หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าในสหรัฐฯ เติบโตสูงขึ้นคือผู้บริโภคได้รับส่วนลดภาษี แต่ข้อดีดังกล่าวอาจจะไม่มีอีกต่อไป หลังภาครัฐเสนอให้ยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายของประเทศ โดยมีการประเมินเอาไว้ว่าอาจช่วยประหยัดเงินหลวงได้อีกมากโข

ปัจจุบันชาวสหรัฐฯ ที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าจะได้ส่วนลดภาษีสูงสุด 7,500 ดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 238,000 บาท) โดยภาครัฐกำหนดเอาไว้ว่า ผู้ผลิตรถยนต์แต่ละรายจะได้รับข้อเสนอดังกล่าว สำหรับลูกค้าที่ซื้อรถยนต์ไฟฟ้า 200,000 คันแรกของบริษัท ล่าสุด Tesla และ General Motors ได้ทำยอดทะลุเป้าไปแล้ว ส่งผลให้ลูกค้าของทั้ง 2 บริษัทได้รับส่วนลดน้อยลงจากเดิม และจะลดลงอย่างต่อเนื่องจนหมดไปในปี 2020

ในเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สภา Congress ได้รายงานว่าในปี 2016 มีผู้ชำระภาษีจำนวน 57,066 ราย ได้รับผลประโยชน์จากการซื้อรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็นมูลค่า 375 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 11,000 ล้านบาท) และมีการประเมินเอาไว้ว่า ภาครัฐอาจมีค่าใช้จ่ายด้านการอุดหนุนภาษีรถยนต์ไฟฟ้าระหว่างปี 2018 – 2022 สูงถึง 7,500 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ (ราว 238,000 ล้านบาท)

อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ยังเป็นเพียงข้อเสนอเท่านั้น เพราะบรรดาผู้ผลิตรถยนต์ย่อมไม่เห็นด้วย ซ้ำก่อนหน้านี้ยังมีความพยายามในการร้องขอให้ภาครัฐ ขยายจำนวนการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มจาก 200,000 คันแรกของค่ายไปอีก นอกจากนั้น การยุติการสนับสนุนรถยนต์ไฟฟ้า อาจทำให้ยอดขายลดลงได้ ซึ่งแนวทางภาครัฐของสหรัฐฯ จะเป็นอย่างไรต่อไปนั้น โปรดติดตามชม

ที่มา: reuters