เชื่อว่าผู้อ่านหลายคนยังยอมเมื่อยเหยียบคลัตช์ ฝ่าการจราจรอันแสนสาหัสในบ้านเรา เพื่อรักษาความรู้สึกของการเหยียบคลัตช์ ยัดเกียร์เอาไว้ วันนี้เราจะพาคุณไปรับรู้ถึงสถานการณ์ของเกียร์ธรรมดาในตลาดโลก รวมไปถึงเทคโนโลยีใหม่ของเกียร์ธรรมดาที่เป็นไปได้ในอนาคตจาก Schaeffler ผู้ผลิตเกียร์ที่ยังคงมุ่งพัฒนาเพื่อรักษาอนาคตของเกียร์ชนิดนี้เอาไว้ในชื่อ E-Clutch

แน่นอนว่าถ้าหากดูจากยอดขายรถยนต์เกียร์ธรรมดาในบ้านเรา ก็คงจัดเป็นชนกลุ่มน้อย แต่ตามสถิติในตลาดโลกจาก Schaeffler จะเห็นได้ว่ายอดผลิตเกียร์ธรรมดาในปี 2016 ยังคงครองแชมป์อันดับ 1 ด้วยสัดส่วน 44% เลยทีเดียว ตามมาด้วยเกียร์อัตโนมัติแบบทอร์คคอนเวอร์เตอร์ (35%) เกียร์อัตโนมัติแบบ CVT (13%) และเกียร์อัตโนมัติแบบคลัตช์คู่ (8%)

Schaeffler ยังประเมินด้วยว่าเกียร์ธรรมดาจะยังคงครองแชมป์ต่อไปจนถึงปี 2025 ด้วยสัดส่วน 41% ตามมาด้วยเกียร์อัตโนมัติ 29%, เกียร์อัตโนมัติ CVT 17% และ เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch 13%

เมื่อมาวิเคราะห์ยอดจำหน่ายเกียร์ในแต่ละพื้นที่ตามสถิติปี 2014 จะเห็นได้ว่า ยอดผลิตเกียร์ธรรมดาสำหรับตลาด NAFTA (อเมริกาเหนือ) และ ญี่ปุ่นยังถือเป็นชนกลุ่มน้อย แต่กลับกันในยุโรป, จีน และ อินเดีย ที่ยอดผลิตเกียร์ธรรมดาครองสัดส่วนเกินครึ่ง จนดึงตัวเลขยอดผลิตเกียร์ธรรมดาทั่วโลก (ROW – Rest of World) ขึ้นสู่อันดับ 1 ทันที ทั้งยังมีการประเมินเอาไว้ว่าจะสูงขึ้นอีกในปี 2020 อีกด้วย

แม้ว่าอนาคตของเกียร์ธรรมดาจะยังคงดูสดใสอยู่ แต่มีรายงานว่าผู้ผลิตเกียร์อย่าง Schaeffler หนึ่งใน supplier หลักที่ผลิตเกียร์ธรรมดาให้กับ BMW และ MINI มีแผนที่จะพัฒนาเกียร์ธรรมดายุคใหม่ออกมา ซึ่งแบ่งออกเป็น 3 ประเภทด้วยกัน ดังนี้

  1. คลัตช์ไฟฟ้าแบบ E-Clutch (Electronically Support Clutch)

คลัตช์แบบใช้อิเล็กทรอนิกส์ควบคุม ซึ่งสามารถทำงานทั้ง 2 โหมด ระหว่างปล่อยให้คนขับเหยียบเอง หรือไม่ต้องเหยียบ แต่ให้ระบบคุมคลัตช์ให้ แนวทางนี้จะเป็นการปูทางไปสู่เกียร์ธรรมดาลูกผสม เพื่อนำไปสู่การขับขี่อย่างประหยัด และ เพื่อทำให้เกียร์ธรรมดาผ่านมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อม ที่จะเข้มงวดมากขึ้นในอนาคต

  1. คลัตช์อัจฉริยะ (Intelligent Clutch Pedal)

มีแป้นคลัตช์ให้คนขับเหยียบ แต่เมื่อเหยียบแป้น จะไม่ได้ส่งแรงกระทำไปที่ตัวคลัตช์โดยตรง (แบบคลัตช์สาย หรือ คลัตช์น้ำมันที่เราคุ้นเคยกัน) แต่ไปสั่งการระบบไฟฟ้าซึ่งจะออกคำสั่งไปที่ระบบกลไก หรือไฮดรอลิกอีกที เพื่อทำการปล่อย/จับคลัตช์ตามความเหมาะสม

สิ่งที่เพิ่มมาในระบบคือเซนเซอร์ที่ Actuator ที่คอยควบคุมการเปิด – ปิดของคลัตช์ ภายใต้การขับขี่ทุกรูปแบบ โดยคนขับจะไม่รู้สึกถึงการทำงานของระบบแป้นเหยียบอัตโนมัตินี้เลย

คลัตช์อัจฉริยะแบบนี้ มาพร้อมกับ Actuatorไฟฟ้า, e-motor และ spindle drive โดยตัวเชื่อมต่อของ Actuator จะเป็นแบบกลไกหรือไฮดรอลิกก็ได้ ส่วนการออกแบบนั้นจะทำออกมาให้เป็นแบบที่สามารถในไปใช้กับเกียร์สำหรับรถรุ่นอื่นๆได้หลายรุ่น สลับชิ้นส่วนใช้กันได้หลายชิ้น เพื่อช่วยลดเวลาในการพัฒนาและต้นทุนการผลิต

คลัตช์ไฟฟ้ายังให้สมรรถนะที่ดีกว่า เนื่องจากเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างรวดเร็วและใช้ในการเบรกฉุกเฉินได้ด้วย สมรรถนะของเทคโนโลยีนี้สามารถพบได้ใน เทคโนโลยีรถรถยนต์เครื่องยนต์เบนซิน (GTC – Gasoline Technology Car) ที่ Schaeffler ร่วมพัฒนากับ Continental และ Ford จนลดอัตราบริโภคเชื้อเพลิง และ ค่ามลพิษลงได้ 17%

  1. เกียร์ไร้แป้นเหยียบคลัตช์ (Pedal-less Clutch)

Electronic Clutch Management (ECM) มีพื้นฐานเหมือนกับคลัตช์ไฟฟ้าข้างบน.. เพียงแต่ไม่มีแป้นคลัตช์มาให้เหยียบ มีชุดควบคุมซึ่งทำหน้าที่ตัดกำลังในระหว่างที่ผู้ขับขี่กำลังเปลี่ยนเกียร์ และ ถ่ายถอดกำลังอีกครั้งเมื่อเลือกตำแหน่งเกียร์ต่อไปแล้ว ระบบนี้มีความเหมาะสมสำหรับใช้ในรถไฮบริดที่มีการผนวกมอเตอร์เข้าเป็นส่วนหนึ่งของเกียร์ และ ใช้ระบบไฟฟ้าขนาด 48 โวลต์มาด้วย เพื่อเอาไว้ใช้เวลาที่เครื่องยนต์ทำงานไม่เต็มที่ เช่น ช่วงที่มีการจราจรเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ หรือระหว่างจอด

นับว่าเป็นนวัตกรรมที่น่าสนใจไม่น้อยเลยสำหรับขั้นต่อไปของเกียร์ธรรมดา แต่ว่าเกียร์ธรรมดา E-Clutch จะสามารถดึงความสนใจจากผู้ที่ชื่นชอบในเกียร์ธรรมดาแบบดั้งเดิมได้มากน้อยแค่ไหนในเมื่อความสนุกในการขับ และความสามารถพิเศษที่ทำให้คนหลงใหลเกียร์ธรรมดานั้น ส่วนหนึ่งมาจากการให้คนขับใช้เท้าซ้ายเหยียบ/ปล่อย ตัดต่อกำลังได้ตามใจปราถณา

 

ที่มา: bimmerfile