Toyota Camry (TNGA) Hybrid HV Premium – 1,799,000 บาท

Likes: อุปกรณ์ให้มาค่อนข้างครบ อัตราเร่งดีเหมือนเดิม ประหยัดน้ำมัน ช่วงล่างและพวงมาลัยเอาใจวัยรุ่นมากขึ้น ขับสนุกขึ้นแบบไม่ต้องเทียบกับรุ่นเดิม

Dislikes: ล้ออัลลอยไม่หล่อแบบรุ่น 2.5G ภายในรถตอนกลางวันดูธรรมดาจืดไปนิด การเก็บเสียงขอบประตูยังปรับให้ดีกว่านี้ได้ เช่นเดียวกับการตอบสนองของแป้นเบรก

จะเป็นอย่างไร ถ้าผมบอกว่าวันนึง Toyota จะทำรถขนาดใหญ่ D-segment ขุมพลังที่มีประสิทธิภาพความมั่นใจในการขับขี่ดีจนเทียบเท่าได้กับรถยุโรป? สาดโค้ง ตวัดพวงมาลัยเร็วๆแล้วรถนิ่งวิ่งอยู่ในแนวยิ่งกว่า Mercedes-Benz C350e วิ่งทางตรงไม่ส่ายไม่ลอย หักหลบหมาหลบควายตอนเบรกแรงๆแล้วอยู่หมัด?

แน่นอนครับ ต้องมีคนที่ยอมรับไม่ได้แล้วก็หาว่าผมโอเวอร์บ้างหรือคุณอาจจะโยงความที่ผมชื่นชอบ BNK48 ทำให้ผมต้องชมรถของค่ายนี้..ซึ่งไม่เกี่ยว (และ BNK ไม่ได้เป็นพรีเซนเตอร์ Camry นะยะ) และอีกฝากหนึ่ง ก็น่าจะมีคนฉุกคิด และไปหาคำตอบด้วยตัวเอง แต่การไปหารถสักคันมาลองแล้วขับโหดๆแบบผม มันคงไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ด้วยความที่ผมโดนกล่าวหาว่ายกยอจนเกินจริง ผมเริ่มคิดแล้วล่ะว่าต้องหาวิธีให้พวกคุณได้ลองกัน..ถ้ามันมีคนช่วยนะ

สำหรับคนที่ฟังย่อหน้าแรกแล้วเชื่อยาก ผมอยากให้ปรับความคิดแบบนี้ครับ เลิกมองว่ารถช่วงล่างดีต้องมาจากยุโรปซะที แล้วก็มองรถว่ามันก็คือก้อนต้นทุนหนึ่งก้อน ซึ่งขึ้นอยู่กับนโยบายของบริษัทรถที่มีต่อรุ่นนั้นๆ ว่าจะเอาเงินไปลงกับส่วนไหน แล้วถ้าวันหนึ่งท่านประธาน Akio Toyoda แกเบื่อคำครหาเรื่องช่วงล่าง Toyota แล้วทุบโต๊ะเปรี้ยงว่า “ไปทำให้มันดี!” คุณคิดว่าบริษัทอย่าง Toyota จะทำไม่ได้เชียวหรือครับ? ด้วยการเนรมิตโครงสร้าง TNGA (Toyota New Global Architecture) ขึ้นมาใหม่ ปรับแนวทางของรถเพื่อเอาใจคนขับพันธุ์ใจร้อนมากขึ้น Camry ใหม่จึงเป็นรถที่พร้อมสำหรับคนใจร้อน โดยที่ไม่ต้องใช้อะไรจาก TRD มาช่วย

และในบรรดา Camry ทั้ง 3 ขุมพลัง รุ่น Hybrid นี่ล่ะครับคือรุ่นที่บาลานซ์ดีที่สุดระหว่างการซับแรงกระแทก และความมั่นใจในการขับขี่ อารมณ์ติดแข็งนิดๆ แต่ใช้รับผู้ใหญ่นั่งเบาะหลังได้แน่นอน ผมได้ลองขับทั้ง 3 รุ่นแล้วพบว่า รุ่น 2.0 ลิตรย้วยจากแก้มยาง 205/65 และขาดการยึดเกาะไปนิด ส่วนรุ่น 2.5 G ที่ได้ยาง 235/45 ขอบ 18 ชนะอย่างขาวสะอาดเรื่องการเกาะถนน แต่รุ่นไฮบริดกับยาง 215/55 ล้อขอบ 17 มีเนื้อที่แก้มยางพอสำหรับความนุ่ม ในขณะเดียวกันน้ำหนักตัวรถกับแบตเตอรี่ที่ช่วยกดตัวรถเอาไว้ ทำให้รู้สึกสะเทือนน้อยกว่า บนถนนขรุขระ การย้ายตำแหน่งแบตเตอรี่จากท้ายรถมาไว้ใต้เบาะหลัง ทำให้การหักหลบแรงๆไม่น่ากลัว ดีขึ้นกว่ารุ่นเดิมอย่างชัดเจน

พวงมาลัยไวกว่ารุ่นเดิม แค่ยังไม่มากเท่า Accord (Gen 9) น้ำหนักหน่วงกลางเบาไปเพียงเล็กน้อย มีการถ่ายทอดสภาพถนนมายังมือรวมถึงการดีดกลับที่ค่อนข้างดีสำหรับรถขนาดนี้ ส่วนอัตราเร่งนั้น รุ่นเดิมก็แรงอยู่แล้ว รุ่นใหม่นี้ก็ไม่หนีจากเดิมมากนัก เป็นความแรงที่ถีบตัวออกเร็วตามประสารถถ่านมีมอเตอร์ช่วย ผมลองจับเวลาเล่นๆ พบว่าถ้านั่ง 2 คนเหมือนกัน Camry Hybrid วิ่งไปถึง 160 ได้เร็วกว่า Civic Turbo Hatchback นิดๆด้วยซ้ำ ในช่วงความเร็วต่ำก็คุมอัตราเร่งง่าย แตะเมื่อไหร่ก็มาเท่าที่สั่ง ดีกว่ารุ่น 2.5 ซึ่งจะมีจังหวะห้อยของพลังอย่างน่าประหลาด

สิ่งที่ยังไม่พัฒนาไปไหน ก็คือการตอบสนองของแป้นเบรก คุณยังได้ความรู้สึกแบบฟองน้ำเทียมๆ อย่างที่รถไฮบริดมี การกะแรงเบรกที่พอดี ไม่ง่ายและคมแบบรุ่นเบนซิน แม้จะยังดีที่เวลาหยุดรถไม่ต้องหน้าทิ่มหน้าคะมำจนแม่ยายด่า แต่ผมเชื่อว่าวิศวกรยังทำแป้นเบรกให้คล้ายรถสันดาปภายในได้มากกว่านี้ แม้จะมีข้อจำกัดเรื่องรูปแบบของระบบก็เถอะ ส่วนเรื่องประสิทธิภาพการยังยั้งความเร็ว ผมถือว่าทำได้ดี ทนอาการเฟดได้ดีกว่ารุ่นที่แล้ว

ภายใน รุ่น Premium นี้คอพวงมาลัยปรับด้วยไฟฟ้าและเชื่อมกับระบบบันทึกความจำเบาะด้วย นอกจากนี้การเป็นรุ่นท้อปสุด ทำให้คุณได้ของเล่นและของใช้ดีๆหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นชุดสวิตช์คุมเครื่องเสียงจากเบาะหลัง  เบาะหลังที่เอนได้ เครื่องเสียง JBL ที่หลังจากด่ากันมาเป็นทศวรรษ วันนี้จูนโทนเสียงมาสมเป็นรถราคาล้านปลายซะที นอกจากนี้คนขับยังได้จอ HUD และระบบ Cruise Control แบบมีเรดาร์ ปรับความเร็วลดตามรถคันหน้าโดยอัตโนมัติ มีระบบไฟสูงอัตโนมัติ ระบบเตือนเวลารถเฉออกนอกเลน และระบบเบรกอัตโนมัติ อุปกรณ์บางอย่าง รถยุโรปที่แพงกว่ากันล้านบาทก็ไม่มีให้

ผมชอบห้องโดยสารของ Camry ใหม่ในเวลากลางคืน เพราะจะมีแสงสีภายในสวยงามขึ้น เรืองแสงซะหลายจุด..ยกเว้นสวิตช์ Memory เบาะ วัสดุหนังที่ใช้จะดีกว่ารุ่นเบนซิน มาตรวัดต่างๆดูแพรวพราว ใช้ประโยชน์จากจอ Multi Information Display ได้ดีในแง่ของความล้ำยุค แต่การจัดโชว์ค่าต่างๆ ผมเชื่อว่ายังทำได้ดีกว่านี้โดยเฉพาะตัวอักษรบางตัวที่เล็กมาก แต่ถ้ามาดูห้องโดยสารตอนกลางวัน ผมรู้สึกว่า Camry ใหม่มีวัสดุเหมือนจะเป็น C-Segment ที่คันโต ความหรูหราของหนัง ลายไม้ และวัสดุโครเมียมหรือดำเงา ไม่อลังการเหมือนรถรุ่นที่แล้ว

เหมือนกับเป็นเทรนด์ของรถที่พัฒนาโดยเอาใจอเมริกาเป็นหลัก คือภายในน่ะ ไฮเทคขึ้น แต่อารมณ์ของความหรูแบบรถสมัยก่อนมันลดทอนลง อาการนี้..ก็เหมือนกับตอน Nissan เปลี่ยน Teana J32 เป็น L33 และเหมือนกับ Accord ที่เปลี่ยนผ่านจาก Gen 9 เป็น 10 นั่นล่ะครับ

เบาะนั่งหน้า มีความนุ่มกำลังดี สบายและกระชับเหมาะสมกับประเภทของรถ พนักพิงศีรษะจะออกแนวดันหัวหน่อยๆ ซึ่งผมไม่ชอบ แต่หลายคนในทีมรวมถึงคุณหมูโอเค ส่วนด้านหลังนั้น เบาะรองนั่งมีฟองน้ำที่แน่นสบายกว่าตัวเก่า แต่สิ่งที่หดหายไปคือพื้นที่เหนือศีรษะ ซึ่งผมนั่งในรุ่นเก่า หัวเฉี่ยวเพดาน แต่ในรุ่นใหม่ ผมต้องเอียงหัวถึงจะนั่งหลังตรงๆได้ ส่วนเรื่องการเก็บเสียง หลังจากลองขับมา 3 คัน ผมพบว่า Camry ใหม่ ไม่ได้เงียบสนิทขนาดนั้น ถูกล่ะ การเก็บเสียงจากใต้บอดี้และเสียงยางกับห้องเครื่องดีขึ้น แต่เสียงลมจากกระจกประตูกลับยังดังอยู่ ถ้าผมจำไม่ผิดแอบดังกว่ารุ่นเดิมนิดๆด้วย (แต่ต่างกันแบบวัดได้ยาก)

โดยสรุป หากคุณต้องการรถซีดานขนาด D-Segment ที่มีอุปกรณ์ติดรถเยอะ มีอัตราเร่งกระฉับกระเฉงว่องไว แม้ตีนปลายจะล็อค 194 ก็ตาม คุณเคยอยากได้ Camry รุ่นที่แล้วแต่ไม่เอา เพราะมันขาดความมั่นใจเวลาขับ Camry Hybrid HV Premium ตัวใหม่จะตอบสนองได้ดีกว่าเดิมคนละเรื่อง เป็นรถไฮบริดที่ผมขับแล้วมีความสุขทั้งในโค้งและบนทางตรง สามารถใช้เป็นรถคันเดียวของบ้านได้ แม้มันจะกลายเป็นรถที่ดีไซน์เอาใจผู้ใหญ่หรูน้อยลง แต่เอาใจผู้บริหารวัยรุ่นขับเองมากขึ้นอย่างชัดเจน