เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2021 กลุ่มบริษัท Groupe Renault ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในชื่อ RENAULUTION มีเป้าหมายหลักในการขับเคลื่อนธุรกิจจากการเน้น ปริมาณสู่คุณค่า (volume to value) พร้อมแบ่งระยะเวลาการดำเนินงานออกเป็น 3 ช่วงเวลาดังนี้

  • การคืนชีพ (Resurrection) เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2023 เน้นผลกำไรและกระแสเงินสด
  • การปรับปรุง (Renovation) เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2025 เปิดตัวผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ พร้อมขยายทางเลือกรุ่น เพื่อนำไปสู่ผลกำไรของบริษัท
  • การปฏิวัติ (Revolution) เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2025 เป็นต้นไป ขับเคลื่อนบริษัทสู่ยุคเทคโนโลยี, พลังงาน และ การเคลื่อนย้าย เพื่อให้ Groupe Renault กลายเป็นบริษัทชั้นนำในวงการเคลื่อนย้ายยุคใหม่

นอกจากนั้น Groupe Renault ยังมีการตั้งเป้าหมายทางการเงิน ดังรายละเอียดต่อไปนี้

  • ในปี 2023 จะทำกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มได้ 3% หรือ มีกระแสเงินสดสำหรับดำเนินธุรกิจยานยนต์ประมาณ 3,000 ล้านยูโร (ราว 109,000 ล้านบาท) พร้อมทั้งลดมูลค่าการลงทุนราว 8%
  • ในปี 2025 จะทำกำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มได้ 5% หรือ มีกระแสเงินสดสำหรับดำเนินธุรกิจยานยนต์ประมาณ 6,000 ล้านยูโร (ราว 218,000 ล้านบาท)

มีการระบุเอาไว้ด้วยว่า Groupe Renault จะไม่วัดค่าความสำเร็จในการดำเนินงาน จากส่วนแบ่งทางตลาดอีกต่อไป แต่จะไปวัดจากผลกำไร, การก่อให้เกิดเงินสด และ ประสิทธิภาพในการลงทุนแทน สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจของแต่ละบริษัทในกลุ่มทั้งสี่แบรนด์ มีรายละเอียดโดยสังเขปดังนี้

Renault

เน้นความทันสมัยและนวัตกรรม พุ่งเป้าไปที่จุดแข็งของแบรนด์ใน C-Segment ต่อยอดความสำเร็จในยุโรป รวมไปถึงตลาดหลักอย่างละตินอเมริกาและรัสเซีย พร้อมตั้งเป้าเป็นผู้นำในด้านขุมพลังไฟฟ้า ภายในปี 2025 โดยเฉพาะในยุโรป ในส่วนของผลิตภัณฑ์ มีแผนเปิดตัวรถยนต์รุ่นหลัก 14 รุ่นใหม่ ภายในปี 2025 โดย 7 รุ่นในนี้เป็น EV ที่เหลือจะใช้ระบบ Hybrid ทั้งยังระบุด้วยว่า 7 รุ่นในนี้เป็น C/D Segment

 

Dacia-Lada

Dacia มีภาพลักษณ์ทันสมัย ส่วน Lada ยังคงถึกและบึกบึน ทั้งคู่จะยังคงเน้นตลาดรถยนต์ราคาจับต้องได้ ที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ได้รับการพิสูจน์แล้ว ทั้งยังมีเป้าในการยกระดับ C-Segment ด้านการออกแบบและต้นทุน จะมีการลด platform จาก 4 แบบเหลือ 1 แบบ, ลดแบบตัวถังจาก 18 แบบ เหลือ 11 แบบ

นอกจากนั้น จะเพิ่มจำนวนการผลิตต่อ 1 platform โดยเฉลี่ยจาก 300,000 คัน เป็น 1,100,000 คัน ด้านผลิตภัณฑ์จะมีการนำรุ่นดังในอดีตมาต่อยอด ปิดท้ายด้วยการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ 7 รุ่น ภายในปี 2025 โดย 2 รุ่นในนี้เป็น C-Segment

 

Alpine

Alpine จะรวม Renault Sport Cars และ Renault Sport Racing เข้าด้วยกันพร้อมก้าวสู่ยุครถยนต์ไฟฟ้า 100% ด้วยการนำ platform แบบ CMF-B และ CMF-EV มาใช้ ทั้งยังตั้งเป้าคว้าแชมป์ในรถแข่ง F1 และผลิตรถสปอร์ตขุมพลังไฟฟ้า EV รุ่นถัดไปร่วมกับ Lotus พร้อมตั้งเป้าเริ่มทำกำไรได้ในปี 2025

Mobilize

บริษัทใหม่ของกลุ่มที่ตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข้อมูล และเน้นให้บริการด้านการเคลื่อนย้าย รวมถึงบริการอื่นใดที่เกี่ยวกับพลังงาน เพื่อประโยชน์ของผู้ใช้ยานพาหนะ ตั้งเป้าที่จะสร้างผลกำไรให้ได้ 20% ของทั้งกลุ่ม Groupe Renault พร้อมตั้ง 3 ภารกิจ ประกอบด้วย เพิ่มเวลาการใช้รถยนต์ (เดิมไม่ได้ใช้ 90%), บริหารมูลค่าคงเหลือให้ดีกว่าเดิม และ ลด carbon footprint ให้เป็นศูนย์

 

ที่มา: Renault