Ford Ranger เตรียมที่จะปรับโฉม Minorchange เป็นรอบที่ 2 หลังจากปรับครั้งแรกไปเมื่อปี 2015 คราวนี้รูป Spyshot เผยให้เห็นรายละเอียดของรุ่น Wildtrak ที่กลับไปวิ่งทดสอบที่บ้านเกิดสหรัฐอเมริกา ความเปลี่ยนแปลงทั้งภายนอก และ ภายในห้องโดยสารมีเพียงรายละเอียดที่ปรับเล็กน้อย แต่ไฮไลท์เด็ดอาจจะอยู่ที่เครื่องยนต์ดีเซลใหม่ 2.0 EcoBlue เหมือน Ranger RAPTOR !

ด้านหน้าของ Ford Ranger Wildtrak Minorchange ดูจะเป็นจุดที่เปลี่ยนไปจากเดิมมากที่สุด กับกระจังหน้าทรงเดิม แต่ปรับเปลี่ยนซี่กระจังกึ่งกลางเป็น 2 ชั้น และยืดความยาวออกจนบรรจบกับขอบกระจังหน้า นอกจากนั้น คิ้วสีดำตลอดแนวกันชนหน้าหายไป คงเหลือแต่ส่วนตรงกลางเท่านั้น และยังมีการเปลี่ยนโคมไฟตัดหมอกด้วย

ด้านข้างเปลี่ยนจากกระจกมองข้างสีดำมาเป็นสีเดียวกับตัวรถ ส่วนกราฟฟิกชื่อรุ่นบนฝากระบะ ดูจะใช้โทนสีเทาที่อ่อนลง สำหรับชิ้นส่วนที่เหลือรวมไปถึงลายล้อ รวมถึงไฟท้าย ดูไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม

ห้องโดยสารของ Ford Ranger Wildtrak Minorchange เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย เริ่มต้นกับตราสัญลักษณ์ Wildtrak สีส้มบนแดชบอร์ดฝั่งผู้โดยสารหน้า, คันเกียร์ใหม่ ที่การเปลี่ยนเกียร์แบบ Manual Mode จะไปใช้ปุ่มกด + – ข้างหัวเกียร์ แทนการโยกหน้า ถอยหลัง และ วัสดุหุ้มเบาะที่เปลี่ยนเป็นหนังสีดำแทน พร้อมคงเอกลักษณ์การเดินด้ายสีส้มรอบห้องโดยสาร และประทับตราชื่อรุ่นบนพนักพิงเอาไว้ นอกจากนั้น ยังมีการปรับปรุงปุ่มกดเล็กน้อย

ขุมพลังของ Ford Ranger Wildtrak Minorchange คือสิ่งที่น่าจับตามองมากที่สุด เพราะขุมพลังดีเซล 3.2 ลิตร อาจจะไม่มีให้เลือกอีกต่อไป แต่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร EcoBlue เทอร์โบคู่ จาก Ranger RAPTOR ซึ่งสังเกตได้จากครีบบริเวณประตูคู่หน้า ของรถยนต์ทดสอบ ที่มีสัญลักษณ์ Bi-Turbo ปรากฏอยู่

มีความเป็นไปได้ว่า เครื่องยนต์ใหม่ ดีเซล EcoBlue 4 สูบ 2.0 ลิตร Bi-Turbo อาจมาแทนที่เครื่องยนต์ดีเซล Duratorq 5 สูบ 3.2 ลิตร เทอร์โบ บล็อคเดิม

3.2 Duratorq (เดิม)

เครื่องยนต์ดีเซล 5 สูบแถวเรียง 20 วาล์ว Duratorq TDCi ขนาด 3.2 ลิตร 3,198 ซีซี พร้อมเทอร์โบแปรผันแบบมีครีบ VG Turbo พร้อม Intercooler ให้กำลังสูงสุด 200 แรงม้า ที่ 3,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุดที่ 470 นิวตันเมตร ที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที จับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ / เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ

2.0 EcoBlue (ใหม่)

เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี. พ่วงเทอร์โบคู่ (ทำงานร่วมกันระหว่าง High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) กำลังสูงสุด 213 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย Paddle Shift

ทั้งนี้ มีรายงานว่าขุมพลัง EcoBlue ใน Ford Ranger Wildtrak Minorchange อาจจะถูกตอนกำลังลงจาก 213 แรงม้า เหลืออยู่ในระดับ 190 แรงม้า แทน (ยังไม่ยืนยันเป็นที่แน่ชัด ว่าพละกำลังของเครื่องยนต์ใหม่ 2.0 EcoBlue ใน Ranger Wildtrak จะอยู่ทีี่เท่าใด) แต่ที่แน่ๆในรุ่นเกียร์อัตโนมัติ จะต้องใช้เกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ แบบเดียวกับ Ranger RAPTOR อย่างแน่นอน

ส่วนเครื่องยนต์ดีเซล 2.2 ลิตร คาดว่าจะยังคงใช้อยู่เหมือนเดิม มีเพียง 2.0 EcoBlue ที่จะมาแทนที่ 3.2 Duratorq สำหรับกำหนดการเปิดตัว Ford Ranger Minorchange รอบที่ 2 ในประเทศไทย จะเกิดขึ้นภายในปี 2018 นี้

 

ที่มารูปภาพ : motoring, paultan

เรียบเรียงข้อมูลโดย : headlightmag.com