หลังจากเมื่อช่วงปั 2017 ทาง Polestar ที่แยกออกมาเป็นแบรนด์หลัก สำหรับรถยนต์พลังไฟฟ้าสมรรถนะสูงของ Volvo ได้ทำการเปิดตัว Polestar 1 รถสปอร์ตพลังไฟฟ้า ที่มีกำลังมากถึง 600 แรงม้า ซึ่งในวันนี้ Polestar ได้มีการขยับกระบวนทัพอีกครั้ง โดยเตรียมพร้อมที่จะส่งรถยนต์รุ่นใหม่อีกหนึ่งคัน ในชื่อของ Polestar 2 ที่มีลักษณะตัวถังแบบ Fastback 5 ประตู อย่างไรก็ดี ด้วยขนาดมิติตัวรถของมันนั้น คงมีพิกัดที่น่าจะเป็นมวยถูกคู่ของ Tesla Model 3 อย่างไม่ต้องสงสัย

Polestar 2 ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลตฟอร์ม Compact Modular Architecture (CMA) ที่หลายคนอาจจะคุ้นหู เพราะว่ามันถูกนำไปใช้อยู่กับหลากหลายรุ่นภายในเครือ โดยที่เด่นชัดสุดก็ได้แก่ Volvo XC40 รุ่นปัจจุบัน นั่นเอง

สำหรับการดีไซน์ในส่วนของภายนอก มีกลิ่นอายที่ราวกับเป็นการนำ Polestar 1 มาสูบลมขยายตัวให้พองออก และทำการประกบประตู 2 บานหลังเข้าไป เพื่อกลายเป็นรถแบบ 4 ประตู แต่อย่างไรก็ดี อาจจะเรียกว่าเป็น Sedan 4 ประตู ได้เสียทีเดียว ก็เพราะว่า แนวหลังคาที่ลาดเทบริเวณเสา C-Pillar เชื่อมต่อเป็นเส้นเดียวกันไปจรดท้ายรถ ส่งผลให้มันมีความด้านท้ายมีความลาด ในสไตล์ของรถประเภท Fastback 5 ประตู

อย่างไรก็ตาม การดีไซน์สัดส่วนของวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้ฉีกแนวทางการออกแบบไปจากธรรมเนียมของรถ Volvo ในยุคปัจจุบัน โดยสะท้อนความโดดเด่นด้วย ชุดโคมไฟหน้าแบบ LED พร้อมไฟ LED DRLs ทรงค้อนเทพเจ้าทอร์, กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยม, ดีไซน์กระจกมองข้าง รวมไปถึง ดีไซน์ไฟท้าย LED ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์

ขณะที่ ภายในห้องโดยสาร ก็มีลักษณะในทำนองเดียวกับ Volvo ในยุคปัจจุบัน อย่างชัดเจน แต่ถ้าเมื่อเทียบกับ Polestar 1 ที่แทบจะเรียกว่า ยกมาจาก S90 / V90 ทั้งเซ็ต ซึ่ง Polestar 2 ก็ดูจะมีพัฒนาการที่บ่งบอกความเป็นตัวเองมากขึ้น อย่างที่เราจะพบได้ อาทิ หน้าจอ Touchsceen Infotainment บริเวณกลางแดชบอร์ด ซึ่งเป็นลักษณะแบบ Floating ที่มีขนาดใหญ่ถึง 11 นิ้ว โดยรันการทำงานผ่านระบบ Android ตลอดจน หัวคันเกียร์ ที่ถูกดีไซน์ขึ้นมาใหม่ รวมไปถึง การตัดทริมภายในด้วยสีส้ม บริเวณสายเข็มขัดนิรภัย และความโปร่งโล่งสบาย ด้วยการใช้บานหลังคา Panoramic Glass Roof บานใหญ่เต็มพื้นที่

ปัจจัยหลักของรถรุ่นดังกล่าวที่เราไม่พูดถึงไม่ได้ นั่นก็คือในเรื่อง ขุมพลังที่เป็นระบบ EV โดยใช้การขับเคลื่อนด้วย มอเตอร์ไฟฟ้าพลังสูง 1 ตัวที่เพลาด้านหน้า และอีก 1 ตัว ที่เพลาด้านหลัง ที่สามารถผลิตกำลังรวมได้สูงสุด 408 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 660 นิวตันเมตร ส่งผลให้ตัวเลขสมรรถนะถูกเคลมไว้ว่า สามารถทำอัตราเร่ง 0-96 km/h ได้ในเวลาต่ำกว่า 5 วินาที เลยทีเดียว

สำหรับ ชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion ติดตั้งมาพร้อมกับขนาด 78 kWh โดยสามารถแล่นได้ระยะทาง 443 กิโลเมตร (มาตรฐาน EPA) ต่อการชาร์จไฟเต็มหนึ่งครั้ง ซึ่งถ้านำไปเปรียบเทียบกับ Tesla Model 3 ก็จะพบว่า สามารถวิ่งได้ไกลกว่า รุ่นแบตเตอรี่ Mid-Range อยู่ 18 กิโลเมตร ซึ่งทำได้ที่ 425 กิโลเมตร แต่ยังด้อยกว่า รุ่นแบตเตอรี่ Long-Range อยู่ 56 กิโลเมตร โดยทำได้ที่ 499 กิโลเมตร

นอกจากนี้ ยังตอบสนองความเร้าใจในการควบคุมด้วยชุด Performance Pack โดยจะมีอุปกรณ์ที่ถูกติดตั้งเข้าไปเป็นมาตรฐาน อาทิ วงล้ออัลลอย Forged น้ำหนักเบา ขนาด 20 นิ้ว, ระบบเบรก Brembo, ช็อกอัป Ohlins

ในด้านนวัตกรรม ก็มีการนำเทคโนโลยีระบบ Phone-as-Key ที่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือ แทนกุญแจรถได้ ซึ่งสิ่งดังกล่าว ก็จะช่วยให้บริการเชื่อมต่อฟีเจอร์บางอย่างของ Polestar เช่น การแบ่งปันการใช้งานรถยนต์ Car-Sharing ก็จะสามารถทำได้อย่างง่ายดาย

ทั้งนี้ Polestar 2 จะใช้การสั่งซื้อตามขั้นตอนเดียวกับ Polestar 1 คือ เฉพาะบนช่องทางออนไลน์เท่านั้น โดยราคาอย่างไม่เป็นทางการ คาดว่าจะเริ่มต้นที่ 39,900 ยูโร (ราว 2,140,000 บาท) อย่างไรก็ตาม ตัวจริงเสียงจริงของ Polestar 2 ก็เตรียมที่จะไปปรากฏโฉม ภายในงาน Geneva Motor Show 2019 ที่กำลังจะเริ่มต้นขึ้นในช่วงสัปดาห์หน้า

ที่มา : gtplanet