การจับกุม Carlos Ghosn ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO และ Chairman ของกลุ่มพันธมิตร Renault – Nissan Alliance ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหาในระดับองค์กรเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความสัมพันธ์ระหว่างประเทศฝรั่งเศส และ ประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย

ล่าสุด ภาครัฐของทั้งสองฝ่ายได้หารือเรื่องอนาคตของกลุ่มพันธมิตรไปในสัปดาห์ที่ผ่านมา และ ยังไม่มีการเผยรายละเอียดโดยละเอียดในขณะนี้

มีรายงานว่า Emmanuel Macron ประธานาธิบดีของประเทศฝรั่งเศส (ซ้าย) และ Shinzo Abe นายกรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่น (ขวา) ได้หารือเรื่องอนาคตของกลุ่มพันธมิตร ระหว่างการประชุม G20 ที่จัดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ณ ประเทศอาร์เจนตินา โดยก่อนหน้านี้ Nissan วิตกว่าฝรั่งเศสจะมีอิทธิพลต่อเศรษฐกิจของประเทศตนมากกว่า เนื่องจากภาครัฐของฝรั่งเศสมีหุ้นอยู่ 15% ใน Renault

นอกจากนั้น Renault ยังมีหุ้นอยู่ 43% ใน Nissan แต่กลับกันบริษัทรถยนต์จากญี่ปุ่นกลับมีหุ้น 15% ที่ไม่สามารถออกเสียงได้ใน Renault ทำให้เกิดกระแสว่า Nissan อยากขอแยกทางจากกลุ่มพันธมิตรหลังการจับกุม Carlos Ghosn ด้าน Bruno Le Maire รัฐมนตรีกระทรวงการคลังของฝรั่งเศส ได้ให้สัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ว่า ตน และ ทางการของญี่ปุ่นยังอยากให้โครงสร้าง การถือหุ้นของกลุ่มพันธมิตรเป็นเช่นเดิม

อย่างไรก็ตาม Hiroshige Seko รัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น ได้ปฏิเสธบทสัมภาษณ์ดังกล่าว ทั้งยังส่งจดหมายประท้วงไปยัง Le Maire อีกด้วย ต่อมาทางการของทั้งสองประเทศได้ปฏิเสธ ที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อถกเถียงนี้ ด้าน Osamu Masuko ผู้ดำรงตำแหน่ง CEO ของ Mitsubishi หนึ่งในกลุ่มพันธมิตรได้เปิดเผยว่า ยังไม่มีการประชุมภายในเรื่องการปรับโครงสร้างในขณะนี้

สำหรับสถานการณ์ของ Carlos Ghosn นั้น เขายังถูกควบคุมตัวตั้งแต่ถูกจับกุมในวันที่ 19 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยทางการต้องส่งฟ้อง หรือ ตั้งข้อหาใหม่ หากยังต้องการควบคุมชายผู้นี้ต่อไปหลังวันที่ 10 ธันวาคม เนื่องจากถึงกำหนดควบคุมตัวสูงสุดแล้ว ส่วนอนาคตของเขารวมไปถึงพันธมิตร Renault – Nissan จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามชม

 

ที่มา: autonews, carscoops