ่มอรรถรสในการขับขี่ เบาะ JCW เป็นทรง Sports หุ้มด้วย Dinamica และหนัง พวงมาลัยเป็นของ JCW หุ้มหนังเช่นกัน พร้อมระบุตำแหน่ง 12 นาฬิกา ส่วนการตกแต่งเน้นคุมโทนดำ ตัดด้วยสีแดงและสีเงินประปราย ปิดท้ายด้วยมาตรวัดขนาด 5 นิ้ว แบบเฉพาะรุ่น พร้อมหน้าจอสัมผัส ขนาด 6.5 นิ้ว

ขุมพลังของ MINI John Cooper Works GP เป็นเครื่องยนต์เบนซิน แบบ 4 สูบ ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ อัตราส่วนกำลังอัด 9.5 : 1 กำลังสูงสุด 306 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,250 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Steptronic 8 จังหวะ ทำอัตราเร่ง 0 – 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง ภายใน 5.2 วินาที ความเร็วสูงสุดอยู่ที่ 265 กิโลเมตร/ชั่วโมง

จุดยึดต่างๆ รอบคันและแชสซีส์ปรับแต่งใหม่ให้เฟิร์มกว่าเดิม ช่วงล่างยกชุดใหม่เช่นกัน เตี้ยลงจาก MINI JCW 10 มิลลิเมตร ส่วนระบบช่วยการทรงตัว DSC เพิ่มรูปแบบพิเศษนาม GP พัฒนาขึ้นจากสนาม Nürburgring ภายใต้โจทย์ขับมันส์เหมือน Go-Kart ระบบเบรกด้านหน้า ใช้จานเบรกขนาด 360 x 30 มิลลิเมตร พร้อมคาลิปเปอร์สีแดง Chili Red ขนาด 4 สูบ ส่วนคาลิปเปอร์หลังมีขนาดสูบเดียว

MINI John Cooper Works GP เปิดตัวแล้วในงาน Los Angeles Auto Show 2019 ณ สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทุกคันจะผลิตขึ้นที่โรงงานใน Oxford ประเทศอังกฤษ และจำกัดจำนวนการผลิตไว้ที่ 3,000 คัน กำหนดการส่งมอบทั่วโลกคาดว่าจะเริ่มต้น ในเดือนมีนาคม 2020

 

ที่มา : MINI