All NEW Honda Accord Gen10

  • 2.0 Hybrid TECH CVT  1,799,000 บาท

มารับประกันคุณภาพตัวรถ Warranty 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร

  • พร้อม Ultimate Care เพิ่มอีก 2 ปี 40,000 กิโลเมตร (รวมเป็น 5 ปี 140,000 กิโลเมตร
  • ฟรีค่าแรงเช็คระยะ 5 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร
  • บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง นาน 5 ปี
  • รุ่น Hybrid รับประกันระบบ Hybrid นาน 5 ปี ไม่จำกัดระยะทาง
  • รุ่น Hybrid รับประกันแบตเตอรี่นาน 10 ปี ไม่จำกัดระยะทาง

Dimension มิติตัวถัง

Accord Gen 10

  • ยาว x กว้าง x สูง : 4,920 x 1,860 x 1,450 มิลลิเมตร (สั้นลง 10 มิลลิเมตร, กว้างขึ้น 10 มิลลิเมตร, เตี้ยลง 15 มิลลิเมตร)
  • ระยะฐานล้อ : 2,830 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้น 55 มิลลิเมตร)

Engine เครื่องยนต์

เบนซิน 2.0 Hybrid i-MMD (3rd Generation)

เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ Atkinson Cycle ขนาด 2.0 ลิตร 1,993 ซีซี. กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 81.0 x 96.7 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.5 : 1 กำลังสูงสุด 145 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 175 นิวตันเมตร ที่ 3,500 รอบ/นาที

ทำงานคู่กับ มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว AC Synchronous Permanent Magnet Electric Motor พละกำลัง 184 แรงม้า ที่ 5,000 – 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 315 นิวตันเมตร ที่ 0 – 2,000 รอบ/นาที

เมื่อเครื่องยนต์ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า จะได้พละกำลังรวม 215 แรงม้า ที่ 6,200 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ E-CVT มีการปรับปรุงใหม่เป็นเจเนอเรชั่นที่ 3 มีการย้ายชุดแบตเตอรี่ Lithium-ion จากท้ายรถ มาไว้ที่ใต้เบาะนั่งด้านหลัง รองรับน้ำมันสูงสุด E20 ความจุถังน้ำมัน 48.5 ลิตร

โหมดการขับขี่ของระบบ Hybrid ประกอบด้วย 4 รูปแบบ ดังนี้

  • EV Drive Mode

ขับเคลื่อนโดยใช้พลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ Lithium-ion ผ่านมอเตอร์ไฟฟ้า สามารถกดปุ่ม EV Mode ที่ข้างคันเกียร์เพื่อมาใช้โหมดนี้ได้ วิ่งด้วยโหมดนี้ได้ความเร็วสูงสุดถึง 120 km/h แต่ต้องขึ้นอยู่กับปริมาณแบตที่มีด้วย ไม่สามารถวิ่งจนแบตหมดเกลี้ยงได้ ระบบจะตัดการทำงานอัตโนมัติไปยังโหมดอื่น

  • Hybrid Drive

เครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานร่วมกัน เพื่ออัตราเร่งที่ดีขณะปล่อยคันเร่งเครื่องยนต์จะหยุดทำงาน เข้าสู่ EV Drive Mode และ ชาร์จไฟกลับไปยังแบตเตอรี่

  • Engine Drive Mode

เครื่องยนต์จะส่งกำลังทั้งหมดไปยังล้อคู่หน้าโดยตรง แต่จะตัดสลับการทำงานกับ EV Drive Mode เป็นระยะตามระดับของแบตเตอรี่เหมาะกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงคงที่

  • Sport Drive Mode

กระตุ้นให้มอเตอร์ไฟฟ้าเข้ามาช่วยเครื่องยนต์มากขึ้น ด้วยความที่มอเตอร์ไฟฟ้าทำงานตลอด ทำให้พลังงานในแบตเตอรี่ถูกใช้ไปอย่างรวดเร็ว ทำให้เครื่องยนต์ต้องเข้ามาช่วยชาร์จไฟด้วย ทำให้เมื่อกดคันเร่งลงไปช่วยให้ช่วงเวลาที่ต้องสลับการทำงานระหว่างเครื่องยนต์กับมอเตอร์ไฟฟ้าน้อยลง เพราะเครื่องยนต์จะทำงานอยู่ตลอด ทั้งนี้เลยทำให้ปริมาณแบตเตอรี่มีเยอะตลอดเวลา มอเตอร์ไฟฟ้าก็จะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพมากขึ้นด้วยทำงานโดยกดปุ่มที่อยู่ด้านล่างคันเกียร์ ไฟ SPORT สีแดงก็จะติดขึ้นที่ชุดมาตรวัด

Exterior ภายนอก

  • เครื่องยนต์ 2.0 Atkinson Cycle + มอเตอร์ไฟฟ้าคู่ รวม 215 แรงม้า
  • แบตเตอรี่ Lithium-ion 1.3 kWh
  • เกียร์อัตโนมัติ e-CVT
  • ล้ออัลลอย ขนาด 18 นิ้ว 18 x 8J พร้อมยาง 235/45 R18
  • ไฟหน้าแบบ Full LED
  • ไฟ Daytime Running Lights แบบ LED
  • ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า แบบอัตโนมัติ
  • ไฟตัดหมอกคู่หน้า แบบ LED
  • ไฟท้ายแบบ LED
  • เสาอากาศแบบครีบฉลาม Shark Fin
  • ท่อไอเสียคู่ (เฉพาะรุ่น TURBO)
  • มือเปิดประตูภายนอก ตกแต่งด้วยแถบโครเมียม
  • ไฟส่องมือเปิดประตูภายนอก
  • กระจกมองข้าง ปรับและพับด้วยไฟฟ้า
  • กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติ เมื่อล็อครถ
  • กระจกมองข้างด้านซ้าย ปรับลดลงอัตโนมัติ เมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
  • กระจกมองข้าง ลดการเกาะตัวของหยดน้ำ Hydrophilic
  • ระบบปัดน้ำฝนแบบอัตโนมัติ Rain Sensor
  • หลังคา Sunroof เปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า One-touch
  • สปอยเลอร์หลัง

Interior ภายในห้องโดยสาร

  • ระบบแสดงข้อมูลการขับขี่ที่กระจกบังลมหน้า Head-up Display
  • กระจกมองหลัง แบบปรับลดแสงอัตโนมัติ
  • ม่านบังแดด กระจกหน้าต่างด้านหลัง ซ้าย-ขวา
  • วัสดุตกแต่งภายในห้องโดยสาร ด้วยลายไม้
  • พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น พร้อมปุ่มรับ-วางสาย
  • ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors
  • ระบบกุญแจอัจฉริยะ Smart Key System
  • ปุ่มสตาร์ทเครื่องยนต์ Push Start Button
  • ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ แยกอิสระซ้าย-ขวา Dual Zone
  • ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
  • ปุ่ม ECON / ปุ่มโหมดการขับขี่แบบ Sport
  • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
  • ระบบเบรกมือไฟฟ้า EPB
  • ระบบ Auto Brake Hold
  • ระบบชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย Wireless Charging
  • ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง
  • สวิตซ์ควบคุมโหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EV Mode
  • เสียงเตือนคนภายนอกรถขณะขับขี่โหมดมอเตอร์ไฟฟ้า AVAS
  • มาตรวัด พร้อมจอแสดงข้อมูลการขับขี่ MID แบบสี TFT ขนาด 7 นิ้ว

Seating เบาะนั่ง

  • เบาะนั่งหุ้มด้วยหนัง สีดำ / สีน้ำตาลแดง (ขึ้นอยู่กับสีตัวถังภายนอก)
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับด้วยไฟฟ้า 8 ทิศทาง
  • เบาะนั่งคนขับ ปรับดันหลังด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง Lumbar Support
  • ระบบบันทึกความจำตำแหน่ง เบาะนั่งคนขับ Memory Seat
  • เบาะนั่งคนขับ พร้อมฟังก์ชั่นเลื่อนอัตโนมัติเวลาขึ้น-ลงจากรถ Easy Entry / Exit
  • เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับด้วยไฟฟ้า 4 ทิศทาง
  • ปุ่มปรับเบาะไฟฟ้า ด้านข้างเบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า
  • เบาะนั่งด้านหลังพับได้
  • ที่วางแขนตรงกลางเบาะนั่งด้านหลัง พร้อมช่องเปิดผ่านที่เก็บสัมภาระด้านท้าย

Entertainment ระบบความบันเทิง

  • หน้าจอเครื่องเสียงระบบสัมผัส Touchscreen ขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch
  • รองรับ Apple CarPlay / Android Auto
  • ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง
  • ระบบเชื่อมต่อไร้สาย Bluetooth
  • ระบบสั่งงานด้วยเสียง SIRI
  • ระบบนำทาง Navigation System
  • ระบบเชื่อมต่อ Honda CONNECT
  • ระบบเครื่องเสียงแบบ Premium Sound System พร้อม Sub-Woofer
  • ลำโพง 10 ตำแหน่ง
  • ระบบควบคุมเสียงรบกวนเข้าห้องโดยสาร ANC

Safety ระบบความปลอดภัย

  • ระบบเบรก ABS / EBD / BA
  • ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง VSA
  • ระบบเพิ่มความคล่องตัวขณะขับขี่ Agile Handling Assist
  • ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HSA
  • สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน ESS
  • ระบบช่วยเตือนความเหนื่อยล้าขณะขับขี่ DAA
  • ระบบล็อครถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมทอยู่ห่างจากตัวรถ Walk Away Auto Lock
  • ระบบล็อคประตูรถอัตโนมัติ Auto Door Lock by Speed
  • ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง TPMS
  • อุปกรณ์อุดการรั่วซึมของยางชั่วคราว TPRK
  • ระบบเตือนเมื่อมีรถตัดผ่านขณะถอยหลัง Cross Traffic Monitor
  • ระบบความปลอดภัย Honda SENSING
    • ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ Auto High-Beam
    • ระบบเตือน และ ช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ RDM with LDM
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ LKAS
    • ระบบเตือนการชนรถ และ คนเดินถนน พร้อมระบบช่วยเบรก CMBS
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน พร้อมปรับความเร็วตามคันหน้า Adaptive Cruise Control ACC with LSF Low Speed Following
  • ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ พร้อมระบบช่วยเบรก Honda Smart Parking Assist System
    • จอดแบบขนาน Parallel Parking
    • จอดแบบเข้าซอง Perpendicular Parking
  • ถุงลมนิรภัย 6 ตำแหน่ง (คู่หน้า – ด้านข้าง – ม่านนิรภัย)
  • ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน Honda LaneWatch
  • กล้องมองภาพรอบทิศทาง 360 องศา MVCS
  • กล้องมองภาพด้านหลัง ปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง
  • เซนเซอร์กะระยะช่วยจอด ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
  • ระบบกุญแจ Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย

สีตัวถังภายนอก มีให้เลือก 4 สี

  • สีขาวมุก Platinum White Pearl – ภายในสีดำ
  • สีดำมุก Crystal Black Pearl – ภายในสีน้ำตาลแดง
  • สีเงิน Lunar Silver Metalic – ภายในสีดำ
  • สีเทา Modern Steel Metalic – ภายในสีน้ำตาลแดง

Honda SENSING ใน All NEW Accord Gen10 มีระบบอะไรบ้าง และ การทำงานเป็นอย่างไร ?

  • Adaptive Cruise Control (ACC) with LSF (Low Speed Following)

ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน การทำงานก็เหมือนกับระบบ Cruise Control ทั่วไป แต่จะเพิ่มความสามารถในการรักษาระห่างจากรถคันหน้า ตรวจจับโดยกล้องและเรดาร์ เช่น ที่ความเร็ว 120 km/h เราตั้งความเร็วเอาไว้ หากรถคันข้างหน้าลดความเร็วลง ระบบก็จะลดความเร็วลงตาม ถ้าเป็น Cruise Control เราจะต้องเปลี่ยนเลนเพื่อหลบ หรือ เหยียบเบรกเพื่อชะลอความเร็ว แต่ ACC จะช่วยลดความเร็วอัตโนมัติ หากมีรถมาแทรกกลาง ระบบก็จะค่อยๆชะลอความเร็วลงเช่นกัน แล้ว detect รถคันที่มาใหม่แทน ตามระยะที่เราตั้งเอาไว้ มี 3 ระยะให้เลือก คือ ใกล้ กลาง ไกล หากรถคันหน้าเพิ่มความเร็ว ระบบก็จะเพิ่มความเร็วให้กลับไปสู่ความเร็วและ ระยะห่างที่เราได้ตั้งเอาไว้แต่แรก

ปกติแล้ว ACC จะทำงานได้ตั้งแต่ความเร็วที่ 30 – 180 km/h เมื่อระบบชะลอความเร็วลง ไฟเบรกก็จะติดด้วยครับ เพื่อให้รถคันหลังทราบ และ มีการเพิ่มระบบ LSF (Low Speed Following) มาให้ด้วย ทำให้ที่ความเร็วต่ำกว่า 30 km/h ยังคงสามารถใช้งานระบบ ACC ได้อยู่ และ เมื่อรถคันหน้าหยุดนิ่ง และ เริ่มเคลื่อนที่อีกครั้ง รถของเราก็ยังคงสามารถเคลื่อนตัวตามได้ แต่ถ้าหากหยุดนิ่งเกิน 10 วินาทีขึ้นไป ต้องกดปุ่ม RES หรือ กดคันเร่ง เพื่อช่วยให้ระบบ ACC ทำงานอีกครั้งโดยอัตโนมัติ

  • Collision Mitigation Braking System (CMBS)

ระบบเตือนการชนด้านหน้า และ ตรวจจับคนเดินถนน ด้วยกล้อง และ เรดาร์ ทำงานตั้งแต่ความเร็ว 15 km/h ขึ้นไป เมื่อมีรถด้านหน้า หรือคนเดินถนน ระบบจะตรวจจับเมื่ออยู่ในระยะที่ไม่ปลอดภัย จะมีข้อความขึ้นเตือนบนหน้าจอ MID ที่ชุดมาตรวัด, มีเสียงเตือน รวมถึงการสั่นเตือนที่พวงมาลัย

ถ้าหากคนขับยังไม่ตอบสนองระบบก็จะช่วยกระตุกเข็มขัดนิรภัย และ เพิ่มแรงเบรกให้ แต่ถ้ารถติดๆไหลๆในเมืองความเร็วไม่เกิน 15 km/h แล้วมัวแต่เล่นมือถือ ระบบจะไม่ทำงานนะครับ คนละแบบกับของ Mazda ที่ช่วยเบรกเฉพาะที่ความเร็วต่ำ

  • Lane Keeping Assist System (LKAS)

ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ ตรวจจับเส้นแบ่งเลน (ที่เป็นเส้นประ) โดยใช้กล้องด้านหน้า เริ่มทำงานที่ความเร็ว 72 – 180 km/h จะช่วยเตือนด้วยสัญลักษณ์สีส้มบนหน้าจอ MID บนมาตรวัด รวมถึงหากตรวจจับว่ากำลังจะออกนอกเลน พวงมาลัยจะมีการหน่วงช่วยดึงรถให้อยู่ในช่องจราจรสามารถตรวจจับเส้นแบ่งเลนได้ทั้งทางตรง และ ทางโค้ง จับองศาโค้งได้ถึง 230 องศา หากมีการปล่อยมือจากพวงมาลัยระบบก็จะเตือนเช่นกัน

  • Road Departure Mitigation with Lane Departure Warning (RDM with LDW)

ระบบแจ้งเตือน และ ช่วยเหลือเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ ใช้กล้องด้านหน้าตรวจจับเส้นแบ่งเลน (เส้นทึบ ขอบถนน) พูดง่ายๆก็คือระบบจะช่วยตรวจจับไม่ให้รถตกถนนนั่นเอง มีการช่วยหน่วงพวงมาลัยให้กลับเข้าสู่ช่องจราจร หากกรณีที่เบี่ยงออกนอกทางมากขึ้น ก็จะมีการช่วยเบรกชะลอความเร็วด้วย และ มีการแจ้งเตือนผ่านทางสัญลักษณ์สีส้มบนหน้าจอ MID และ เสียงเตือน รวมถึงการสั่นเตือนที่พวงมาลัย

2 ระบบหลังที่ว่ามานี้ หากเส้นถนนจางมาก จนไม่สามารถตรวจจับได้ หรือ ไม่มีเส้นแบ่งช่องจราจรบนถนน ระบบก็จะไม่ทำงานครับ

อัตราเร่ง Honda Accord 2.0 Hybrid TECH

Normal Mode

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.88 วินาที
  • อัตราเร่ง 80-120 km/h ภายใน 5.75 วินาที

Sport Mode

  • อัตราเร่ง 0-100 km/h ภายใน 7.52 วินาที
  • อัตราเร่ง 80-120 km/h ภายใน 5.48 วินาที

Top Speed

  • ความเร็วสูงสุด 192 km/h @ – (locked)

Honda Accord 2.0 Hybrid TECH  1,799,000 บาท

Short Review by Pan Paitoonpong

Honda กับ Toyota ดูจะเหมือนกันอยู่อย่างหนึ่งคือ ถ้าโมเดลไหนมีรุ่นเครื่องยนต์ Hybrid อุปกรณ์ดีๆ ก็มักจะไปท่วมอยู่ที่ตัว Hybrid เสียหมด แม้จะเป็นเรื่องของภาษีสรรพสามิตที่ทำให้รถ Hybrid สามารถยัดอุปกรณ์ได้เยอะขึ้น แล้วยังทำราคาได้ดี น่าเศร้า เพราะถ้า Accord 1.5 TURBO ได้อุปกรณ์เท่ารุ่น Hybrid มันจะเป็นรถที่ดูเก๋ขึ้นมาก แต่ราคาของมันก็อาจสูงจนคนมองข้ามไปหมด

แต่ถ้าคุณไม่ได้ยึดติดแอนตี้รถถ่าน Accord Hybrid รุ่นนี้ก็มีเสน่ห์ในแบบของรถยนต์ที่มีมอเตอร์ เมื่อลองนำมาจับอัตราเร่งตอนกลางคืน และ แบตเตอรี่มากกว่าครึ่ง มันจะถีบออกตัวได้ว่องไวมากคนละเรื่องกับรุ่น 1.5 TURBO 0-100 km/h ในโหมด Sport จะไวกว่ารุ่นเทอร์โบได้ 1.1 วินาที และ ยังทำอัตราเร่งช่วงแซง 80-120 ได้ดีกว่า (แม้จะเพียง 0.3 – 0.4 วินาที) ปัญหาก็คือ การที่จะได้สมรรถนะเต็มขั้น คุณจะต้องมีแบตเตอรี่เหลือไฟเกิน 50% ขึ้นไป แน่นอนว่า Accord Hybrid ด้านอัตราเร่ง ความแรง ชนะ Camry Hybrid แบบรู้สึกได้

และ แบตเตอรี่ของ Accord Hybrid ไม่ได้ทำมาเผื่อการบู๊แบบติดพัน แค่พยายามทำท้อปสปีดรอบเดียว พลังไฟจะหมดอย่างรวดเร็ว จากนั้นสมรรถนะก็จะไม่จัดจ้าน เท่ากับว่าถ้าเป็นการขับตามปกติแล้วบี้คันเร่งเฉพาะตอนจำเป็น Hybrid จะชนะ TURBO แต่ถ้าต้องมีการลงแส้เป็นรอบที่ 2-3 หรือ 4 ตัว TURBO ก็จะสวนปลายได้ แต่กระนั้นการชาร์จไฟกลับเข้าแบตเตอรี่ก็ใช้เวลาไม่นานนัก เพียงแต่คุณต้องใช้ Mode Sport และ ใช้แป้นระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย Deceleration Paddle Selectors หน่วงความเร็วใช้ Regenerative Braking เยอะขึ้นเมื่อถอนคันเร่ง เท่านี้แบตก็จะชาร์จไวดังใจนึก

อย่างไรก็ตาม เมื่อพูดถึงช่วงล่าง ก็พบว่าการย้ายแบตเตอรี่ 1.3kWh จากท้ายรถไปไว้ใต้เบาะนั่ง แล้วยังได้ยางหน้ากว้างกว่ารุ่น TURBO และ เป็นล้อขอบ 18 นิ้ว ทำให้ Hybrid ได้ฟีลรถหนึบที่มีน้ำหนักกดหน้า และ หลังอย่างพอดี วิ่งเร็วๆท้ายจะนิ่งกว่ารุ่น TURBO โดยมีแค่อาการสะเทือนตามประสายางแก้มเตี้ยที่มากกว่ากันเพียงนิดเดียว กลายเป็น Accord จากโรงงานที่ช่วงล่างดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา พร้อมสำหรับการรับพ่อแม่แฟนที่เพิ่งเจอกันครั้งแรกไปกินข้าว และ พร้อมให้คุณสนุกไปตามโค้งของขุนเขา

และ ถ้าเทียบกับ Camry Hybrid ผมรู้สึกว่า Camry ยังคงมีพวงมาลัยที่เสถียรกว่า Accord ใน Accord จะสนุกเวลาเล่นโค้ง แต่จะเบา และ ว่อกแว่กกว่าเวลาวิ่งทางไกล ส่วนช่วงล่าง Camry รักษาแนวรถตามโค้งได้ดีกว่า แต่มันไม่ได้ต่างกันเหมือนตอนเอา Camry 2.5 G เทียบกับ Accord Turbo เพราะ Camry Hybrid ใช้ยางหน้าแคบกว่า Accord 20 มิลลิเมตร ทำให้ช่วงล่างของ Accord Hybrid ถือว่าทำได้ดีเกือบเท่า Camry Hybrid

สำหรับความหรูหรา และ การใช้งานภายในห้องโดยสาร การมีเบาะสีน้ำตาล ทำให้ Accord มันจะดูมีความน่ามองขึ้น และ Option ที่มีในรุ่น Hybrid TECH ก็ถือว่าดี ไม่แย่แบบเหมือนรุ่น Turbo ขาดก็แค่เบาะหลังที่ปรับเอนไม่ได้ และ ชุดควบคุมเหมือน Camry Hybrid Premium

อย่างไรก็ตาม Accord ก็ตีคืนอีกรอบด้วยพื้นที่วางขาสำหรับผู้โดยสารด้านหลังที่ยาวกว่า ทั้ง 2 รุ่นมี Radar-based Adaptive Cruise Control มาให้เหมือนกัน แต่ Accord จะเหนือกว่าที่มี Low-Speed Following มาให้ ส่วน Camry นั้นยังไม่มี ดันไปมีให้ใน Altis Hybrid รุ่นน้องแทน ส่วนระบบช่วยจอดอัตโนมัติใน Accord ใครจะใช้ก็ต้องระวังกันสักหน่อย ผมว่ามันยังไม่ฉลาดเท่าของฝั่งยุโรป – อเมริกาเท่าที่ลองใช้ 2 – 3 รอบ

Accord ได้ล้อ 18 นิ้ว ลายวัยรุ่นกว่า ส่วน Camry ใส่ขอบ 17 นิ้ว ยางแก้มหนา ลายดูแก่ๆพิกล การเก็บเสียง Accord เงียบกว่า แต่ Camry ก็เพิ่งแก้ไขปัญหาเสียงรบกวนในรถล็อตหลังๆ ที่ผมยังไม่ได้ลองขับ ไม่แน่ใจว่าจะดีขึ้นแค่ไหน

ดังนั้น การเลือกระหว่างรถ 2 คันนี้จึงยากมาก เพราะเหมือนมีคุณสมบัติราว 75% ที่สู้กันได้อย่างสมเนื้อ ที่เหลือ 25% คือโดนต่อยกันคนละหมัด ผลัดกันชนะในบางเรื่อง เช่น ถ้าชอบที่วางขายาวเบาะหลัง Accord ชนะ แต่ถ้าอยากเอนเบาะได้ ต้องไป Camry ดังนั้นสิ่งที่เหลือให้พิจารณาก็คือรูปทรง และ ดีไซน์ ประกอบกับความถนัดเวลานั่งขับ ซึ่งแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน เป็นการเปรียบเทียบที่ยากกว่าตอนเทียบรุ่นเบนซินเสียอีก…


แสดงความคิดเห็นได้ที่นี่ >> community.headlightmag.com/72651.0