Audi TTS Coupe quattro – 4,599,000 บาท

Likes: TT ในแบบที่มันควรเป็น เก๋ไก๋ ว่องไว และสวยครบ

Dislikes: ราคาที่ทำให้กลับไปซบ TT ตัวธรรมดาอย่างไว และไม่มี Cruise Control อยู่ดี

ถ้าคุณคิดจะซื้อ TTS ก็ควรจะถามตัวเองก่อนว่า คุณต้องการอะไรจากรถคันนี้..ส่วนตัวผมนั้นคิดเหตุผลได้แค่ 2 อย่าง

1. เพราะคุณอยากได้รถที่เป็น REAL TTS คุณเห็นความพิเศษ จากการเป็นรุ่นพิเศษที่หาได้ยากกว่า ซึ่งจะยิ่งทวีค่าเมื่อมันกลายเป็นรถคลาสสิคในอีกราวๆ 1-2 ชาติภพข้างหน้า

2. หรือ..เพราะคุณอยากได้ Audi ที่มีพลังและความเร็วน่าตื่นตากว่าปกติ โดยที่ไม่อยากไปโมดิฟายเพิ่มกำลังเครื่องยนต์ให้เสียการประกันคุณภาพ ซึ่งแน่นอนว่าจะรีแมพหรืออะไรก็แล้วแต่..ประกันหลุดแน่

ถ้าไม่ใช่หนึ่งในสองข้อนี้ การจ่ายเงินเพิ่มอีก 1.4 ล้านบาทเมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดา ผมว่าน่ากลัวจะไม่คุ้ม

เมื่อมองจากภายนอก จุดที่แตกต่างจาก TT รุ่นธรรมดาก็คือล้ออัลลอย จากเดิมที่เป็นลายเดซี่ดั๊ก 17 นิ้วที่ใส่มาเพื่อลดค่า CO2 (เลยทำให้มันมีราคาที่ถูกเพราะกินเรตสรรพสามิตน้อย) เปลี่ยนเป็นขนาด 19 นิ้ว ลายห้าก้านคู่ที่ทำให้รถดูสวยขึ้นมาก ส่วนภายในนั้น ก็มีแค่เบาะหนัง Nappa เย็บลายข้าวหลามตัดกับโลโก้ TTS บนพวงมาลัยที่เป็นจุดต่างอันเป็นรูปธรรมที่สุด

ส่วนในด้านพละกำลัง เวอร์ชั่นไทยถูกตอนม้าลง จาก 310 เหลือ 286แรงม้า ซึ่งถึงแม้จะมากกว่า TT รุ่นธรรมดาอยู่ตั้ง 56 ตัวแล้ว อัตราเร่ง 0-100 และ 80-120 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนั้น ต่างกันย่านละไม่เกินครึ่งวินาที แต่ถ้าคุณมีที่ให้กดยาวกว่า 300 เมตร นั่นคือจุดที่ TTS จะแสดงความแตกต่างของมันออกมาชัดเจน จริงอยู่ว่าความเร็วสูงสุดมากกว่ารุ่นปกติแค่ 4 กิโลเมตร/ชั่วโมง (ถูกล็อคทั้งคู่) แต่ TTS เร่งจาก 120 ไปถึงจุดนั้นได้ไวกว่ามาก 0-160 กิโลเมตร/ชั่วโมงตามหลัง AMG SLC43 แค่ 1 วินาที และความเร็วช่วงผ่านหลัก 1.7 กิโลเมตรก็ทำได้ถึง 239 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (TT รุ่นปกติได้ 227 ซึ่งก็ไม่กระจอกแล้ว)

ณ จุดเดียวกัน และด้วยน้ำหนักบรรทุกเท่ากัน BMW M2 ทำได้ 243-244 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และ AMG CLA45 381 แรงม้ากลับทำได้แค่ 238 ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่า ไอ้ที่บอกว่า TTS มี 286 แรงม้านี่เป็นความตั้งใจในการถ่อมตัวอย่างสุดโต่งหรือเปล่าเพราะช่วงความเร็วปลาย TTS ไหลโหดราวกับมีม้า 330 ตัวเห็นจะได้ แถมเสียงเครื่องยนต์ก็กังวานไพเราะ มันอาจฟังดูเหมือนเสียงสังเคราะห์ แต่มีความหวานคล้ายเครื่องยนต์ 5 สูบ ผมว่ามันเป็นเครื่อง 4 เม็ดเทอร์โบยุคใหม่ที่เสียงน่าฟังที่สุดแล้วล่ะครับ

ช่วงล่างคืออีกจุดที่ต่างจากรุ่นธรรมดา เพราะ TTS จะได้ช่วงล่างปรับความหนืดแข็งได้ Audi Magnetic Ride ซึ่งใช้ผงเหล็กขนาดเล็กและแม่เหล็กไฟฟ้าในการสั่งจัดเรียงโมเลกุลซึ่งส่งผลต่อความแข็งของโช้ค

ทว่า TTS จะแสดงความต่างชัดเจนก็ต่อเมื่อเล่นโค้งหนัก หรือหากเป็นทางตรงก็ต้องวิ่งเกิน 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันเป็นรถที่คล่องแบบสายมุด มันส์ และมั่น แค่ต้องระวังเวลาเข้าโค้งซึ่งบางครั้งจะมีอาการพยศสลับกันระหว่างหน้าดื้อกับท้ายไหล ซึ่งอาการแบบนี้ TT รุ่น 45TFSI ก็มี ส่วนความนุ่มนวลของช่วงล่าง ต้องทำใจ ถึงแม้จะมีระบบปรับความหนืดได้และเลือกโหมดที่นุ่มสุด แต่ก็เจอล้อ 19 กับยางแก้มเตี้ยทำให้สะเทือนอยู่ดี ไม่เหมาะสำหรับคนมีปัญหาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท แต่ถ้าคุณเคยชินกับช่วงล่างของ MINI JCW, WRX STi และ CLA45AMG เจ้า TTS นี่ก็ไม่แย่นักหรอก

พวงมาลัยไวจริงแต่มีแรงหน่วงช่วงถือพวงมาลัยตรงดีมากทำให้ขับแล้วไม่เครียด ส่วนแป้นเบรกนั้นมีระยะเหยียบสั้น มีแรงต้านการเหยียบดี แต่ที่ความเร็วสูงจะจับจานดีเกินคาดไปนิด ควรขับและจับอาการรถให้บ่อยก่อนเอาไปลงสนามไหนก็ตามแต่

ส่วนในด้านการใช้งานในชีวิตประจำวัน หากไม่นับเรื่องช่วงล่างแข็งแล้วล่ะก็ ในด้านอื่นๆก็เหมือน TT รุ่น 45TFSI ถึงแม้ขนาดตัวจะเล็ก แต่ก็ออกแบบห้องโดยสารมาได้น่านั่ง และมีพื้นที่ขยับแขนขาได้มากกว่าที่คิดแม้ว่าคนขับจะเป็นไซส์ 5XL เท่าผมก็ตาม ผมไม่แฟนซีกับจอ Virtual Cockpit เพราะแม้จะดูล้ำ แต่การแสดงค่าต่างๆที่คนขับรถซิ่งอยากได้ ยังไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ แต่กับ TT คุณต้องมีออพชั่นนี้เพราะเขาเล่นออกแบบคอนโซลกลางให้ลดสวิตช์แล้วไปพึ่งพาจอซะเยอะ

โดยสรุปแล้ว ผมยังยืนยันคำเดิม คุณซื้อ TTS เพราะมันคือ TT ที่มี “S” หรือเพราะคุณอยากได้ความแรงแบบไม่ต้องโมดิฟาย หาไม่เช่นนั้นแล้วผมพบว่าการเอารุ่น 45TFSI มาโมดิฟายต่อยอดเองในงบล้านบาท คุณอาจจะได้รถที่ดูดีเท่ากันและวิ่งได้เร็วกว่า TTS เสียอีก ไม่ใช่ว่า TTS ไม่ดี เพียงแต่ราคาที่สูงกว่า Mercedes-AMG C43 รุ่น 390 แรงม้าอยู่หลายแสนบาทนั่นล่ะ ทำให้คิดหนัก


ไม่มีงบพอซื้อ TTS?

งั้นดูคลิปรุ่นธรรมดา ได้ที่นี่

TheClip : ลองขับ Audi TT 45TFSI Quattro – ขับสี่ดึงดีทันสมัยแบบยุโรป ราคาสะเทือนญี่ปุ่น++