ปอร์เช่ ส่งรุ่นพิเศษของ 911 Carrera และ Boxster ออกมาให้ยลโฉมแล้ว คือเวอร์ชั่น
Black Edition ซึ่งเป็นปอร์เช่ที่มีการตกแต่งภายนอกและภายในด้วยสีดำไม่เพียงเท่านี้
ปอร์เช่ 911 Carrera และ Boxster รุ่นพิเศษที่มีจำนวนจำกัดนี้ ยังได้รับการติดตั้งอุปกรณ์
ต่างๆ ที่เป็นมาตรฐานให้กับรถอย่างครบครัน อาทิเช่น ระบบ Porsche Communication
Management (PCM) ที่มาพร้อมกับระบบค้นหาเส้นทาง, ระบบตัดแสงสะท้อนกระจก
มองหลังอัตโนมัติ (automatically dimming rear-view mirrors), ระบบ Cruise control
และพวงมาลัยแบบสปอร์ต Sport Design steering wheel เป็นต้น

P15_0437_a4_rgb

911 Carrera Black Edition รุ่นธรรมดา มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซิน Flat Engine 6 สูบ
ขนาด 3.4 ลิตร สามารถผลิตพละกำลังสูงสุดถึง 350 แรงม้า สามารถทำอัตราสิ้นเปลืองน้ำมัน
เชื้อเพลิง 7.63-8.85 กิโลเมตร/ลิตร, นอกเมือง 13.33-15.15 กิโลเมตร/ลิตร และเฉลี่ย
10.53-12.2 กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่
191-223 กรัม/กิโลเมตร

002

โดย 911 Carrera Black Edition มีให้เลือกทั้งรุ่น Coupe และรุ่นเปิดประทุนอย่าง Cabriolet
ทุกรุ่นมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ใช้วงล้อขนาด 20 นิ้วลาย 911 Turbo Wheels
และไฟหน้าแบบ LED ที่มาพร้อมกับระบบไฟ Porsche Dynamic Light System Plus (PDLS+)
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์มาตรฐานที่ได้รับการติดตั้งเพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถรุ่นนี้
ด้วยเช่นกัน รวมทั้งภายในสีดำเข้มทำให้รถมีเสน่ห์มากยิ่งขึ้น ส่วนของผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
จะนั่งอยู่บนเบาะนั่งแบบสปอร์ต และได้รับการติดตั้งเครื่องเสียงแบบ Bose Surround Sound System
ที่ให้ความสุนทรีย์ด้วยคุณภาพของเสียงที่ยอดเยี่ยม  911 รุ่นพิเศษนี้ยังเพิ่มความสะดวกสบาย
สำหรับผู้ขับขี่มากขึ้นด้วยระบบโทรศัพท์ Telephone Module และระบบช่วยจอด Park Assist
ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง มาพร้อมกับกล้องมองหลังอีกด้วย

ส่วนรุ่น Boxster Black Edition เลือกใช้เครื่องยนต์เบนซิน Flat engine 6 สูบ แบบวางกลางลำตัวรถ
ขนาด 2.7 ลิตร มาพร้อมกับพละกำลังสูงสุด 265 แรงม้า สามารถทำตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิง
ในเมือง 8.47-9.17 กิโลเมตร/ลิตร, นอกเมือง 15.62-16.12 กิโลเมตร/ลิตร เฉลี่ยอยู่ที่ 11.90-12.65
กิโลเมตร/ลิตร และอัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) อยู่ที่ 183-195 กรัม/กิโลเมตร

A001

ในส่วนของแนวคิดเรื่องสีดำได้ถูกนำไปใช้กับหลังคาผ้าใบและบาร์ป้องกัน (Rollover protection bar)
ด้วยเช่นกัน อีกทั้งระบบ Wind deflector จะช่วยกันลมขณะเปิดประทุนได้เป็นอย่างดี

Boxster Black Edition เลือกใช้วงล้อขนาด 20 นิ้วลาย Carrera Classic มาพร้อมกับระบบไฟหน้าไบ
Bi-Xenon และระบบไฟ Porsche Dynamic Light System (PDLS) เพื่อเพิ่มความโดดเด่นให้กับรถ
ไม่เพียงเท่านี้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารจะได้รับความสะดวกสบายเพิ่มเติมจากระบบปรับอุณหภูมิ
แยกแบบ two-zone air conditioning และเบาะนั่งแบบให้ความร้อนได้ ด้านระบบเสียง
ในรุ่น Boxster Black Edition จะมาพร้อมกับเสียงแบบ Sound Package Plus คุณภาพสูง

ปอร์เช่ Black Edition ทั้ง 5 รุ่นจะเริ่มเปิดรับจองตั้งแต่เดือนมิุนายน 2015 เป็นต้นไป

A002
News written by Aum 555