ไม่ทันที่เราจะยลโฉม 5-Series โฉมใหม่รหัส F10 ว่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน กลับมีรายละเอียดบางส่วนของ 3-Series โฉมใหม่รุ่นปี 2011 ภายใต้แกนนำการออกแบบ Adrian van Hooydonk ที่ถ่ายทอดประสบการณ์จาก Chris Bangle นำมาตีความใหม่สำหรับรถยุค 2011

เส้นสายของ 3-Series ตัวใหม่เฉียบคม สัดส่วนรถต่าง ๆ ถูกขัดเกลาให้ลดแรงเสียดทานมากที่สุดราว 60% ของพื้นที่ตัวถัง แบ่งเป็น 30% บริเวณล้อและซุ้มล้อ 20% ใต้พื้นตัวถัง 10% บริเวณหม้อลมเบรคให้ลมหมุนเวียนดีขึ้น

ไฮไลต์เด็ดด้านแอโรไดนามิคหนีไม่พ้นนวตกรรม Air Curtain หรือม่านลมที่ติดตั้งบริเวณด้านล่างกันชนจะทำหน้าที่ขยับช่องรับลมให้เหมาะสมตามความเร็วรถรวม ๆ แล้ว 3-Series โฉมใหม่มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานแค่ 0.24 เท่านั้น

เมื่อรถลู่ลมขึ้นก็ต้องมีเครื่องยนต์ที่แรง ประหยัด และลดมลพิษแบบสุด ๆ ด้วยการเปลี่ยนแปลงผังเครื่องยนต์แบบพลิกความคาดหมายด้วยเครื่องยนต์ 3 สูบ เทอร์โบชาร์จ ดีเซล 150 แรงม้า แรงบิด 220 ปอนด์ฟุต เบนซิน 150 แรงม้า แรงบิด 170 ปอนด์ฟุต จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด ครั้งแรกของซีรีส์นี้

เหตุผลที่ต้องพัฒนาบล๊อก 3 สูบ คือต้นทุนต่ำลง ประหยัดขึ้นมาก ค่าไอเสียผ่านมาตรฐาน EURO 6 โดยไม่ต้องดัดแปลงหรือติดตั้งชุดลดค่าไอเสียที่ทำให้สมรรถนะแย่ลงและราคาแพงขึ้น น้ำหนักเบาลงออกแบบการกระจายน้ำหนักได้ดีขึ้นมีผลต่อการบังคับควบคุม ถ้ายังไม่สะใจเตรียมพบเวอร์ชันไฮบริดภายในปี 2016

ภายในสุดล้ำด้วยระบบเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ตเต็มรูปแบบที่มีอยู่ใน 5-Series GT เช่นกัน สามารถอ่านผลการจราจรที่คุณจะเดินทางไปโดยง่าย เวอร์ชันไฮบริดจะเหนือชั้นอีกขั้นด้วยลดใช้พลังงานไฟฟ้ากับอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง,แสดงผลการใช้งานไฮบริดร่วมกับเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

ระบบเครื่องปรับอากาศปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพขึ้นด้วยมอเตอร์ฮีตเตอร์ที่ใช้กับห้อง 250 ตารางเมตร ห้องโดยสารก็รักษาอุณหภูมิได้ดีกว่าเดิม

นี่คือเทคโนโลยีล่าสุดที่เผยแพร่ขณะเปิดตัวอาคารทดสอบค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานเมื่อวันก่อน ถือว่าฉีกตนเองให้ก้าวไปสู่ยุคอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อมอย่างแท้จริงให้งานวิศวกรรมเป็นส่วนหนึ่งเหล่านั้นแต่ยังคงรักษาความเป็นตัวของตัวเองไว้เหนียวแน่น

หาก 3-Series คันจริงใกล้เคียงกับข้อมูลที่รายงานมาน่าเชื่อว่าน่าจะได้ใจลูกค้ามากกว่าเดิมอีกมาก โดยเฉพาะงานออกแบบที่สวยขึ้นและถูกใจคนส่วนใหญ่แน่นอน