นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติอเมริกันอย่าง Ford ก็ว่าได้ เนื่องจากบริษัทได้ประกาศเตรียมยุติการทำตลาดรถยนต์นั่งทุกรุ่นในสหรัฐฯ ภายในไม่อีกกี่ปีข้างหน้านี้ โดยจะคงเหลือไว้แค่ 2 รุ่นเท่านั้น และ จะหันไปให้ความสำคัญกับการทำตลาดรถยนต์ SUV และรถกระบะแทน

Ford สหรัฐฯ ได้ประกาศในวันที่ 25 เมษายนที่ผ่านมา ว่าบริษัทเตรียมที่จะไม่ลงทุนเพิ่มในรถยนต์ Sedan สำหรับตลาดอเมริกาเหนืออีกต่อไป ทั้งยังจะลดจำนวนรถยนต์นั่งเหลือเพียง 2 รุ่น ในอนาคตอันใกล้ ประกอบไปด้วย คือ Focus Active (สไตล์ครอสโอเวอร์ ด้วยช่วงล่างยกสูง พร้อมเสริมกาบพลาสติกสีดำรอบคัน) และ Mustang เท่านั้น สำหรับอนาคตของรถยนต์นั่งที่เหลือ มีรายละเอียดโดยสังเขป ดังนี้

  • Ford C-Max รถยนต์ Hybrid หนึ่งเดียวของบริษัท จะออกจากตลาดในเดือนพฤษภาคมนี้ ส่วน C-Max Energi รถยนต์ Plug-in Hybrid นั้นสูญหายไปตั้งแต่ปี 2017 แล้ว
  • Ford Fiesta Hatch & Sedan จะออกจากตลาดในเดือนพฤษภาคม 2019
  • Ford Focus Hatch & Sedan อาจหยุดผลิตในปี 2019
  • Ford Fusion พึ่งเปิดตัวรุ่น Minorchange ไปไม่นาน ดังนั้น รถยนต์รุ่นนี้น่าจะอยู่ทำตลาดอีก 2-3 ปี ข้างหน้า
  • Ford Taurus จะหยุดการผลิตในเดือนมีนาคม 2019

Jim Farley ผู้ดำรงตำแหน่ง President of Global Markets ของ Ford ยังระบุด้วยว่าในอนาคต ยอดผลิต 86% ของรถยนต์ Ford ในสหรัฐฯ จะเป็นรถยนต์ SUV และรถกระบะ ทั้งนี้ บริษัทระบุว่า Ford ไม่ได้ทอดทิ้งลูกค้า เพราะจะมีการพัฒนารถยนต์ Sedan ที่ลูกค้าต้องการไปเป็นรถยนต์แบบอื่นมาตอบโจทย์แทน โดย Ford เรียกโครงการพัฒนารถยนต์ที่จะมาแทนที่รถยนต์ Sedan ดั้งเดิมว่า White Space

White Space เป็นการศึกษาการออกแบบรถยนต์ครอสโอเวอร์ ที่แตกต่างออกไปด้วย ช่วงล่างยกสูง, ตกแต่งด้วยกาบพลาสติก และขับเคลื่อน 4 ล้อ ส่วนรถยนต์ SUV และรถกระบะที่ Ford จะเพิ่มความสำคัญในอนาคต ประกอบไปด้วย Explorer, Escape, Bronco และ F-150 นอกจากนั้น ยังมีแผนเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า EV อีก 15 รุ่น ภายในปี 2022 โดยคันแรกจะเปิดตัวในปี 2020

Ford ยังระบุด้วยว่าการเปลี่ยนแปลงทิศทางการทำตลาดรถยนต์ในครั้งนี้ ไม่ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ซ้ำยังจะทำให้เกิดผลกำไรที่สูงกว่า เนื่องจากกำไรต่อหน่วยมากกว่านั่นเอง และบริษัทได้ประเมินว่ามูลค่าการลงทุนตามแผนดังกล่าว ระหว่างปี 2019 – 2022 มีมูลค่าราว 29,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 912,000 ล้านบาท) ซึ่งต่ำกว่าที่ประเมินไว้ในตอนแรกถึง 5,000 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 157,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว

 

ที่มา: caranddiver, autocar


สาเหตุที่ Ford หยุดทำตลาดรถยนต์นั่งในสหรัฐอเมริกา เพราะมันไม่สามารถทำกำไรได้