Honda Ridgeline กระบะสำหรับชาวอเมริกันกำลังจะมีรุ่น Minorchange ตามมา โดยมีการเปิดเผยรายละเอียดเกือบทั้งหมด เมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2020 พร้อมภาพชุดใหม่ที่เผยให้เห็นดีไซน์ ที่ปรับจากเดิมไปให้ดูบึกบึนขึ้นมาก ด้านประโยชน์ใช้สอยยังคงพัฒนาต่อ เพื่อรักษาจุดขายระดับผู้นำของตลาดต่อไป

ภายนอกทุกชิ้นส่วนตั้งแต่เสาหลังคา A-Pillar เป็นต้นมารวมถึง ฝากระโปรง, กันชน, ไฟหน้า LED และ แก้มคู่หน้า ล้วนเป็นของใหม่ทั้งหมด กันชนหลังปรับใหม่ให้เข้ากับท่อไอเสียปลายคู่ สีตัวถังพ่นให้ลงมาถึงชายล่างตัวถัง ล้อเปลี่ยนใหม่ขนาด 18 นิ้ว รัดด้วยยาง all-season ทั้งยังมีชุดแต่งจาก HPD เสริมมาดถึกกับ กระจังหน้าเฉพาะรุ่น, ล้อสีบรอนซ์ และ กราฟฟิกบนกระบะหลัง

กระบะหลังของ Honda Ridgeline Minorchange กว้างสุดในระดับที่ 4 ฟุต (1.2 เมตร) มากด้วยประโยชน์ใช้สอยเริ่มต้นกับฝาท้ายแบบ Dual-Action เปิดแบบลงล่างเหมือนปกติก็ได้ รองรับน้ำหนักสูงสุด 136 กิโลกรัม มากพอสำหรับมอเตอร์ไซต์วิบากหรือ ATV หรือ จะเปิดแบบตู้กับข้าวก็ได้ พื้นกระบะทำจาก glass fiber ทำความสะอาดง่าย ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่จำเป็นต้องซื้อพื้นกระบะเพิ่ม

พื้นกระบะยังมีช่องเก็บของความจุ 206 ลิตร มาพร้อมฝาเปิดปิดล็อคได้และทำความสะอาดได้ ทั้งยังใช้เป็นช่องเก็บความเย็นด้วยการเทน้ำแข็งลงไป หรือ จะติดตั้งระบบลำโพงภายนอกรถยนต์เพิ่มก็ได้ ห้องโดยสารปรับใหม่หลายด้านทั้งวัสดุผ้า, พวงมาลัย, แดชบอร์ด, การเดินด้าย, มาตรวัด และ หน้าจอสัมผัสพร้อมกราฟฟิกใหม่ ส่วนเบาะหลังพับได้แบบ 60:40 และ พื้นรถแบบเรียบยังคงอยู่เช่นเดิม

ขุมพลังของ Honda Ridgeline Minorchange ระบุแค่ว่าเป็น เครื่องยนต์เบนซิน แบบ V6 ขนาด 3.5 ลิตร Direct Injection กำลังสูงสุด 280 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 355 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ ขับเคลื่อนล้อหน้า หรือ ขับเคลื่อนสี่ล้อพร้อมระบบกระจายแรงบิด i-VTM4 ส่งแรงบิดลงล้อคู่หลังสูงสุด 70% จากแรงบิดทั้งหมด โดย 100% ของแรงบิดดังกล่าว สามารถส่งลงล้อหลังเพียงข้างใดข้างหนึ่งได้

โครงสร้างตัวถังเป็นแบบ unibody มาพร้อมช่วงล่างหลังแบบอิสระ จึงให้การขับขี่ที่ดีกว่า แต่ไม่ทิ้งซึ่งความแข็งแรงด้วยโครงตัวถังแบบ fully boxed frame ระยะห่างระหว่างล้อข้างซ้ายและข้างขวา กางขึ้นมากกว่ารุ่นก่อนหน้า 20 มิลลิเมตร ส่วนระบบความปลอดภัยมี Honda Sensing มาให้ Honda Ridgeline Minorchange จะเริ่มออกจำหน่ายที่สหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 2021 และจะมีการเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้ง


ที่มา : Honda