หลังค่ายดาวสามแฉกปรับปรุง Mercedes-Benz GLC ในรูปแบบของ Facelift ไปไม่กี่สัปดาห์ บริษัทไม่รอช้าส่ง Mercedes-Benz GLC-Coupé ตามมาเป็นก๊อกสอง โดยความเปลี่ยนแปลงจะสอดคล้องไปกับรุ่นธรรมดา ทั้งในการปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและภายใน ส่วนขุมพลังมีให้เลือกทั้ง เบนซินและดีเซล

Mercedes-Benz GLC-Coupé Facelift ยังไม่ละทิ้งปรัชญาการออกแบบของค่ายอย่าง Sensual Purity พร้อมผสานความเป็น SUV เข้ากับ Coupé ด้วยหลังคาเตี้ย และมีแนวด้านหลังลาดลง สังเกตได้จากกระจกโอเปร่าที่มีขนาดเพรียวลง และลาดชันกว่ารุ่นธรรมดา

กระจังหน้าเป็นแบบ Diamond Grille คาดกลางด้วยเส้นสีเงินหรือสีดำ พร้อมติดโลโก้ดาวสามแฉกไว้ แบบเดียวกับสมาชิกตระกูล Coupé ของค่าย ช่องดักลมมีขนาดใหญ่ ส่วนไฟหน้าเป็นแบบ LED High Performance ไฟท้ายเป็นแบบ full-LED ปิดท้ายกับกันชนหลังปรับงานออกแบบดิฟฟิวเซอร์ และปลายท่อใหม่

ห้องโดยสารของ Mercedes-Benz GLC-Coupé Facelift มาในสีใหม่อย่างเทาเข้ม Magma Grey ตัดด้วยสีขาว แดชบอร์ดและคอลโซลกลางเชื่อมต่อเข้าหากันอย่างไร้รอยสะดุด พวงมาลัยแบบ Multi-function มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ให้ผู้ใช้งานสั่งการควบคุมระบบต่างๆ อย่างง่ายดาย

การควบคุมจากศูนย์กลางทำได้ผ่านระบบสัมผัส multifunctional touchpad หน้าจอแสดงผลมีขนาด 12.3 นิ้ว มาพร้อมกับมาตรวัด ขนาด 7 และ 10.25 นิ้ว รองรับการสั่งการด้วยเสียง และการโบกมือผ่านระบบ MBUX ส่วนระบบปรับบรรยากาศในรถยนต์อย่าง ENERGIZING comfort control สามารถติดเพิ่มได้

ขุมพลังของ Mercedes-Benz GLC-Coupé Facelift ทั้งหมดส่งกำลังผ่าน ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ 4MATIC ส่วนรายละเอียด มีดังต่อไปนี้

เครื่องยนต์เบนซิน

GLC 200 4MATIC

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 264 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 197 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC) พร้อมทั้งติดตั้งระบบ EQ Boost หรือระบบ Mild Hybrid 48V ที่เข้ามาเสริมแรงบิดอีก 150 นิวตันเมตร เพื่อช่วยในการออกตัว และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

GLC 300 4MATIC

เครื่องยนต์เบนซิน รหัส M 264 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 258 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC) พร้อมทั้งติดตั้งระบบ EQ Boost หรือระบบ Mild Hybrid 48V ที่เข้ามาเสริมแรงบิดอีก 150 นิวตันเมตร เพื่อช่วยในการออกตัว และลดอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

เครื่องยนต์ดีเซล

GLC 200 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 360 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

GLC 220 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 194 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

GLC 300 d

เครื่องยนต์ดีเซล รหัส OM 654 แบบ 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 245 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ (9G-Tronic) ขับเคลื่อนล้อหลัง หรือ 4 ล้อ (4MATIC)

ช่วงล่างของ Mercedes-Benz GLC-Coupé Facelift มีโช๊คอัพแบบปรับระดับได้ ผ่านระบบ DYNAMIC BODY CONTROL ให้สอดคล้องกับสภาพถนน รวมไปถึงการทำงานของเครื่องยนต์และเกียร์ นอกจากนั้น ยังสามารถติดตั้งระบบ AIR BODY CONTROL เพิ่ม เพื่อยกระดับความนุ่มนวลและความสปอร์ต

ส่วนระบบความปลอดภัยที่น่าสนใจ มีหลายรายการด้วยกัน ประกอบด้วย

  • Active Distance Assist DISTRONIC ระบบรักษาระยะห่าง จากการจราจรเบื้องหน้า
  • Active Steer Assist ระบบช่วยปรับแต่งพวงมาลัย ในขณะเข้าโค้ง
  • Active Brake Assist ระบบเบรกอัตโนมัติ เมื่อผู้ขับขี่ไม่ลดความเร็วลง ในขณะที่มีรถยนต์สวนมา
  • Trailer Manoeuvring Assist ระบบช่วยรักษาเสถียรภาพสิ่งลากจูง ในขณะที่ถอยหลัง

 

ที่มา: Mercedes-Benz


อ่านรายละเอียด Mercedes-Benz GLC-Class Facelift ได้ที่ >> http://www.headlightmag.com/news-mercedes-benz-glc-class-facelift/

Mercedes-Benz GLC-Class Facelift ปรับดีไซน์ พร้อมขุมพลังใหม่ ดีเซล OM654 / เบนซิน M264