หากถามผู้ใหญ่วัยประมาณ 40 ปลายขึ้นไปด้วยคำถามว่าภาพจำของรถยนต์ Suzuki
ในสมัยก่อนมันคืออะไร ก็แน่ล่ะว่ามากกว่าร้อยละ 80 จะต้องนึกถึง Suzuki Caribian
SJ413 เป็นแน่แท้ เพราะมันคือสุดยอดรถเอสยูวีบนพื้นตัวถังแชสซีส์ที่มีราคาเป็นมิตรมาก ๆ
(และมาพร้อมชื่อเสียงช่วงล่างกระเด็นกระดอนไปทั่วสารทิศ)

แต่สุดท้าย Suzuki Caribian ก็ดันกลายเป็น One Hit Wonder Vehicle คล้ายกับ
Daihatsu Mira ด้วยข้อจำกัดของภาษีสรรพสามิตอัตราใหม่ หากยังฝืนผลิตราคาก็พุ่ง
สูงโด่งจนลูกค้ารับไม่ได้แน่นอน วิธีการเดียวที่ทำได้ในสมัยนั้นคือการเลิกผลิตและใน
ตลาดโลกก็ผลิต Suzuki Jimny รุ่นใหม่ ๆ แค่เวอร์ชัน 2 ประตูเท่านั้น ถ้านำมาขึ้นสาย
การผลิตในไทยคงไม่คุ้มทุนนัก

2016_07_23_Suzuki_Caribian

เราเชื่อว่าคนหนุ่มสาวหลายคนคงอยากให้ Suzuki กลับมาสานต่อตำนาน Caribian
ใหม่ในไทยอีกครั้ง เราจะบอกว่าฝันของท่านใกล้จะเป็นจริงแล้ว

ข่าวล่าสุด จากแหล่งข่าวภายใน Suzuki ยืนยันกับเว็บไซต์ Car and Bike อินเดียว่า
Next Generation Suzuki Jimny จะขึ้นสายการผลิตในอินเดีย สาเหตุสำคัญที่ทำ
ให้ Suzuki ต้องพัฒนา Jimny รุ่นใหม่ขึ้นมาก็เพราะบรรดาดีลเลอร์ยุโรปพากันกดดัน
บริษัทแม่ให้รีบนำ Jimny โฉมใหม่มาขายโดยด่วน เนื่องจากลูกค้ายังถวิลหารถสไตล์
แบบนี้อยู่

All New Suzuki Jimny รุ่นใหม่นั้นจะถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถังน้ำหนักเบารุ่นใหม่ล่า
สุดร่วมกับ Baleno และ Ignis โฉมใหม่ และจะเตรียมขึ้นสายการผลิตภายในต้นปี 2017

กลุ่มเป้าหมายหลักของ All New Suzuki Jimny ใหม่นั้นจะอยู่ที่ตลาดอินเดีย, เอเชีย
ตะวันออกเฉียงใต้, ยุโรป (เน้นหนักที่ประเทศอังกฤษ, ฝรั่งเศสและเยอรมนี)และรวมถึง
บราซิล มีความเป็นไปได้สูงว่าฐานการผลิตจากโรงงาน Gujarat ประเทศอินเดียจะทำ
หน้าที่ส่งออก Jimny ไปยังตลาดหลักเหล่านั้น และน่าจะมีการนำไปเปิดตัวที่ตลาดญี่ปุ่น
อีกด้วย

คาดการณ์กันว่าระบบขับเคลื่อนสี่ล้อของ All New Suzuki Jimny ใหม่จะเป็นระบบ
เดียวที่ใช้ใน Suzuki Ignis ติดตั้งเครื่องยนต์ BoosterJet 1.0 ลิตร

All New Suzuki Jimny ที่จะทำตลาดในอินเดีย, บราซิลและอินโดนีเซียจะเป็นเวอร์ชัน
5 ประตูรุ่นขยายฐานล้อซึ่งขนาดตัวถังก็ยังคงอยู่ในพิกัดซับคอมแพคท์เอสยูวี แต่สำหรับ
เวอร์ชันส่งออกต้องเป็นรุ่น 2 ประตู ฐานล้อสั้นเท่านั้น

ถ้าในเมื่อข่าวมันเด่นชัดในระดับนี้แล้ว ก็มีโอกาสสูงที่ลูกค้าชาวไทยน่าจะได้สัมผัส
All New Suzuki Jimny จากฐานการผลิตในอินโดนีเซียภายในระยะเวลาไม่เกิน
2-3 ปีข้างหน้า

ที่มา : Car and Bike