ความมหัศจรรย์ของ PSA Group มีอยู่ถึง 2 สิ่ง คือ พวกเขาสามารถบริหารจัดการกับวิกฤตทางการเงินของ PSA Group ได้จนมีกระแสเงินสดมากที่จะอยู่ได้อย่างไม่เดือนร้อนนัก และประการที่ 2 คือ พวกเขาสามารถบริหารจัดการธุรกิจรถยนต์ Opel/Vauxhall ให้กลับมามีผลกำไร 502 ล้านยูโรหรือ 19,609 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีแรก 2018 ได้สำเร็จ เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2017 ที่ยังขาดทุน 179 ล้านยูโรหรือ 6,992 ล้านบาท

และเพื่อป้องกันให้ Opel/Vauxhall ประสบภาวะวิกฤติทางการเงินอีกครั้ง PSA Group จึงได้วางกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจใหม่ทั้งหมด เพื่อให้สอดรับกับความต้องการของผู้บริโภคและเป็นไปตามทิศทางอุตสาหกรรมยานยนต์โลก

PSA Group ได้วางกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เพราะในอนาคต Opel/Vauxhall จะต้องยุติการใช้งานวิศวกรรมขั้นพื้นฐานจาก GM ภายในปี 2024 ดังนั้นรถยนต์รุ่นใหม่ ๆ ของ Opel/Vauxhall นับจากปี 2025 จะต้องใช้งานวิศวกรรม PSA Group ทั้งหมด ทำให้จุดขายด้านงานวิศวกรรมจากเยอรมนีต้องหมดไป

ในเบื้องต้น PSA Group จะวางตำแหน่งทางการตลาดให้ Opel/Vauxhall เป็นรถยนต์ที่มีความ Hi-Tech สูง ลดจำนวนเครื่องยนต์ 10 บล็อกลงเหลือแค่ 4 ขุมพลัง และลดจำนวน Platform จาก 9 Platform ลงเหลือแค่เพียง 2 Platform บนโครงสร้างพื้นตัวถัง EMP2 สำหรับรถยนต์ขนาด C-Segment /D-Segment และ CMP สำหรับรถยนต์ขนาด B-Segment

รถยนต์ Opel/Vauxhall มีขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าให้เลือกในทุกรุ่นภายในปี 2024 เป็นต้นมา โดยในปี 2020 จะเริ่มจำหน่าย Corsa EV, Ampera-e ใหม่, Grandland X PHEV และรถ Van ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายผลกำไร margin เป็น 2% ในปี 2020 และต้องมีกำไร margin 6% ในปี 2026

ศูนย์วิจัยและพัฒนาสำนักงานใหญ่ Rüsselsheim จะถูกขยายพื้นที่เพื่อรองรับการพัฒนาอันไร้ขอบเขต โดยแบ่งออกเป็นศูนย์การพัฒนาถึง 15 ศูนย์ ที่รวมไปถึงโซนการพัฒนาเบาะนั่งโดยสาร, ขุมพลังเบนซินสำหรับอนาคต, การวิจัยด้านไฮโดรเจน และการศึกษาข้อกำหนดทางกฏหมายสหรัฐอเมริกา

เหตุผลสำคัญที่ Opel/Vauxhall ต้องลดจำนวน Platform ลงเหลือแค่ 2 Platform เพราะมันสามารถช่วยลดต้นทุนในการผลิตและการพัฒนาลงได้ถึง 20%-50% จากการใช้ชิ้นส่วนและงานวิศวกรรมร่วมกับรถยนต์ในเครือ PSA Group กว่า 60%

PSA Group เผยว่าพวกเขาสามารถประหยัดต้นทุนในการพัฒนา All NEW Opel Corsa ลงถึง 50% โดยวางตำแหน่งทางการตลาดที่แตกต่างจาก Peugeot และ Citroen คือมันเป็นรถ B-Segment ในฐานะผู้นำตลาดที่โดดเด่นทั้งดีไซน์และคุณภาพ

เครื่องยนต์รุ่นใหม่ 4 รุ่นที่จะติดตั้งลงใน Opel/Vauxhall จะมี PSA Group เป็นแม่งานในการพัฒนา ยืนยันแล้วว่ามีการพัฒนาให้รองรับข้อบังคับค่าไอเสียสุดโหดได้ ในอนาคตจะมีการแนะนำขุมพลัง Mild Hybrid ที่จับคู่เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ 8 จังหวะ

สิ่งที่ต้องจับตามองให้ดี คงไม่ใช่งานออกแบบ, การพัฒนาด้านเทคโนโลยีหรือความสามารถในด้านการบริหารงาน แต่มันคือการสร้างภาพพจน์ใหม่ให้กับ Opel/Vauxhall จะเป็นไปในทิศทางไหนมากกว่า?

ที่มา : Autocar