วันที่ 25 กรกฎาคม 2018 เป็นวันที่ประวัติศาสตร์ยานยนต์ต้องจารึก เมื่อ Sergio Marchionne อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท Fiat Chrylser Automobiles เป็นบุคคลที่มีฉายาว่า “ชายผู้รวมพลังแห่งธรรมชาติ” ได้เสียชีวิตลงจากโรคหลอดเลือดในสมอง หลังการผ่าตัดเนื้องอกที่หัวไหล่ที่โรงพยาบาลในสวิตเซอร์แลนด์

ข่าวการเสียชีวิตของ Sergio Marchionne กำลังอยู่ในช่วงที่ Fiat Chrysler Automobiles มีความเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการบริหารงานครั้งใหญ่ในรอบหลายปี ทั้งการแต่งตั้ง Mike Manley วัย 54 ปีให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน และรวมถึงการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การพัฒนารถยนต์ใหม่ ทำให้ข่าวการสูญเสียในครั้งนี้ดูเป็นที่น่าตกใจของผู้คนในอุตสาหกรรมยานยนต์

แต่อย่างไรก็ตาม Sergio Marchionne ก็เตรียมรามือจากตำแหน่งประธานเจ้าหน้าที่บริหารไว้ล่วงหน้าแล้ว โดยมีกำหนดการเดิมคือจะคืนตำแหน่งในช่วงต้นปี 2019 แต่ด้วยปัญหาสุขภาพรุมเร้าอย่างหนัก ทำให้ Fiat Chrysler Automobile ต้องประกาศออกมาเมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 2018 ว่า Sergio Marchionne ไม่สามารถกลับเข้ามาบริหารงานได้อีกต่อไปแล้ว

Sergio Marchionne เกิดเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน ปี 1952 เป็นพลเมืองเมืองชีติ ประเทศอิตาลี ก่อนที่จะโยกย้ายถิ่นฐานไปยังประเทศแคนาดาเมื่อวัย 14 ปี จบการศึกษาวิชาปรัชญาและวิชาชีพอื่น ๆ และได้รับปริญญาบริหารธุรกิจและกฎหมาย จนมีผู้คนยกย่องว่าเป็นนักบัญชีที่เชี่ยวชาญด้านอัยการ อีกทั้งยังเป็นนักยุทธศาสตร์ทางธุรกิจในตัวได้อีกด้วย

Sergio Marchionne เริ่มต้นทำงานเป็นนักบัญชีที่ Deloitte & Touche บริษัทตรวจสอบบัญชีที่ยิ่งใหญ่ 1 ใน 4 ของโลก จากนั้นจึงย้ายงานไปยังบริษัทผลิตหีบห่อชั้นนำ Lawson Group และในปี 1994 Sergio Marchionne ได้ย้ายไปทำงานที่บริษัท Alusuisse Lonza Group เนื่องจากบริษัทเวชภัณฑ์และเคมีภัณฑ์จากสวิสเซอร์แลนด์ได้ซื้อธุรกิจ Lawson เอาไว้

(Sergio Marchionne และ Dennis Williams ประธานสหภาพแรงงานเมื่อปี 2015)

เมื่อปี 2002 เขาได้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการบริษัทประกันคุณภาพ SGS S.A. จากสวิตเซอร์แลนด์ จนสามารถพลิกฟื้นบริษัทได้อย่างรวดเร็ว จากไม่นานเขาก็กลายเป็น 1 ในคณะกรรมการบริหารบริษัท Fiat S.p.A. เมื่อเดือนเมษายนปี 2003 จากการทาบทามของคนในตระกูล Agnelli ตระกูลเจ้าของอาณาจักร Fiat และได้กลายเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารเมื่อปี 2004 ซึ่งการตัดสินใจมาบริหารธุรกิจยานยนต์ในครั้งนั้น ทำให้ชีวิตของเขาพลิกผันไปสู่จุดสูงสุดกว่าที่เคยเป็นมา

จากการสั่งสมประสบการณ์ด้านการเงินและเป็นผู้ตรวจสอบด้านกฏหมาย รวมทั้งเป็นผู้บริหารธุรกิจอย่างยาวนานทำให้ Sergio Marchionne กลายเป็นบุคลากรที่มีหูตาว่องไวเมื่อพบความปกติด้านการเงินหรือธุรกิจที่ผิดเพี้ยนไปจากเดิม

Sergio Marchionne ก้าวเข้ามาเป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารรถยนต์ Fiat ในปี 2004 ก็ต้องพบกับความปวดร้าวทันที เมื่อส่วนแบ่งการตลาดรถยนต์ Fiat ในยุโรปหดตัวอย่างรุนแรง จากเดิมที่เคยทำได้ถึง 9.4% เมื่อปี 2000 กลับลดลงเหลือแค่ 5.8% ในปี 2004 เพราะตอนนั้น Fiat เน้นการพัฒนารถยนต์นั่งขนาดเล็กเป็นหลัก ทำให้รถยนต์ที่มีขนาด C-Segment ขึ้นไป ไม่โดดเด่นเพียงพอที่จะสร้างยอดขาย (ที่ถึงแม้ได้พัฒนา All NEW Bravo 5 ประตูที่มีดีไซน์สะดุดตาในปี 2006 ก็ยังไปไม่รอดเลย)

จนในที่สุดเขาก็สามารถร่ายมนต์ทำให้ Fiat กลับมามีส่วนแบ่งการตลาด 9.1% ในปี 2009 อีกครั้ง และสามารถบริหารงานจน Fiat S.P.A. ทำกำไรในปี 2008 ถึง 747 ล้านยูโรหรือ 29,000 ล้านบาทในปัจจุบัน ซึ่งสวนทางกับสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา Hamburger Crisis ในปีเดียวกัน

วิธีการฟื้นฟู Fiat ในช่วงนั้นของเขาคือการขอเจรจาหนี้สินกับ GM, ปิดโรงงานที่ไม่ได้ประสิทธิภาพ, เพิ่มรถยนต์รุ่นใหม่ 20 รุ่นภายใน 4 ปี โดยทุ่มทุนงบ 10,000 ล้านยูโรหรือ 388,000 ล้านบาทในปัจจุบัน

จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิตมาเยือนอีกครั้ง เมื่อ Sergio Marchionne ได้ตัดสินใจนำพา Fiat S.p.A. เข้าซื้อหุ้นธุรกิจรถยนต์ Chrysler ในช่วงได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายพิทักษ์ทรัพย์ (Chapter 11) ในอัตรา 20% โดยมีกองทุนบำนาญสหภาพแรงงานสหรัฐอเมริกามาร่วมอุ้มชูถึง 55%

เมื่อมองจากภายนอกอาจจะดูคล้ายกรณีของ Renault-Nissan ที่บุคคลภายนอกดูว่ามันคือการช่วยเหลือแบบ “เตี้ยอุ้มค่อม” แต่แท้จริงแล้ว Fiat มีความตั้งใจช่วยเหลือฟื้นฟู Chrysler ให้รอดพ้นจากการถูกปิดกิจการ จึงให้สัญญาต่อกระทรวงการคลังสหรัฐอเมริกาว่า จะช่วยเหลือ Chrysler ในการจัดหารถยนต์, งานวิศวกรรม, ความเชี่ยวชาญในการผลิตและเทคโนโลยี เพื่อปิดจุดอ่อนของค่ายรถมวยรองเบอร์ 3 ในสหรัฐอเมริการายนี้

Sergio Marchionne ได้เข้ามาปัดกวาดเช็ดถู Chrysler ให้ไม่ให้หลงเหลือคราบเดิม ๆ ได้แก่

  • การแยกแบรนด์ RAM เป็นเอกเทศต่างหากจาก Dodge
  • แทนที่ผู้บริหารรุ่นเก่าด้วยผู้บริหารคนรุ่นใหม่ไฟแรง
  • การตั้งเป้ายอดขายและผลกำไรอันทะเยอทะยาน
  • เสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่แบรนด์ Jeep และผลักดันไปสู่ตลาดสากล
  • รักษาคุณค่าของแบรนด์ Chrysler ด้วยการผลิตแต่ในดีทรอยต์
    ทั้งหมดนี้ถูกนำมาเป็นลูกเล่นในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ตลอดมานับตั้งแต่ Fiat เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับ Chrysler

ในเดือนมกราคม 2012 Fiat ได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน Chrysler จากเดิม 20% เป็น 58.5% จนเป็นจุดเริ่มต้นการควบรวมธุรกิจในชื่อ Fiat Chrysler Automobiles เมื่อปี 2014

มนุษย์บนโลกใบนี้เกิดมาย่อมต้องมีข้อเสียอย่างน้อยสัก 1 อย่างซึ่ง Sergio Marchionne ก็มีข้อเสียเป็นที่โจษจันกันไปทั่ว คือเขาเป็นคนเลือดร้อนและรีบชิงสัมภาษณ์โดยไม่ไตร่ตรองข้อมูลหรือข้อเท็จจริงให้ดี อาทิ เขาเคยกล่าวหารัฐบาลสหรัฐอเมริกาผิดจรรยาบรรณในการคิดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับ Fiat Chrysler Automobiles จนในวันรุ่งขึ้นเขาก็ได้กล่าวออกมาขอโทษ, เขาเคยพูดว่า Jeep Commander เป็นรถยนต์ที่ไม่เหมาะสมสำหรับการบริโภคของมวลมนุษย์ แต่หลังจากนั้นไม่นานนักตลาด SUV ขนาดใหญ่ก็ได้รับความนิยม เป็นต้น

Sergio Marchionne ยังมีวิสัยทัศน์ที่แตกต่างจากผู้บริหารท่านอื่น เขามองว่าธุรกิจรถยนต์เริ่มเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ต่ำลง เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายในการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และต้นทุนทุนที่สูง เพราะจำเป็นต้องลงทุนพัฒนาเทคโนโลยีและรถยนต์ที่มีจุดมุ่งหมายเหมือน ๆ กัน เขาจึงออกความเห็นว่าถ้าควบรวมธุรกิจ Big3 ด้วยกัน ก็จะสามารถจัดการด้านเงินได้อย่างคล่องขึ้น แต่ทว่าทั้ง GM และ Ford ต่างไม่เห็นด้วยกับวิสัยทัศน์เช่นนี้

แม้ Sergio Marchionne เป็นคนเชื้อชาติอิตาเลียน สัญชาติแคนาดา แต่การตัดสินใจก็เด็ดขาดไม่แพ้คนอเมริกันเช่นกัน ถึงขั้นกล้าปรับเปลี่ยนธุรกิจตามความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน ด้วยการถอดรถยนต์ Dodge Dart : C-Segment และ Chrysler 200 : D-Segment ออกจากตลาด พร้อมทั้งผลักดัน RAM และ Jeep ซึ่งเป็นแบรนด์รถยนต์อเนกประสงค์อย่างหนักหน่วงแทน

และมรดกสุดท้ายที่ Sergio Marchionne มอบให้แก่ Fiat Chrysler Automobiles ก็คือ เขามีส่วนร่วมในการร่างแถลงแผนธุรกิจระยะกลางปี 2018-2022 คาดหวังผลกำไรอีกเท่าตัวนับจากการควบรวมธุรกิจในปี 2014 และยังลงทุน 9,000 ล้านยูโรหรือ 350,000 ล้านบาทสำหรับการพัฒนารถยนต์ที่ติดตั้งขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้า อันเป็นการแสดงวิสัยทัศน์ในอนาคตที่ดูจริงจังกว่า GM และ Ford เป็นอย่างมากในด้านนโยบายการพัฒนารถยนต์เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อม และยังเป็นการพิสูจน์อีกว่า Sergio Marchionne คือบุคคลที่เป็นเสือซ่อนคมตัวจริง

HOMY DEMIO ในนามของผู้เขียนข่าวนี้ ขอเป็นตัวแทนร่วมไว้อาลัย Sergio Marchionne อัจฉริยบุคคลแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ยุคปัจจุบัน มา ณ ที่นี้ครับ

ที่มา : Automotive News, IrishTimes