Toyota Corolla Altis 1.8 GR Sport – 999,000 บาท

Likes: ช่วงล่างดีที่สุดในประวัติศาสตร์ Corolla ประกอบไทย พวงมาลัยไม่เฉื่อย เกียร์ CVT ทำงานดีใจถึงเหมือนเคย

Dislikes: การเก็บเสียงลมเสียงยางไม่ดีเท่าที่ควร เบาะหลังมีพื้นที่น้อยลงกว่ารุ่นเดิม อุปกรณ์น้อยหน้ารุ่น Hybrid High

เดิมทีนั้น ผมมีความคาดหวังกับช่วงล่างของ Corolla Altis GR Sport ค่อนข้างสูง เพราะมีคนบอกไว้ว่า “แค่รุ่นธรรมดาก็จะได้ความมั่นใจในระดับที่อยู่กึ่งกลางระหว่าง C-HR กับ Camry แล้ว” และรุ่น GR Sport ก็จะได้ช่วงล่างที่ถูกปรับจูนให้สปอร์ตกว่ารุ่นปกติ..ว้าว

แต่พอขับจริง ผมคิดว่ามันมีความคล้ายกับ C-HR มากกว่า Camry ถ้าหากคุณจับเจ้า C-HR ใส่ยางแก้มเตี้ยแล้วโหลดลงสักหน่อยมันก็คงจะเหมือนกันเลย และถ้าเทียบกับรุ่น Hybrid High ช่วงล่างของ GR Sport ก็แข็งกว่าเพียงเล็กน้อย ยิ่งถ้าเป็นการวิ่งบนถนนกรวดและได้รถที่ใช้ยางเดียวกัน (คุณอาจได้ยาง Dunlop SportMAXX หรือ Michelin Primacy ก็ได้) ความสะเทือนที่เข้ามาในห้องโดยสารก็แทบไม่ต่างกัน

ซึ่งนั่นไม่ใช่ว่าแย่เลยนะครับ เพราะไม่ว่าจะมองยังไง นี่ก็คือ Corolla จากโรงงานไทยสดๆ ที่ช่วงล่างดีที่สุดที่ผมเคยขับตั้งแต่เกิดมา! มีความนุ่มนวลเหลือให้สัมผัสมากกว่า Mazda 3 (2019) และให้ความมั่นใจได้มากกว่า Honda Civic FC ไม่ว่าจะเป็นโค้งความเร็วต่ำหรือความเร็วสูง ไม่ว่าคุณจะเป็นสิงห์ตีนหนัก หรือเป็นผู้ใหญ่วัยเกษียณ Corolla Altis ใหม่สามารถรองรับความต้องการคุณได้ มันจะมีช่วงยุบให้ตัวประมาณ 1-1.5 นิ้วแรกที่ดูเหมือนนุ่ม บางคนขับแล้วจึงรู้สึกว่าทำไมมันหยึยๆแปลกๆ แต่หลังจากช่วง 1-1.5 นิ้วนั้นไป หนึบ ดีตามมาตรฐาน TNGA ใหม่

อาการโคลงเวลาวิ่งบนถนนที่ระนาบทาบล้อซ้าย/ขวา ไม่เท่ากัน ซึ่งมีอยู่บ้างในรุ่นเก่า รุ่นใหม่นี้อาการน้อยลง รวมถึงการปีนลูกระนาดหรือกระโดดสะพานในแนวเฉียง ต้องขอบคุณช่วงล่างหลัง ซึ่งในุร่นใหม่นี้ เปลี่ยนจากแบบคาน มาเป็นช่วงล่างอิสระ รูปแบบเดียวกันกับ C-HR ที่สำคัญคือ พวงมาลัย ไม่เฉื่อยเหมือน Altis รุ่นเก่าอีกแล้ว แม้ว่าจะมีจุดที่ผมไม่ชอบอยู่บ้าง น้ำหนักพวงมาลัยช่วงหน่วงกลาง เบาเกินไป เบากว่า C-HR ทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องเบาขนาดนั้น ต้องใช้ความเร็วเกิน 80 ขึ้นไป ถึงจะอยู่ในระดับที่พอรับได้

อัตราเร่งตอนถีบออกตัว ช้าหน่วงกว่ารุ่นเดิม อาจเพราะขนาดล้อและยางที่เส้นรอบวงมากขึ้น แต่เลย 40 กิโลเมตร/ชั่วโมงไป ก็ไหลลื่นมีพลังดี บางช่วงลื่นกว่าเก่า ปลายไหลดีกว่าเก่านิดๆแต่ยังไม่น่าจะฆ่า Civic 1.8 ได้ เกียร์ CVT ทำงานดีเหมือนเดิม ใจถึงเหมือนเดิม กะน้ำหนักคันเร่งง่ายเหมือนเดิม ดูเหมือนว่าเวลาขับความเร็วต่ำจะมีการตอบสนองน่าอภิรมย์กว่า Camry 2.5G ซึ่งแรงม้าเยอะ แต่แรงบิดรอบต่ำค่อนข้างน้อยด้วยซ้ำไป

เบาะหน้าหลายคนบอกสบายขึ้น อันนี้ก็ต้องแล้วแต่ทรวดทรงของคนขับ ในฐานะของมนุษย์ไซส์ 5XL ผมชอบเบาะ ESport ตัวเก่ามากกว่าเพราะพนักพิงหัวไม่ดันกบาล ปีกเบาะแหกกว้างนั่งกางพุงสบาย อย่างไรก็ตาม วัสดุฟองน้ำเบาะรองนั่งตัวใหม่แน่นในนุ่มนอกสบายกว่านิดๆ

ส่วนเบาะหลังนี่แอบอยากร้องไห้ เพราะแม้พื้นที่วางขาจะหายไปจากรุ่นเก่าไม่มาก แต่พื้นที่เหนือศีรษะน้อยลงชัดเจน ตรงนี้คือส่วนที่ Toyota ไม่น่าจะพลาด เพราะจุดเด่นใน Corolla ที่ผ่านมา 16-17 ปีคือเบาะหลังที่กว้างโปร่งโล่งสบายกว่าใครในตลาด พอมาวันนี้ ผมกลับรู้สึกยินดีจะนั่งบนเบาะหลังที่จม เตี้ย เอน ของ Civic มากกว่า อย่างไรก็ตาม การที่เบาะรองนั่งอยู่ในตำแหน่งที่ไม่เตี้ย ทำให้ผู้เฒ่าคนแก่ของบ้านสามารถลุกออกจากรถโดยไม่เมื่อยแรงเข่าเท่า Civic

อุปกรณ์ติดรถ หากมองแบบเผินๆ ก็ดูเหมือนดี ครบ มีเบาะไฟฟ้าฝั่งคนขับมาให้ มีจอ MID กับหน้าปัดที่ดูไม่แย่นัก อย่างไรก็ตาม ความที่ภาษีสรรพสามิตของรุ่น 1.8 เบนซิน มีอัตราสูงกว่า Hybrid ทำให้ Toyota ต้องตัดอุปกรณ์ออกเพื่อไม่ให้ราคาข้ามล้านบาท สิ่งที่ตัดออก ก็รวมถึงระบบความปลอดภัยขั้น Advance และ Radar Cruise Control ซึ่งก็พอเข้าใจได้ เพียงแต่ว่าน่าจะใส่ Cruise Control แบบปกติมาให้หน่อย เดี๋ยวนี้ขนาด Suzuki Swift ยังมี..รถใหญ่ราคาเกือบล้านก็น่าจะมีไม่ใช่หรือ?

สิ่งที่ไม่ชอบเลยคือการเก็บเสียง เหมือนจะได้ยินเสียงลมดังกว่าเดิม เสียงยางก็ดัง แต่รถทดสอบคันนี้ใช้ยาง Dunlop Sport MAXX 050 ในขณะที่บางคันจะเป็น Michelin Primacy 4 รถคันจริงขึ้นโชว์รูมใส่อะไรผมยังไม่รู้ นี่คือจุดอ่อนอย่างนึงของรถยุค TNGA ที่ช่วงล่างดีขึ้น แต่การเก็บเสียงกลับไปแย่กว่า Honda Civic เสียอีก จุดนี้คือจุดที่ผมมองว่าต้องปรับปรุงอย่างจริงจัง เพราะตอนนี้ การเก็บเสียงของ Altis ถือว่าแย่สุดในระดับ C-Segment แล้ว

ในภาพรวม Altis GR Sport มีจุดเด่นที่ช่วงล่างและการขับขี่ แต่มีจุดด้อยที่การเก็บเสียง กับพื้นที่ในห้องโดยสารที่ไม่สบายเท่าเดิม และที่สำคัญ เมื่อผมได้ลองขับตัว Hybrid High มากขึ้น ผมกลับเริ่มชอบตัว GR Sport น้อยลง เพราะ…ในราคาที่ต่างกันราวแสนบาทนั้น Hybrid High ประหยัดน้ำมันกว่าชัดเจน ประสิทธิภาพการเกาะถนนต่างกันไม่มากอย่างที่คิด มีอุปกรณ์ครบครันแบบไม่ต้องติดอะไรเพิ่ม แลกกับราคาขายต่อที่ตกเร็วกว่าตามประสาไฮบริด และอัตราเร่ง (เวลากดมิด100%) ที่สู้รุ่นเบนซินไม่ได้

และถ้าให้เทียบกับคู่แข่ง หากคุณเป็นคนที่ชอบรถขับสนุก เน้นประสิทธิภาพช่วงล่าง Mazda 3 ยังเป็นตัวเลือกที่ตรงใจกว่า แม้ว่าความแรงบนทางตรงอาจจะไม่ได้เด่นกว่า Altis 1.8 มากนัก ส่วน Civic นั้น ในรุ่น 1.8 มีสเป็คที่เป็นรอง Altis GR Sport และช่วงล่างไม่หนึบเท่า แต่ก็ราคาถูกกว่าและมีการออกแบบล้ำสมัยกว่า ส่วนรุ่น 1.5 TURBO ก็แรงขึ้น อุปกรณ์ดีขึ้น แต่ราคาก็เลยล้านบาทไปไกลมากในตัว RS ในท้ายสุด Toyota ก็ยังคงเป็นตัวเลือกสำหรับคนที่ซื้อรถเพื่อการใช้งานจริงจัง คาดหวังความทนทาน ราคาขายต่อที่ดี แต่วันนี้ มันขับสนุกขึ้น