ชาวออสเตรเลียที่สนใจใน Ford Everest มีทางเลือกรุ่นย่อยเพิ่มเติมในชื่อ BaseCamp โดยนำรุ่นย่อย Trend มาติดตั้งอุปกรณ์ตกแต่งพิเศษรอบคัน คิดรวมมูลค่ากว่า 6,000 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ราว 132,000 บาท) แต่บริษัทคิดเงินลูกค้าเพิ่มจากค่าตัว Trend เพียง 2,000 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ราว 44,000 บาท) เท่านั้น

อุปกรณ์ที่เพิ่มเข้ามาใน Ford Everest BaseCamp ประกอบด้วย โลโก้ BaseCamp ข้างประตู, กระจังหน้าสีเทา, ครีบระบายอากาศแก้มคู่หน้า, แผ่นกันกระแทกด้านหน้า – ด้านหลัง, ราวหลังคาสีดำ, สน็อคเกิล, กันชนเหล็กด้านหน้าสีดำ เส้นผ่านศูนย์กลาง 76 มิลลิเมตร พร้อมแถบไฟ LED และ หูลากรถรองรับน้ำหนัก 3,000 กิโลกรัม ในรุ่น 3.2 ลิตร เทอร์โบ หรือ 3,100 กิโลกรัม ในรุ่น 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่

ขุมพลังของ Ford Everest BaseCamp ไม่แตกต่างจากรุ่นปกติ และ มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกสองรุ่นดังนี้

  • 3.2 ลิตร เทอร์โบ

แบบ 5 สูบ ขนาด 3,198 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 89.9 x 100.76 มิลลิเมตร เทอร์โบ กำลังสูงสุด 192 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ

  • 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่

แบบ 4 สูบ ขนาด 1,996 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.01 x 90.00 มิลลิเมตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 210 แรงม้า ที่ 3,750 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ ขับเคลื่อนสี่ล้อ

ระบบความปลอดภัยใน Ford Everest BaseCamp มีทั้งระบบลดความเร็วโดยอัตโนมัติ พร้อมตรวจจับคนเดินถนน, ระบบรักษารถยนต์ในช่องจราจร พร้อมหน่วงพวงมาลัย, ระบบล็อคความเร็วโดยอัตโนมัติแบบแปรผัน, ระบบจดจำป้ายจราจร และ อื่นๆ อีกหลายรายการ

Ford Everest BaseCamp พร้อมออกจำหน่ายแล้วที่ออสเตรเลีย ในฐานะรุ่นพิเศษผลิตจำนวนจำกัด 450 คัน สนนราคาจำหน่ายเริ่มต้น แบ่งตามประเภทเครื่องยนต์ และยังไม่รวมภาษีนำเข้าของประเทศไทยดังนี้

  • 3.2 ลิตร เทอร์โบ ราคา 64,990 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ราว 1,437,000 บาท)
  • 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ราคา 66,490 ดอลล่าร์ออสเตรเลีย (ราว 1,470,000 บาท)

 

ที่มา: motor1, carscoops