ตลาดรถยนต์ในประเทศฝรั่งเศสไม่แตกต่าง จากประเทศอื่นที่นิยมรถยนต์ SUV แม้จะต้องยอมรับว่ารถยนต์ประเภทนี้มีน้ำหนักเยอะ ทำให้มีค่าปล่อยมลพิษสูงและมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงมาก ภาครัฐของฝรั่งเศสต้องการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เป็นเหตุให้สภามีมติเพิ่มเพดานค่าปรับภาษีรถยนต์ ที่มีค่ามลพิษสูงจากเดิมที่ปรับอัตรา 12,500 ยูโร (ราว 421,000 บาท) เป็น 20,000 ยูโร (ราว 673,000 บาท)

แม้ภาครัฐไม่ได้กำหนดว่า ค่าปรับจะมีผลกับเฉพาะรถยนต์ SUV แต่รถยนต์ประเภทนี้จะได้รับผลกระทบมากที่สุด รวมไปถึงรถบรรทุกด้วย โดยรัฐมนตรีกระทรวงการคลังได้คำนวณว่า ค่าปรับภาษีรวมทั้งปีจากรถยนต์ SUV อย่างเดียวอาจสูงถึง 50 ล้านยูโร (ราว 1,684 ล้านบาท) และนโยบายนี้ยังเป็นการผลักดันให้ภาคเอกชน นำรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมออกสู่ตลาดมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐฝรั่งเศสกลับพิจารณาลดเงินสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า และรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฮโดรเจนจากเดิม ที่จะมอบเงินสนับสนุนสูงสุด 6,000 ยูโร (ราว 202,000 บาท) แก่ผู้ซื้อรถยนต์พลังงานทางเลือกที่มีราคาต่ำกว่า 45,000 ยูโร (ราว 1,516,000 บาท) โดยเงินสนับสนุนก้อนนี้จะยังคงอยู่ในปี 2020 แต่จะลดน้อยลงในปี 2021 และ 2022

ภาครัฐได้มอบเงินสนับสนุนดังกล่าวไป 550 ล้านยูโร (ราว 18,000 ล้านบาท) ในปีที่ผ่านมา จึงไม่น่าแปลกใจว่าเหตุใด รัฐบาลถึงเตรียมลดเงินสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า EV ทั้งนี้ การตัดสินใจดังกล่าวถูกวิจารณ์จากบริษัทรถยนต์ ที่มองว่ารถยนต์ไฟฟ้าไม่สามารถโตได้ หากไม่มีการสนับสนุนจากภาครัฐ ส่วนประชาชนโดนทั้งขึ้นทั้งล่อง เพราะราคาจำหน่ายของทั้งรถยนต์ธรรมดา และรถยนต์ไฟฟ้าสูงขึ้น

มีการวิเคราะห์ว่านโยบายนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์, สิ่งแวดล้อม และ กำลังซื้อของชาวฝรั่งเศส เห็นทีเราต้องติดตามว่าแล้วว่า ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะรับมือกับปัญหา ที่อาจเกิดขึ้นจากนโยบายนี้อย่างไร และผลกระทบจะร้ายแรงอย่างที่คาดหรือไม่

 

ที่มา: europe.autonews, carscoops