ผมลงไม่ผิดภาพครับ ภาพที่คุณเห็นไม่ใช่รถ Tiida Minorchange ธรรมดา ๆ  แต่นี่คือรถ Test Mule หรือรถอำพรางเพื่อประเมินงานวิศวกรรมบางอย่างของ Tiida ตัวต่อไป หากยังไม่เข้าใจผมจะเกริ่นพอสังเขปเสียก่อน

 

ขั้นตอนการพัฒนารถยนต์จะใช้เวลาเฉลี่ย 3-5 ปี หากพัฒนาบนพื้นฐานงานวิศวกรรมดั้งเดิม เช่น ช่วงล่างและเครื่องยนต์เดิมก็ช้าสุด 3 ปีครับ บางค่ายบางรุ่นทำสถิติพัฒนารถเร็วถึง 18 เดือนก็มีครับ ได้แก่ Mitsubishi EK Wagon ที่ออกแบบตัวถังภายนอกเท่านั้น

 นอกเหนือจากการออกแบบและทดสอบในห้องปฏิบัติการในพื้นที่ที่เป็นความลับสุดยอดยิ่งกว่าปฏิบัติราชการลับเสียอีก การทดสอบนอกสถานที่ก็ไม่ควรละเลยอย่างยิ่งเพราะสภาวะการขับขี่บนท้องถนนจริงก็ต่างจากสนามทดสอบอยู่ดี

ปัญหาสำคัญของขั้นตอนนี้ที่ค่ายรถส่วนใหญ่มักปวดหัวกัน คือไม่สามารถนำรถต้นแบบที่ใกล้เคียงความจริงมาทดสอบก่อนวางจำหน่าย 2 ปี แม้จะคลุมด้วยผ้าหรือแถบคาดดำมิดชิดแค่ไหน แต่คู่แข่งก็สามารถคาดเดาสินค้าของตนเองและแก้เกมส์พัฒนารถให้สวยหรือดีกว่าจนเสียโอกาสทางการตลาดไปก็ได้ครับ

วิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการนำตัวถังของรถรุ่นปัจจุบันมาครอบทับ ดัดแปลงส่วนต่าง ๆ ให้เข้ากับชิ้นงานที่จะทดสอบหรือทำไว้แค่ลวงตา นี่แหล่ะครับคือความหมายของ Test Mule แปลแบบตรงตัวคือการทดสอบรถแบบล่อลวงคิดว่าเป็นรถรุ่นปัจจุบันไม่มีอะไรในกอไผ่ แบบนี้ครับทำให้คู่แข่ง ลูกค้า และสื่อมวลชนคาดเดาได้ยากมากว่าพวกเขากำลังทำอะไรกันอยู่

แต่บางค่ายใช้วิธีพิสดารไปเลยคือนำชิ้นส่วนของรถรุ่นต่าง ๆ มาประกอบเป็นรถ Test Mule กลายเป็นรถที่แปลกประหลาด ผิดสัดส่วนไปหมดเป็นจุดดึงสายตาได้มากกว่าเดิมเสียอีก แต่ที่แน่ ๆ ยังรักษาความลับขั้นตอนการพัฒนารถของตนเองอยู่ดี

ส่วนความคืบหน้าของการพัฒนา Tiida รุ่นต่อไปเริ่มมีความเคลื่อนไหวบ้างแล้วครับ เมื่อสมาชิกเว็บบอร์ดจากเว็บไซต์นิตยสารชื่อดัง Autoweek.nl แห่งเนเธอร์แลนด์นามว่า Joep83 เผยภาพดังกล่าวที่แอบถ่ายในเมือง Santo Monica มลรัฐ California ประเทศสหรัฐเมริกา เขามั่นใจว่านี่คือ Versa Minorchange (ใช้ชื่อนี้เฉพาะตลาดสหรัฐอเมริกาและแคนาดาเท่านั้นครับ) ที่เตรียมจะทำตลาดภายในปีหน้า

หากคุณสังเกตหลาย ๆ จุดจะพบว่ามันไม่ใช่แค่ Tiida Minorchange ที่แล่นทดสอบเท่านั้น แต่มันคือการทดสอบรถ Test Mule ของรถรุ่นต่อไปแน่นอนเพราะรถถูกเพิ่มความกว้างของโป่งล้อหน้าและหลังชัดเจน ติดตั้งชุดตรวจประเมินการทำงานตั้งแต่ดุมล้อหน้าลากสายเข้ามายังห้องโดยสารที่จะต้องมีคอมพิวเตอร์ติดตั้งซอฟท์แวร์เพื่อประเมินผลด้านวิศวกรรมบางอย่าง เช่น ทดสอบระบบบังคับเลี้ยวต่าง ๆ เป็นต้น

จุดสังเกตสำคัญคือมีทีมงานจากญี่ปุ่นมาคุมเข้มกับการทดสอบนอกสนามเช่นนี้ หากเป็นการทดสอบวิ่งของรถ Minorchange ไม่จำเป็นต้องยกพลคุมขนาดนี้ครับ ภาพสุดท้ายนำเจ้ารถคันนี้เข้ารถตู้คอนเทนเนอร์ขนไปเก็บสถานที่คาดว่าจะต้องเป็นศูนย์พัฒนาและวิจัยประจำอเมริกาเหนือ

เราถือว่าภาพนี้เป็น World Exclusive ความเคลื่อนไหวการพัฒนารถรุ่นนี้ครั้งแรกครับ

 

ดังนั้นจึงสรุปว่าขั้นตอนการพัฒนา Tiida รุ่นต่อไปรหัส X12D อยู่ช่วงกลางของการพัฒนา แม้รายละเอียดต่าง ๆ ยังไม่หลุดรอดออกมาแต่จากการติดตามข่าวสารของวงการรถญี่ปุ่นทำให้เราทราบว่า Tiida โฉมต่อไปจะขยายความกว้างมากกว่า 1,750 มม. มีความเป็นไปได้สูงว่าอาจจะกว้าง 1,770 มม.เท่ากับ Nissan Leaf ที่นิสสันอ้างว่าเป็นขนาดของ C-Segment ยุคปัจจุบัน (กว้างกว่า Honda Civic ถึง 20 มม.) ถ้าใช้มาตรฐานเหล่านี้อ้างอิงกับ Tiida รุ่นต่อไปก็ไม่น่าจะแปลกใจครับ

ความยาวตัวถังก็จะต้องยาวกว่าเดิม ความยาวฐานล้อบนพื้นฐาน B-Platform จะขยายไปแตะระดับ 2,700 มม. เท่ากับ Nissan Leaf และ Honda Civic ส่วนความสูงคาดว่าน่าจะอยู่ระดับ 1,495 – 1,525 มม.

ดีไซน์ภายนอกบางแหล่งบอกว่าจะต้องดูโฉบเฉี่ยวและแปลกตากว่าเดิม เพราะถึงแม้เอาใจรสนิยมชาวญี่ปุ่นเพียงไรก็ไม่อาจต้านกระแสรถยนต์ Hybrid และรถเล็กยุคปัจจุบันที่ดูล้ำสมัย น่าดึงดูดใจคนรุ่นใหม่ หนำซ้ำคนรุ่นเก่าที่ยึดติดกับรถคอมแพคท์อนุรักษ์นิยมอย่าง Corolla ยังต้องหันไปหารถประเภทอื่นที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ จึงมีแนวโน้มว่า Tiida โฉมต่อไปอาจจะมีกลิ่นความสปอร์ตโฉบเฉี่ยวทันสมัยบ้างครับ

งานวิศวกรรมยังไม่ยืนยันว่าจะปรับปรุงเครื่องยนต์ตระกูล HR และ MR อย่างไร แต่แหล่งข่าวหลายแห่งระบุว่าจะมีเวอร์ชัน Sport เต็มพิกัดด้วยการวางเครื่อง HR16DDT ฉีดเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีดคู่ที่ให้ประสิทธิภาพเทียบเคียงระบบฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมวาล์วแปรผันคู่ทั้งฝั่งไอดีและไอเสีย (ปกติมีเฉพาะฝั่งไอดี) รีดพลังด้วยเทอร์โบชาร์จอาจจะมีซูเปอร์ชาร์จมาร่วมด้วยทำให้มีแรงถึง 180 แรงม้า แรงบิด 25.0 กิโลกรัมต่อเมตร เมื่อประกบกับเกียร์ CVT เจเนเรชั่นใหม่ทำอัตราสิ้นเปลืองโหมด 10-15 ได้เฉลี่ย 16 กิโลเมตรต่อลิตร เครื่องยนต์บล๊อกนี้จะถูกติดตั้งในรถขนาดคอมแพคท์รุ่นต่อ ๆ ไป อาทิ Qazana ครอสโอเวอร์ระดับ B-Segment เปิดตัวมีนาคมปี 2010  รถตู้ NV200 เป็นต้น

การปรับจูนสมรรถนะการขับขี่ การบังคับควบคุมจะใช้ Volkswagen Golf GTI รุ่นปัจจุบัน(ที่สื่อมวลชนและลูกค้ายอมรับว่าเป็นรถที่มีสมรรถนะทั้งหมดดีที่สุดในตลาด C-segment)เป็นมาตรฐานหรือ Benchmark ในการพัฒนา Tiida โฉมใหม่เวอร์ชัน Sport ครับ คาดว่าอย่างน้อยเวอร์ชันธรรมดาอาจจะต้องมีสมรรถนะทุกด้านโดยรวมดีกว่าเดิม

ทั้งหมดนี้เราคงจะต้องสืบข่าวความคืบหน้า Tiida X12D กันต่อไปเรื่อย ๆ จนกว่าจะได้ความชัดเจนที่แท้จริงครับ
กำหนดการเปิดตัวคาดว่าจะได้ยลโฉมในตลาดโลกราวปี 2011
ส่วนตลาดไทยเปิดตัวแน่นอนภายในปี 2012 ครับ